นายกฯลั่นเตรียมอพยพคนไทยในอิสราเอลชุดแรก 15 คน รวมถึงผู้บาดเจ็บ ด้วยสายการบินพาณิชย์ ถึงไทย 12 ต.ค.นี้ บัวแก้วเผยมีแรงงานไทยตาย 12 ศพ เจ็บเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 9 ราย และมีคนไทยแจ้งขอกลับไทย 1,437 คน พร้อมเปิดช่องทางติดต่อเพิ่มทั้งสายด่วน-โอเพ่นแชต-เฟซบุ๊ก ด้านครอบครัวแรงงานไทยยืนยันตัวผู้เสียชีวิต 5 ราย จากกาฬสินธุ์ สกลนคร น่าน และเชียงราย ส่วนที่เหลือต่างวอนภาครัฐทั้งช่วยตามหา พากลับไทย บางส่วนขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่น
สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ส่งผลกระทบถึงคนไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าว มีทั้งถูกสังหาร ถูกจับเป็นตัวประกัน และต้องหนีตายอลหม่าน
กต.ชี้สถานการณ์ยังรุนแรง
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงความคืบหน้าเหตุการณ์กองกำลังฮามาสโจมตีอิสราเอลว่า สถานการณ์ในอิสราเอลยังรุนแรง มีการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซาเข้ามาในพื้นที่อิสราเอล ขณะเดียวกัน รัฐบาลอิสราเอลพยายามยึดพื้นที่คืน ช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยรมว.กลาโหม อิสราเอล ประกาศให้อิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม รวมถึงให้อพยพทุกคนออกจากเมืองที่อยู่ใกล้พรมแดนฉนวนกาซาภายใน 24 ชั่วโมง
สนามบินอิสราเอลเปิดปกติ
นางกาญจนากล่าวอีกว่า สำหรับท่าอากาศยานอิสราเอลยังเปิดทำการตามปกติ ขณะนี้มีจำนวนเที่ยวบินที่เดินทางเข้า-ออกท่าอากาศยานแห่งนี้ คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดที่เข้า-ออกในช่วงก่อนเกิดเหตุ และรัฐบาลอิสราเอลยืนยันว่า อิสราเอลยังมีความปลอดภัย ไม่แนะนำให้มีการอพยพ แต่ถ้าประเทศใดต้องการจะอพยพพลเมืองของตัวเองสามารถทำได้ และใช้เครื่องบินพาณิชย์อพยพประชาชนได้ แต่ถ้าจะใช้เครื่องบินประเภทอื่นอพยพสามารถติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล นอกจากนี้ ฝ่ายอิสราเอลแจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องจำนวนของชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติที่เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกัน
คนไทยดับ 12 ถูกจับ 11 ราย
นางกาญจนากล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากแรงงานไทยและนายจ้างในพื้นที่ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ต.ค. มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน และผู้เสียชีวิต 12 ราย แต่ทางการอิสราเอลยังไม่ยืนยันตัวเลขดังกล่าว เพราะอยู่ในภาวะสงครามที่ยังสู้รบกันอยู่ กต.ไม่ขอเผยแพร่ชื่อผู้เสียชีวิต 12 ราย เพราะเป็นมารยาท และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน กรมการกงสุลจะติดต่อโดยตรงกับครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ หรือผู้ถูกจับตัวไป
คนไทยขอกลับบ้าน 1,099 คน
นางกาญจนากล่าวอีกว่า การอพยพคนไทยนั้น กองทัพอิสราเอลเริ่มอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ขณะเดียวกันกองทัพอากาศ (ทอ.) เตรียมความพร้อมของเครื่องบินแล้ว ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เปิดให้คนไทยในอิสราเอล กรอกแบบฟอร์มแสดงความประสงค์ขอกลับประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 8 ต.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น มีคนไทยประสงค์กลับไทย 1,099 คน และผู้ที่ยังไม่กลับไทย 22 คน ทั้งนี้ ยังเปิดให้คนไทยในอิสราเอลทยอยกรอกแบบสอบถามนี้อยู่ สำหรับยอดรวมคนไทยในอิสราเอลมีทั้งหมดราว 30,000 คน มีผู้ที่อยู่บริเวณฉนวนกาซา 5,000 คน ส่วนจะไปรับคนไทยกลับได้เมื่อใดนั้น ต้องประเมินขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ขอย้ำรัฐบาล และ กต.เข้าใจถึงความกังวลของประชาชน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทำให้การกำหนดท่าทีต่างๆจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ
