ภาพจำเก่าๆ ที่หลายคนมีกับรถแห่เป็นอย่างไร? ภาพจำใหม่รถแห่ที่บางแสนวันนี้ ทุกคนร่วมสนุกกันได้ แม้ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์….

เด็กๆ เยาวชน พ่อค้า แม่ค้ารวมถึงนักท่องเที่ยว ต่างพากันร่วมสนุกกับขบวนรถแห่รณรงค์ ที่แล่นไปตามเส้นทางริมหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เมื่อวันเสารที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเทศบาลเมืองแสนสุข สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดขึ้นเพื่อเปิดเทศกาลท่องเที่ยวบางแสนน้ำใส ปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ โดยมีการร้องเพลง เต้น โดยนักดนตรี รวมทั้งมีประกาศบนรถแห่เพื่อประชาสัมพันธ์ เช่น

“ใครที่มีบุหรี่ในมือ ขอความร่วมมือไม่สูบนะคะ”

“รถแห่ของเราไม่มีเยาวชน มาร่วมรณรงค์ชายหาดบางแสน ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่”

ซึ่งได้รับความสนใจและการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

คุณรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า การใช้รถแห่มาเป็นสื่อในการรณรงค์วันนี้ เป็นไอเดียของน้องๆ เยาวชนจากโรงเรียนแสนสุข ที่พบเห็นว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีรถแห่เข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก เลยนำรถแห่มาจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนนักท่องเที่ยวที่พบเห็นให้ความสนใจร่วมสนุก และได้สอดแทรกเรื่องของความรู้และกฎหมายของการไม่ดื่มไม่สูบบนพื้นที่ชายหาดได้ด้วย เพื่อให้ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถมาเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ไม่มีการทะเลาวิวาทรวมทั้งปราศจากควันบุหรี่

“สสส. ได้ร่วมลงพื้นที่รณรงค์ในพื้นที่หาดบางแสนเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ในภาพรวมการทำงานเราพบว่าคนในพื้นที่มีความเข้าใจและตระหนักในเรื่องของปัจจัยเสี่ยงเหล้าและบุหรี่มากขึ้น โดยเฉพาะในการขอความร่วมมือในการไม่ดื่มไม่สูบในพื้นที่ชายหาด พบว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และในฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวนี้ที่ทะเลชายหาดบางแสนจะสวยที่สุด ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมรณรงค์อย่างต่อเนื่องในพื้นที่จากความร่วมมือของทางเทศบาลเมืองแสนสุข คณะอาจารย์จากนิด้า รวมทั้งนักเรียนนักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ที่จะร่วมแรงรวมใจพัฒนาในเมืองท่องเที่ยวนี้เป็นเมืองสุขภาวะที่ยั่งยืน” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวอีกว่า สถิติจากองค์การอนามัยโลก ปี 2562 มีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่มากกว่า 8 ล้านคน สำหรับประเทศไทยในปี 2564 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่กว่า 80,000 คน  ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองกว่า 6,000 คน คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 352,000 ล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 2.1 ของ GDP ขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของการเมาแล้วขับร้อยละ 33.06 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร อาจารย์สาขาอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว คณะจัดการท่องเที่ยว นิด้า กล่าวว่า เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ช่วงเปิดหาดหลังสถานการณ์โควิด-19 ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่บางแสนจำนวนมาก จึงเกิดเป็นแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่หาดบางแสน เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว ปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ ซึ่งได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ 3 ระยะ เริ่มจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการบนพื้นที่ริมชายหาดบางแสนกว่า 2,000 ราย ปีต่อมา ได้ทำงานร่วมกับทางชุมชน รวมทั้งเทศบาล และปีนี้จะเป็นการทำงานกับกลุ่มเยาวชน เพราะมองว่าการจะทำให้เกิดความยั่งยืนในพื้นที่จำเป็นต้องสร้ามตระหนักในคนทั้ง 3 รุ่น คือ ผู้ใหญ่ เด็ก และวัยทำงาน

“ในช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่หาดบางแสนน้ำใสสะอาดที่สุด เป็นเวลารวม 4 เดือน เราจึงถือโอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์เปิดหาด บางแสนน้ำใส ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ เป็นการเปิดเทศกาลท่องเที่ยว โดยอาศัยเยาวชนเครือข่ายที่เราทำงานร่วมกันในปีนี้เป็นตัวเดินเรื่องในกิจกรรมครั้งนี้ ด้วยสื่อรณรงค์ที่เขาจัดทำ ออกแบบกันขึ้นมาเอง” ผศ.ดร.เกศรา กล่าว

ขณะที่ นายกมล โพธิโชติ ครูโรงเรียนแสนสุข กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ทำให้เด็กๆ ได้เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น จากเดิมที่โรงเรียนมีกิจกรรมภายในเพื่อให้ความรู้เรื่องพิษภัยของสิ่งเสพติด ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปีอยู่แล้ว กิจกรรมวันนี้จึงเป็นเหมือนพื้นที่ใหม่ที่ให้เด็กๆ ได้มารณรงค์กับประชาชน นักท่องเที่ยวภายนอกโรงเรียน รวมถึงการส่งเสริมให้คนตระหนัก และพวกเขาเองก็ได้รับประโยชน์ในตรงนี้ด้วย

“การที่มีรถแห่มาร่วมรณรงค์ ถือว่าเป็นตัวเชื่อม เพราะเป็นสื่อที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย มีความสนุกสนานเป็นตัวเชื่อมเด็ก ประชาชนชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วเราก็สอดแทรกสิ่งที่เรารณรงค์เข้าไป เป็นการห้ามผ่านเสียงเพลง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง” นายกมล กล่าว