เทศกาลสงกรานต์ปีนี้หลายจังหวัดปิดฉากประเพณีวันปีใหม่ไทยอย่างยิ่งใหญ่สนุกสนาน ขอนแก่นงานสงกรานต์ถนนข้าวเหนียวสุดม่วน คืนสุดท้ายผู้คนร่วมงานสาดน้ำทะลุ 1.6 แสนคน มากสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่จัดงานมา เงินสะพัดทั่วจังหวัดหลายร้อยล้านบาท ส่วนศรีสะเกษมีเรื่องเศร้าวันสงกรานต์ ลูกสาวนายอำเภอเสียชีวิตขณะเล่นสาดน้ำ กว่ารถกู้ภัยจะ เข้ามาช่วยเหลือได้ ต้องทุลักทุเลฝ่าด่านกองทัพผู้คน และรถต่างๆที่มาเล่นสงกรานต์กันแน่นถนน ขณะ จนท.กู้ภัยกำลังช่วยชีวิตยังถูกคนดึงตัวไปประแป้ง ด้านเชียงใหม่ผู้คนเล่นสาดน้ำล้นหลามที่สี่แยกรินคำ ส่งท้ายเทศกาลรอพบกันใหม่ปีหน้า นายกบ้านกรูดปลื้ม คนหลั่งไหลเล่นสาดน้ำพร้อมชมคอนเสิร์ตริมทะเล เงินสะพัดเพียบ ส่วนงานวันไหลบางแสน ประกวดก่อเจดีย์ทรายกันสวยงามอลังการ นักท่องเที่ยวตื่นตา ตื่นใจ ยอด 6 วันสงกรานต์ตาย 243 บาดเจ็บ 1,837 คน

เทศกาลสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย 2567 สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างทยอยเดินทางกลับมาทำงานหลังจากมีวันหยุดยาวถึง 5 วัน และตลอดวันที่ 17 เม.ย.การจราจรทั้งถนนสายหลักถนนสายรองทุกสายหนาแน่นไปด้วยรถนานาชนิดที่ กลับจากไปเฉลิมฉลองสงกรานต์ ขณะที่หลายจังหวัดยังมีผู้คนเล่นสงกรานต์ในวันที่ 17 เม.ย. เป็นวันสุดท้าย

ที่ จ.ขอนแก่น นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์ขอนแก่นปีนี้ถือว่าเกินคาดมาก โดยเฉพาะวันที่ 15 เม.ย. คืนสุดท้ายของการจัดกิจกรรมมีผู้เข้าร่วมงานทะลุ 160,000 คน ถือเป็นการเล่นสงกรานต์ถนนข้าวเหนียวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้ที่มีตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 1,200 ล้านบาท ผลสำรวจผู้มาเที่ยวงานมากสุดคือคนในขอนแก่น รองลงมาจาก กทม. นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง ต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นเขยฝรั่งในภาคอีสาน ปีที่แล้วมีเงินสะพัด 6-700 ล้านบาท ปีนี้มีเงิน และนักท่องเที่ยวเพิ่มกว่า 30% ภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ หนีไม่พ้นธุรกิจประเภทโรงแรม ห้องพัก ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของฝาก อาหาร เครื่องดื่ม สถานบันเทิง หากเป็นแบบนี้ทุกปีเชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองขอนแก่นเป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุเศร้าในสงกรานต์ปีนี้ จากเหตุการณ์ น.ส.ปภัสรา รัตวาลย์ อายุ 31 ปี บุตร นายปวิช รัตวาลย์ นอภ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ เสียชีวิตขณะเล่นน้ำสงกรานต์ที่หน้าศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ เมื่อค่ำวันที่ 15 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.จันจิรา ธานี หรือน้องไข่มุก เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเทศบาลกันทรลักษ์ ที่เข้าช่วยปั๊มหัวใจ น.ส.ปภัสราขณะเกิดเหตุว่า หลังรับแจ้งเหตุตนกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำรถกู้ชีพมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน แต่เข้าถึงจุดเกิดเหตุไม่ได้ เนื่องจากการจราจรติดขัดมากรถติดยาวเหยียด ทีมกู้ชีพ จึงตัดสินใจจอดรถห่างที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตรแล้วเดินเท้าไปที่เกิดเหตุ พบพลเมืองดีกำลังช่วยปั๊มหัวใจอยู่ แต่เมื่อจับชีพจรพบว่าไม่มีชีพจรแล้วแต่ยังมีผู้ทำ CPR จึงประสานไปยัง รพ.กันทรลักษ์เข้ามาช่วยสนับสนุน แต่เมื่อรถพยาบาลมาก็ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ เพราะการจราจรติดขัดและไม่มีใครหลีกทางให้กับรถฉุกเฉิน จากนั้นมีการนำตัวผู้ป่วยขึ้นรถ ที่ใกล้ที่สุดนำส่ง รพ.กันทรลักษ์ แต่ไม่ทันการณ์และขณะเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยกำลังช่วยทำ CPR คนไข้ ยังมีคนที่เล่นน้ำสงกรานต์มาดึงตัวเจ้าหน้าที่ไปประแป้ง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะเป็นนาทีชีวิต อยากฝากถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุการณ์หรือมีสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเจ้าหน้าที่หรือรถกู้ชีพกู้ภัยเปิดสัญญาณไฟขอทาง อยากให้เปิดเส้นทางหรืออำนวยความสะดวกด้วย เพื่อที่จะได้เข้าช่วยเหลือคนไข้ได้ทันท่วงทีเพื่อลดความสูญเสีย