ทูตไทยหารือผู้แทนปาเลสไตน์
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางกระทรวงมอบ หมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ประสานงานพูดคุยกับสำนักงานปาเลสไตน์ในมาเลเซียด้วย นางกาญจนาตอบว่า สถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จะพบกับฝ่ายปาเลสไตน์ในวันที่ 9 ต.ค.เรากำลังรอการรายงานผลหารืออยู่ ขณะเดียวกัน เราได้ประสานกับประเทศอื่นๆที่อยู่ ใกล้เคียงอิสราเอลด้วย อาทิ จอร์แดน ที่ ทอ.สามารถบินตรงได้
พบคนไทยเจ็บเพิ่มอีก 1 คน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ แถลงเพิ่มเติมว่า ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า มีคนไทยได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย จากเดิม 8 ราย รวมเป็น 9 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน และจนถึงขณะนี้มีคนไทยในอิสราเอลได้แสดงความประสงค์กลับประเทศไทยแล้ว 1,437 คน และประสงค์จะไม่กลับ 23 คน โดยชั้นต้นจะหาเครื่องบินพาณิชย์เพื่ออพยพคนไทยกลุ่มแรกออกจากประเทศก่อน คือ กลุ่มผู้บาดเจ็บ จำนวน 15 คน เป็นบุคคลสามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว คาดว่าจะออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 11 ต.ค. และถึงไทยในวันที่ 12 ต.ค.โดยจะมีกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุขรอรับคนไทยกลุ่มดังกล่าวแล้ว ทั้งหมดจะได้รับการตรวจร่างกายและจิตใจ
เพิ่มช่องทางติดต่อ “โทร–ไลน์–FB”
ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มสายด่วนฮอตไลน์ จากเดิม 30 คู่สาย เป็น 60 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับโอเพนแชตชื่อ “ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล” รองรับได้มากถึง 5,000 คน เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ญาติเข้ามาสอบถามในโอเพนแชตนั้นได้ รวมถึงเฟซบุ๊กเพจเฉพาะกิจ “กรมการกงสุล ห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล” เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารและการให้ความช่วยเหลือ และติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เล็งเช่าบินเหมาลำช่วยขนคน
วันเดียวกัน ที่ฝูงบิน 601 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ตรวจความพร้อมอากาศยานของกองทัพอากาศ (ทอ.) ที่เตรียมเครื่องบินลำเลียง C-130 และ A 340 พร้อมด้วยกำลังพลชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ MERT ทอ. จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การบิน ชุดแพทย์-พยาบาล ลำเลียงทางอากาศ และนักจิตวิทยาไว้ 3 ชุด ต่อ 1 เที่ยวบิน เพื่อส่งไปรับคนไทยออกจากอิสราเอล นายสุทินให้สัมภาษณ์ว่า ทอ.กำหนดแผนปฏิบัติการบินไปรับคนไทยไว้เรียบร้อยแล้ว รอการประสานทางการจากรัฐบาลและในทางปฏิบัติต้องได้รับอนุญาตจากอิสราเอลก่อน ส่วนการเตรียมพร้อม มั่นใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เป็นห่วงเพียงว่าสถานการณ์ในพื้นที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ถ้ารุนแรงขึ้นสิ่งที่กลัวคือ การอพยพคนไทย 30,000 คนอาจจะไม่ทัน จึงต้องขอความร่วมมือจากการบินไทยในแบบเครื่องบินเช่าเหมาลำ ส่วนเส้นทางการบินไปรับคนไทยได้วางแผนไว้แล้ว แต่เท่าที่ทราบ น่านฟ้าอิสราเอลยังไม่ปิด แต่ถ้าปิดมีประเทศรอบๆที่ใช้เป็นทางผ่าน เช่น จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย และไซปรัส พร้อมย้ำความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
แอร์บัสพร้อมลำเลียงศพ