ที่ จ.เชียงใหม่ บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ส่งท้ายเทศกาลในคืนวันที่ 16 เม.ย. เป็นที่ติดตาตรึงใจชาวเชียงใหม่อย่างมาก โดยผู้คนทั้งชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวไทยกับต่างชาติกว่า 30,000 คน มารวมตัวเล่นน้ำและสนุกสุดๆกับคอนเสิร์ต ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเมญ่าไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ สี่แยกรินคำ อ.เมืองเชียงใหม่ ผู้คนล้นทะลักออกมาเต็มพื้นที่ถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนในช่วงเวลา 22.00 น. หากมองจากมุมสูงจะเห็นฝูงชนจำนวนมากเต็มพื้นที่แยกรินคำ เป็นภาพผู้คนที่มารวมตัวกันในกิจกรรมสงกรานต์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นแบบนี้มานานเกือบสิบปี บ่งบอกได้ถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ที่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

ที่ จ.เชียงราย มีผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า “bellsiam” โพสต์คลิปภาพชายคนหนึ่งกำลังเดินนำหน้ารถกู้ภัยพร้อมโบกมือขอทางให้รถได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อเย็นวันที่ 16 เม.ย. ผ่านขบวนรถและคนเล่นน้ำบนถนนสนามบินในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย ให้ไปถึง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์อย่างสะดวกรวดเร็ว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกจัดให้เป็นถนนคนเล่นน้ำตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย. ทำให้รถเคลื่อนตัวไปด้วยความยากลำบาก แต่ชายดังกล่าวที่มาเล่นน้ำสงกรานต์ได้เดินนำและโบกรถพร้อมทั้งให้สัญญาณรถที่ไปเล่นสงกรานต์ให้เปิดทางและเดินนำไปจนพ้นเขตรถหนาแน่นโดยมีรถและคนไปเล่นน้ำคนอื่นๆให้ความร่วมมือและรับช่วงโบกรถส่งต่อให้กับตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย จนทำให้รถไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยในที่สุด

วันเดียวกัน นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศ มนตรีเทศบาลตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์บ้านกรูดปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนและทุกคนที่ทำให้งานสงกรานต์ปีนี้ออกมาดีงาม สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเล่นน้ำและท่องเที่ยวบ้านกรูด ในส่วนยอดจองห้องพักที่มีอยู่ในเขตเทศบาลที่ขึ้นทะเบีบนไว้ประมาณ 1,100 ห้อง ถูกจองเต็ม 100% ตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาลจะเริ่มขึ้น และเทศบาลฯกับ อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ยังจัดเทศกาลดนตรีบ้านกรูดฟีลกู๊ด เป็นคอนเสิร์ตริมทะเลตั้งแต่ช่วงเย็นต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืนเมื่อวันที่ 14-15 เม.ย.ได้รับการตอบรับจากนักเที่ยวอย่างล้นหลามแต่ละคืนมีผู้มาชมคอนเสิร์ตนับหมื่นคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่บ้านกรูดตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ส่วนงานวันไหลที่จัดขึ้นริมหาดบางแสน อ.เมืองชลบุรี เมื่อวันที่ 17 เม.ย. วันสุดท้ายของงาน มีการจัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุและกิจกรรมชกมวยทะเล แข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โดยไฮไลต์ของงานคือการประกวดก่อพระเจดีย์ทราย มีหน่วยงานและโรงเรียนต่างๆส่งเข้าประกวดจำนวนมาก ใน 6 ประเภท โดยก่อเจดีย์ทรายกันอย่างสวยงามอลังการหลากหลาย แบบเรียงรายไปตามชายหาด เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวและชาวชลบุรีที่มาชม อาทิ ก่อเป็นตัวมังกรพ่นน้ำพันอยู่บนภูเขา เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเล และองค์เจดีย์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ผลการตัดสิน ประเภท ก. (แบบชาวบ้านหรือแบบดั้งเดิม) ชนะเลิศ ได้แก่ ชุมชนเขต 1 ประเภท ข. (หน่วยงาน) ชนะเลิศ คือเทศบาล ต.นาป่า ประเภท ค. (โรงเรียนระดับประถม) ชนะเลิศ โรงเรียนอนุบาลวัดกลางดอน ประเภท ง. (โรงเรียนระดับมัธยม) ชนะเลิศได้แก่ โรงเรียนชลบุรีสุขบท ประเภท จ. (ชมรมและผู้ประกอบการ) ชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการไก่ย่าง ประเภท ฉ. (ศิลปะร่วมสมัย) ชนะเลิศได้แก่ เทศบาลตำบลเสม็ด ส่วนการเล่นสาดน้ำมีผู้มาเล่นกันตั้งแต่เย็นต่อเนื่องถึงกลางคืน