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. กล่าวถึงการลำเลียงศพผู้เสียชีวิตกลับประเทศว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และอยู่ในจุดไหนของประเทศอิสราเอลบ้าง คงต้องรอข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ในส่วนของเครื่องบินแอร์บัส ทอ.สามารถลำเลียงศพได้ แต่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนในเรื่องของการอนุญาต การพิสูจน์ทราบ เรามีช่องคอมพาสเมนต์ 8 ช่อง ในการลำเลียงแต่ละเที่ยวบิน หรืออาจเป็นการใช้บริการของบริษัทเอกชน ชื่อว่า เคมาร์ ต้องรอการพิจารณาสั่งการต่อไป
สธ.–พม.จัดทีมเยียวยาจิตใจ
สำหรับการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในอิสราเอลในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สธ. กล่าวว่า ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) กรณีภัยสงครามในอิสราเอล มี นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รักษาการรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับผิดชอบ ภารกิจของศูนย์ฯมี 3 เรื่องคือ ประสานการดูแลระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมแพทย์และบุคลากรสนับสนุนหากมีความจำเป็น เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายดูแลคนไทยที่รับกลับประเทศ และดูแลเยียวยาทางด้านจิตใจ ผู้ประสบภาวะวิกฤติ รวมถึงญาติผู้ได้รับผลกระทบ ในส่วนของ พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม.ได้มอบหมายให้นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. ติดตามเหตุการณ์ตลอดเวลาและส่งเจ้าหน้าที่ทีม One Home พม.จังหวัด นักจิตวิทยา และสหวิชาชีพ เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิต
78 นศ.วษท.ปลอดภัย
วันเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ.ยืนยัน นศ.อาชีวะจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ศรีสะเกษ ที่ไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโครงการความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนทวิภาคีระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาพืชศาสตร์ ไทย-อิสราเอล ประจำปี พ.ศ.2566 รุ่นที่ 24 จำนวน 78 คน ณ ศูนย์ฝึกอบรมนานาชาติด้านการเกษตร ในเขตอาราวา ทั้งหมดปลอดภัยไม่มีใครได้รับผลกระทบจากการสู้รบ สถาบันที่นักศึกษาไปฝึกประสบการณ์ได้ยกเลิกคลาสเรียนและการฝึกประสบการณ์ทั้งหมดจนกว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมกับกำชับนักศึกษาให้อยู่ในพื้นที่ของตัวเองและปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างอย่างเคร่งครัด เบื้องต้นยังไม่ได้รับแจ้งว่ามีนักศึกษาคนใดขอกลับประเทศไทย
เที่ยวบินไปอิสราเอลยังเปิดปกติ
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ตรวจสอบสถานการณ์การบินระหว่างไทยไปอิสราเอลพบว่า สายการบินเอลอัล (El Al) ของอิสราเอล ยังทำการบินระหว่างไทยและอิสราเอลเหมือนปกติ สายการบินเอลอัลบินระหว่างเทลอาวีฟ- กรุงเทพฯ 8-9 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเส้นทางเทลอาวีฟ-ภูเก็ต 2-3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากที่ ททท.เป็นห่วงว่าจะมีนักท่องเที่ยวตกค้าง แต่เมื่อมีเที่ยวบินอยู่ ทำให้ผู้ที่ต้องการเดินทางยังสามารถเดินทางได้อย่างปกติ จึงไม่มีนักท่องเที่ยวของอิสราเอลตกค้างในไทย เว้นแต่ผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า เที่ยวบินที่บินออกจากไทยไปกรุงเทลอาวีฟเต็มทุกเที่ยวบิน เนื่องจากนักท่องเที่ยวบางคนต้องกลับเพราะเป็นห่วงทางบ้าน ขณะที่สายการบินเอมิเรตส์ยังคงบินระหว่างดูไบ-เทลอาวีฟ ตามปกติ
คนไทยชุดแรกกลับไทย 12 ต.ค.
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลว่า ขณะนี้มีแรงงานชาวไทยในอิสราเอลจำนวนพันกว่าคนที่แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่โดยเร็ว การอพยพจะเริ่มดำเนินการในทันที สถานทูตไทยรายงานว่า จะจัดส่งคนไทยชุดแรก 15 คน ซึ่งบางรายเป็นผู้บาดเจ็บ โดยสายการบินพาณิชย์กลับถึงประเทศไทยในวันที่ 12 ต.ค.นี้ และจะทยอยส่งกลับเป็นชุดๆ มีคนไทยจำนวน 76 ราย ที่ทางการอิสราเอลช่วยนำออกมาจากพื้นที่สู้รบ ตลอดจนจำนวนที่เหลือทั้งหมด ขณะนี้ทุกฝ่ายได้ประสานความพร้อมในการส่งเครื่องบินไปรับ นอกจากนี้ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยที่เกี่ยวข้องให้ติดต่อกับมิตรประเทศเพื่อช่วยประสานในการปล่อยตัวคนไทยที่จับกุมอีกทางด้วยแล้ว