ส่วนงานวันไหลหัวสำโรง ที่วัดหัวสำโรง ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้มาร่วมงานสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เล่นปาร์ตี้โฟม อุโมงค์น้ำกันอย่างคึกคัก โดยในช่วงเช้าและกลางวันมีกิจกรรมรำวงย้อนยุคแบบคนท้องถิ่น มีนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต รมช.สาธารณสุข ขึ้นเวทีจับไมค์ร้องเพลงและร่วมรำวงกับชาวบ้านอย่างสนุกสนานและให้สัมภาษณ์ว่าสงกรานต์ปีนี้สนุกมาก จัดงานแบบท้องถิ่นที่เรียบง่าย พร้อมขอให้รัฐบาลทุกสมัยให้คงไว้และร่วมสืบสานประเพณีไทยอันดีงาม ต่อมาช่วงบ่ายมีขบวนแห่พระพุทธรูปรอบใจกลางชุมชน

ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลไล่โว่ เผยว่า ในวันที่ 22-24 เม.ย. ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทั้ง 6 หมู่บ้านจะจัดงานสงกรานต์ที่บ้านเสน่ห์พ่อง มีการละเล่นทอยสะบ้า รำตง ตักบาตรใต้ต้นโพธิ์ รดน้ำใต้ต้นโพธิ์ ก่อเจดีย์ทราย ปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ และพิธีล้างทำความสะอาดบนสะพาน บ่ายวันที่ 23 เม.ย.เป็นพิธีสรงน้ำพระแก้วขาวพระพุทธรันตนสังขละบุรี ศรีสุวรรณ พระคู่บ้านคู่เมืองที่รัชกาลที่ 3 พระราชทานให้พระยาศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองกะเหรี่ยงที่เป็นเมืองหน้าด่านปกครองเมืองสังขละบุรี ปิดท้ายเป็นการรดน้ำดำหัวขอพรจากพ่อเมืองสังขละบุรีและผู้สูงอายุในหมู่บ้าน

นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติในวันที่ 16 เม.ย.มี 1,654 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,616 คดี คดีขับเสพ 38 คดี ยอดรวมสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-16 เม.ย.มียอดสะสม 5,786 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 5,589 คดี คดีขับรถประมาท 3 คดี คดีขับเสพ 194 คดี จังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กทม. 493 คดี สมุทรปราการ 313 คดี เชียงใหม่ 302 คดี

ด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกคนที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ และระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของเทศกาลสงกรานต์ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในปีนี้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าปีที่ผ่านมาและเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเข้มงวดการปฏิบัติหน้าที่ดูแลการจราจรให้ผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักอย่างเข้มงวด สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงวันที่ 11-16 เม.ย.มี 1,811 ครั้ง ผู้เสียชีวิตสะสม 243 ราย ผู้บาดเจ็บสะสม 1,837 คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาจากขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ตัดหน้ากระชั้นชิด ตามลำดับ ส่วนการจับกุมคดีเมาแล้วขับ สะสม 6 วัน รวม 20,420 ราย สถิติสูงสุดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 5,315 คน รองลงมาพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 4,414 ราย