คาดหนีไม่ทันถูกยิงดับ
ขณะเดียวกัน มีเสียงเรียกร้องจากครอบครัวแรงงานไทยที่ประสบเหตุจากการสู้รบในอิสราเอลขอให้ภาครัฐช่วยนำตัวบุคคลอันเป็นที่รักกลับไทยโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานไทยที่เสียชีวิต 3 ราย รายแรก ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวรุ่งทิวา เรืองฤทธิ์ อายุ 31 ปี ชาวนครพนม ว่า สามี คือนายสมควร พันธ์สะอาด อายุ 39 ปี ชาว อ.เมืองกาฬสินธุ์ เสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ต.ค.หลังขาดการติดต่อทางแชตเฟซบุ๊ก โดยสามีไปทำงานยังไม่ถึงปี จะครบปีเดือนตุลาคมนี้ เป็นงานฟาร์มเกษตร ก่อนเกิดเหตุตนได้วิดีโอคอลคุยกับสามีในช่วงเช้าโดยไม่ได้วางสาย และสามียังได้เล่าให้ ฟังว่า มีการสู้รบกันเกิดขึ้น และก่อนจะวางสายสามีบ่นว่าเหนื่อยอยากนอนพักผ่อน แต่สักพักเพื่อนของสามีทักแชตเฟซบุ๊กมาหา แจ้งข่าวร้ายว่าสามีถูกกลุ่มติดอาวุธหนักบุกเข้ามายิงขณะที่หลบหนีออกทางหน้าต่าง แต่สามีหนีไม่ทันถูกกลุ่มติดอาวุธจับตัวไป ก่อนจะยิงจนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนคนอื่นได้วิ่งหนีไปหมดขณะเกิดเหตุ ตอนนี้ตนไม่รู้ว่าจะติดต่อขอรับศพสามีได้อย่างไร คงต้องรอทางการไทยเป็นผู้ประสานมา และจะนำศพสามีกลับมาจัดพิธีตามประเพณีที่บ้านเกิดจังหวัดกาฬสินธุ์หรือที่จังหวัดนครนพม
เคยเป็นทหารก่อนไปอิสราเอล
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนายกระบวนและนางหนูพา พันธ์สะอาด ที่บ้านหนองแวงใต้ ต.ขมิ้น อ.เมืองกาฬสินธุ์ เป็นบิดามารดานายสมควร พันธ์สะอาด แรงงานไทยที่เสียชีวิตที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้ากอดภาพลูกชายที่แต่งชุดทหารมหาดเล็กฯ และมีเพื่อนบ้าน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจ นางหนูพากล่าวทั้งน้ำตาว่าลูกชายเคยเป็นทหารกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา หลังจากปลดประจำการไปทำงานขับรถรับจ้างที่กรุงเทพฯ ก่อนมีครอบครัวที่ จ.นครพนม แล้วเดินทางไปเป็นคนงานในสวนกล้วยที่อิสราเอลถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อ วันที่ 8 พ.ย.2565 ทราบว่ากู้เงินค่าเดินทางไปราว 120,000 บาท สัญญา 5 ปี ได้เงินเดือนมาก็ส่งให้ครอบครัวที่ จ.นครพนม จึงเป็นเรี่ยวแรงหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัว
เห็นภาพแล้วช็อกจำชุดที่ใส่ได้
นางหนูพากล่าวพลางเช็ดน้ำตาอีกว่า ลูกชายมักโทรศัพท์มาหาพ่อกับแม่บ่อยครั้งมากว่าสถานการณ์ที่อิสราเอลไม่ค่อยปกติ ตนบอกให้ลูกชายเดินทางกลับบ้าน แต่ลูกบอกว่าช่วงนี้เป็นไข้ ไม่สบาย หากหายจากอาการไข้แล้วจะปรึกษานายจ้างอีกที แต่เมื่อเวลา 04.00 น. วานนี้ พี่สาวนายสมควร โทรศัพท์มาหาบอกว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอล และทราบข่าวทางโซเชียล เห็นภาพผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หนึ่งในนั้นลักษณะเหมือนลูกชาย จำเสื้อและกางเกงที่สวมใส่ได้ ตอนนั้นตกใจแทบช็อก คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ขอบคุณส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหลายภาคส่วนมาเยี่ยมให้กำลังใจ เพื่อหาแนวทางนำศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด รวมทั้งแนวทางเยียวยาต่อไป
ชาวกาฬสินธุ์ไปทำงาน 230 คน
นายศุภชัย แวงคำ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สนง.จัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความชัดเจนแรงงานไทยชาวกาฬสินธุ์เสียชีวิตจริงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดกับกงสุลไทย ประจำประเทศอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง มีชาวกาฬสินธุ์ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลถูกต้องตามกฎหมายมี 230 คน อยู่โซนใต้ของประเทศที่มีเหตุการณ์ไม่สงบจำนวน 121 คน ส่วนใหญ่ทำงานด้านการเกษตร ส่วนการติดตามและให้ความช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างเร่งรัดและรวดเร็ว แรงงานไทยที่เดินทางไปถูกต้องตามกฎหมาย หากเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ จะมีกองทุนเพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานไทยรองรับอยู่แล้ว
วอน รบ.ส่งร่างสามีกลับบ้าน
ส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิตอีกราย ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านสร้างฟาก ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พบว่ามีชาวบ้าน หน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน เดินทางมาให้กำลังใจกับครอบครัว น.ส.พรพรรณ สงกาผัน อายุ 25 ปี ภรรยาของนายนันทวัฒน์ ปิ่นใจ อายุ 26 ปี หนึ่งในแรงงานที่เสียชีวิต น.ส.พรพรรณเปิดเผยว่า สามีไปทำงานรีดนมวัวที่ฟาร์มวัวนมใกล้กับฉนวนกาซา เมื่อปี 2564 ช่วงเที่ยงวันที่ 7 ต.ค. สามีติดต่อมาว่ามีการสู้รบใกล้กับแคมป์ที่พัก แต่ยังไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนภัยจากทางการอิสราเอล จากนั้นสามีอัปเดตเหตุการณ์ให้ทราบเป็นระยะ รวมทั้งส่งคลิปเหตุการณ์มาให้ดูด้วย รวมถึงขณะหนีเข้าไปหลบอยู่ใต้เตียงในห้องพัก ก่อนที่สามีบอกว่ามีกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาภายในที่พัก ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด สามีบอกว่าต้องวางสายเพราะกลัวคนร้ายจะได้ยินเสียง จากนั้นก็ขาดการติดต่อกันไป กระทั่งเที่ยงวันที่ 8 ต.ค. เพื่อนร่วมงานของสามีชื่อนายกรวิชญ์ มหัทธนะ หรือนายก๋วยติดต่อมาทางเฟซบุ๊กบอกว่า สามีไม่ได้หลบหนีออกมาจากที่พักพร้อมกับเพื่อนคนงานคนอื่นๆ แล้วช่วงบ่ายก็ติดต่อส่งข้อความมาบอกว่าให้ตนทำใจ เพราะสามีถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ตนขอให้นายก๋วยถ่ายภาพมายืนยันว่าใช่สามีของตนจริงหรือไม่ แต่นายก๋วยแจ้งว่าทหารอิสราเอลไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากส่วนราชการใดๆ แต่ถ้าหากสามีเสียชีวิตแล้วจริงๆ อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือนำร่างสามีกลับมาไทยให้เร็วที่สุด
แรงงานจากน่านตายด้วย
สำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิตรายที่สาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นคนใน จ.น่าน ทราบชื่อ นายธวัชชัย หรือเช้ง แซ่ท้าว เดินทางไปทำงานภาคการเกษตรอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล เพื่อนที่ทำงานอยู่อิสราเอลต่างโพสต์แสดงความเสียใจต่อการจากไป จึงคาดว่าเสียชีวิตแล้ว และจากการตรวจสอบเพื่อนของนายธวัชชัยต่างยืนยันว่านายธวัชชัยถูกยิงเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เมื่อกลุ่มติดอาวุธเข้าไปบุกกราดยิงในแคมป์คนงานไทย ในเมืองคิวบูท อิสราเอล ขณะล้อมวงกินข้าว นายธวัชชัยถูกลากออกไปแล้วยิงเสียชีวิต ขณะที่บ้านผู้เสียชีวิต มีพี่สาวและภรรยากับลูกวัย 2 ขวบอาศัยอยู่
หนุ่มนครพนมยังสูญหาย 3 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากแรงงานไทยที่เสียชีวิตแล้วยังมีที่สูญหาย นางสา ต้อนโสกี อายุ 58 ปี แม่ของนายพัฒนายุทธ ต้อนโสกี อายุ 40 ปี ชาวบ้านนาซอ ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังติดต่อลูกไม่ได้ โดยพักอยู่ในแคมป์คนงานเดียวกันกับ นายอดิศักดิ์ ขวาชัยวี อายุ 31 ปี ที่แจ้งมาแล้วว่าปลอดภัยดี ด้าน นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่าเบื้องต้นมีแรงงานชาวนครพนมที่สูญหายขาดการติดต่อ ญาติแจ้งข้อมูลยืนยันมาจำนวน 3 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเขย จ.นครพนม ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.กาฬสินธุ์ ในจำนวน 3 ราย มี 1 ราย เป็นชาว อ.เรณูนคร ทหารอิสราเอลเข้าไปช่วยเหลือปลอดภัยแล้ว เหลืออีก 2 ราย ยังอยู่ระหว่างการติดต่อ
แรงงานจากอุดรฯถูกจับ 4 เจ็บ 1
ที่ จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี ว่า มีชาวอุดรธานี 5 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 4 ราย และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ประกอบด้วย 1.นายมาโนช สีทอง ชาว ต.เชียงยืน อ.เมืองอุดรธานี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 2.นายเกียรติศักดิ์ พาที ชาว ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ 3.นายมณี จิราชาติ ชาว ต.นาไหม อ.บ้านดุง 4.นายอนุชา อ่างแก้ว ชาว ต.ปะโค อ.กุดจับ และ 5.นายบุญถม พันธ์ฆ้อง ชาวบ้านหินโงม อ.สร้างคอม ถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนผู้ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลและมีอาการดีขึ้น จากการออกไปเยี่ยมญาติผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน และได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 ราย ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมช่วยเหลือแรงงานไทยทันทีที่ได้รับการประสานจากประเทศอิสราเอล
หวังหลานชายปลอดภัยกลับมา
ต่อมาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านดอนพิลา ต.ปะโค อ.กุดจับ พบนายพรชัย อ่างแก้ว อายุ 52 ปี นางวาสนา โยจำปา อายุ 45 ปี พ่อแม่นายอนุชา หรืออาร์ต และนางใบ อ่างแก้ว อายุ 76 ปี ย่า นางใบได้นำหม้อนึ่งข้าวเหนียวที่ครัวมาร้องเรียกชื่อหลานชายด้วยภาษาอีสาน ทำพิธีเอิ้นขวัญหลานชายลงหม้อนึ่งข้าวที่บ้าน เพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษมาช่วยปกป้องรักษาคุ้มครองให้หลานชายรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง และให้ได้รับข่าวดีโดยเร็ววัน เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ตามความเชื่อของคนอีสานตั้งแต่โบราณ หลังจากวานนี้พ่อของนายอาร์ต แต่งขันธ์ 5 ดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ขอศาลปู่ตา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน ให้ช่วยหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัยมาแล้ว
เมียวอนยังติดต่อสามีไม่ได้
อีกด้านหนึ่งผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.บุญยนุช สนรักษา อายุ 28 ปี ชาวบ้านวังแสนสุข ต.วังทอง อ.บ้านดุง เป็นภรรยาของนายบัญชา หรือ ปั๊บ แรงงานไทยในอิสราเอล แต่ขาดการติดต่อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ว่าตนแต่งงานกันมาได้ 8 ปี มีลูกสาวหนึ่งคน อายุ 8 ปี สามีไปทำงานด้านเกษตรตั้งแต่ปี 2564 ล่าสุดสามีโทร.ช่วงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 7 ต.ค. พูดสั้นๆเหมือนหวาดกลัวว่าเขายิงกัน แล้วก็ปิดสายไป ตนพยายามติดต่อกลับก็เงียบ ความ ต้องการคืออยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตามหาแจ้งข่าวให้ทราบว่าสามีตนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เช่นเดียวกับนางทองสูญ วาระพิลา อายุ 60 ปี แม่ยาย ร่ำไห้ตลอดเวลา พอทราบข่าวว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณลูกเขยไปทำงานและติดต่อไม่ได้ ระบุว่าตนมีที่พึ่งเดียวคือเกาะคำชะโนดที่อยู่ใกล้บ้าน เมื่อเช้าพาลูกสาวมาไหว้ปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา หากลูกเขยปลอดภัยได้กลับบ้าน จะให้บวชแก้บนหนึ่งพรรษา
ยังตามตัวแรงงานขอนแก่นอีก 3
ที่ จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น แจ้งว่าคนขอนแก่นไปทำงานที่อิสราเอล 1,165 คน มากที่สุดคือ อ.หนองสองห้อง แต่ที่ได้รับผลกระทบและญาติแจ้งขอรับการช่วยเหลือแล้วขณะนี้ 6 ราย ประกอบด้วย น.ส.ณัฐฐวารี มูลกัน ชาว อ.บ้านแฮด ถูกจับเป็นตัวประกัน นายผดุง บุตรโม ถูกยิงภายในแคมป์คนงาน ห่างจากฉนวนกาซา ประมาณ 11 กม.ได้รับความช่วยเหลือจากทหารนำส่งรักษาตัว พร้อมเข้ารับการผ่าตัดกระสุนที่โรงพยาบาลไม่ทราบชื่อในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ นายเชิดศักดิ์ กะลาม ขณะนี้ติดค้างอยู่ในที่พักคนงานใกล้โรงงานที่ถูกเพลิงไหม้ ญาติไม่สามารถติดต่อได้ โดย น.ส.นรินทิพย์ กะลาม ชาว อ.หนองสองห้อง เป็นภรรยา ได้แจ้งพิกัดที่อยู่ให้ที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานให้ความช่วยเหลือรับตัวออกจากที่หลบซ่อน นอกจากนี้ยังมีคนขอนแก่นที่ไม่สามารถติดต่อได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วยนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ นายอภิชาต กุสะรัมย์ และ นายพิชิต นาจันทร์ ทั้งหมดเป็นชาวบ้านในตำบลโนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จังหวัดได้แจ้งให้สถานทูตและที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานติดตามแรงงานไทยทั้ง 3 รายแล้ว
หลายครอบครัวโล่งลูกหลานปลอดภัย
ตลอดทั้งวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรดาครอบครัวของแรงงานไทยที่อิสราเอล ทั้งใน จ.หนอง บัวลำภู มุกดาหาร พะเยา ตาก กำแพงเพชร จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ ทยอยได้รับแจ้งข่าวดีแล้ว นางสุจิตรา ชื่นสงวน อยู่ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทร ลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แจ้งว่ามีญาติชื่อนายถาวร วงษ์แก้ว แจ้งผ่านเฟซบุ๊กขณะนี้ปลอดภัยดี อยู่ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ จุดที่อยู่มีแรงงานชาวไทยอยู่ด้วย 18 คน จากหลายจังหวัดเป็นคนภาคอีสาน ขณะที่นางสุพัตรา พุทธสอน มารดาของนายรัชกร พุทธสอน ที่ถูกยิงบาดเจ็บที่เข่าซ้าย ได้วิดีโอคอลคุยกับลูกชายเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับนางเกษร ซ่อนกลิ่น แม่ของนายโยธิน ทองอาจ ระบุว่าขณะนี้ลูกชายอยู่ในความดูแลของทหาร มีแรงงานไทยรวมตัว 30 คน ด้านนางสารภี ช้างทอง ชาว ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มารดาของนายนราธิป ช้างทอง ได้พูดคุยกับลูกชาย ยืนยันมีแรงงานชาวไทยร่วม 200 ราย อยู่ในโซนที่ปลอดภัย
หนุ่มม้งเชียงรายถูกยิงหัว
ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่บ้านเวียงราชพลี ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวได้พบกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบที่อิสราเอลอีก 2 ราย รายแรกคือนายดัว แซ่ย่าง อายุ 35 ปี น.ส.อรัชพร แซ่จ๊ะ อายุ 34 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า อยู่กินกับสามีมานานนับ 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน ได้คุยกันเมื่อวันที่ 7 ต.ค. สามีโทร.มาบอกว่าใกล้กับที่ทำงานมีการสู้รบ แต่คิดว่าไม่เป็นอะไร จนมาได้ข่าวจากเพื่อนร่วมงานของสามีในวันที่ 8 ต.ค.ว่าคนที่ไปทำงานด้วยกันถูกยิง หลังจากวางสายได้ชวนพ่อแม่สามีประกอบพิธีตามความเชื่อชาวม้ง เพื่อขอให้สามีปลอดภัย กระทั่งวันที่ 9 ต.ค.ได้รับการติดต่อจากพี่ที่ไปทำงานด้วยกันว่า สามีเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 คน ถูกยิงที่ศีรษะ ตอนทราบข่าวรู้สึกช็อก ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว อยากให้ทางการไทยช่วยประสานนำศพสามีกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดด้วย
อีกรายซ่อนในห้องเจอระเบิด
เช่นเดียวกับนางอารีย์ แซ่โซ้ง อายุ 24 ปี ภรรยานายสมชัย แซ่ย่าง อายุ 26 ปี เปิดเผยว่า ตนและสามีมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน อายุ 4 ขวบ และ 1 ขวบกว่า สามีทำงานที่เดียวกับนายดัว ตนติดต่อสามีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ต.ค. สามียังเล่าว่าเพื่อนร่วมงานชาวเนปาลเพิ่งเสียชีวิตไป 2 ราย แต่หลังจากวางสายไปก็ติดต่อไม่ได้อีก กระทั่งวันนี้มีเพื่อนร่วมงานติดต่อมา บอกว่าสามีโดนระเบิดเสียชีวิต เพื่อนร่วมงานเล่าว่า สามีและเพื่อนรวม 5 คนไปซ่อนในห้องนอน และตอนเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายแต่งกายด้วยชุดทหารเข้ามาในที่พักคนงานและพยายามเปิดประตูห้องที่สามีและเพื่อนซ่อนตัว แต่เปิดไม่ได้ กลุ่มคนร้ายเลยโยนลูกระเบิดเข้าไปในห้องมีไฟลุกไหม้ และคนในห้องถูกไฟคลอกตายทั้งหมด ตอนนี้ยังแยกแยะไม่ได้ว่าชิ้นส่วนศพเป็นของใคร
สถานการณ์ยังไม่น่าวางใจ
สำหรับความคืบหน้าการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและทางตอนใต้ของประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ท.ริชาร์ด เฮชต์ โฆษกกองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า กองทัพอิสราเอลยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการทวงคืนเมืองและชุมชนต่างๆที่ถูกกลุ่มฮามาสยึดครอง มีการปะทะอย่างดุเดือดอย่างน้อย 8 จุดในพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล และแม้ว่ากองทัพอิสราเอลจะพยายามอุดรูรั่วตามพรมแดนแล้ว แต่นักรบฮามาสยังคงหลั่งไหลเข้ามาในดินแดนของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์โดยรวมยังไม่น่าไว้วางใจ
ศพเกลื่อนงานเทศกาลดนตรี
กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ยอดผู้เสียชีวิตฝ่ายอิสราเอลได้พุ่งทะลุ 700 ศพ มีรายงานว่าหน่วยกู้ภัยยังพบศพผู้เสียชีวิตกว่า 260 ศพ ภายในงานเทศกาลดนตรีกลางแจ้งในพื้นที่เมืองเรอิม ไม่ไกลจากพรมแดนฉนวนกาซา จากการสอบถามเหยื่อผู้รอดชีวิตในที่เกิดเหตุเล่าว่า นักรบฮามาสกราดยิงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า ผู้ร่วมงานหลายคนต้องวิ่งหนีตายข้ามทะเลทรายกันอย่างสุดชีวิต และมีเหยื่อหลายคนถูกจับเป็นตัวประกัน เชื่อว่ามีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย แต่ทางการอิสราเอลยังไม่ยืนยันว่ายอดเหยื่อเสียชีวิต 700 ศพ รวมตัวเลขเหยื่อในงานเทศกาลดนตรีกว่า 260 ศพ เข้าไปด้วยหรือไม่
สหรัฐฯ ส่งฝูงเรือพิฆาตช่วยยิว
พ.ท.ริชาร์ดยังกล่าวยืนยันว่า กองทัพอิสราเอลระดมกำลังพลสำรองได้แล้วกว่า 110,000 นาย ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศระบุด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่กองทัพอิสราเอลจะปฏิบัติการภาคพื้นดินขนานใหญ่ในไม่ช้า ทั้งเป็นไปได้ที่อาจส่งกำลังบุกเข้าไปในฉนวนกาซา หลังก่อนหน้านี้ประกาศปฏิบัติการทางทหารล้างแค้นภายใต้ชื่อรหัสว่า “ดงดาบเหล็ก” ขณะที่ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ยูเอสเอส เกรัลด์ ฟอร์ด พร้อมด้วยฝูงเรือพิฆาต อยู่ระหว่างมุ่งหน้าไปยังน่านน้ำอิสราเอล เพื่อป้องปรามความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะถูกโจมตีจากแนวรบอื่นๆ
ตัวประกันมีหลายเชื้อชาติ
นายมูซา อาบู มาร์ซูค รองหัวหน้าฝ่ายการเมืองกลุ่มฮามาส เผยว่า ฮามาสจับกุมตัวประกันไว้กว่า 100 คน และมีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธสายย่อยอิสลามิกจิฮัดจับตัวประกันได้กว่า 30 คน ทำให้เชื่อได้ว่ามีเหยื่อถูกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์จับเป็นตัวประกันแล้วมากกว่า 130 คน เบื้องต้นมีทั้งชาวบราซิล อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกัน และชาวไทย ส่วนหน่วยงานสาธารณสุขปาเลสไตน์ รายงานว่า การทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ถล่มฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลมากกว่า 500 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 436 ศพ ในจำนวนนี้รวมเด็ก 81 คน ผู้หญิง 61 คน บาดเจ็บอีกประมาณ 2,271 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 244 คน ผู้หญิง 151 คน เช่นเดียวกับสหประชาชาติที่ประเมินว่า มีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไร้ที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 123,000 คน
หลายชาติระงับบินไปเทลอาวีฟ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐฯรายงานด้วยว่า สายการบินในภูมิภาคเอเชียระงับเส้นทางการบินไปกลับนครเทลอาวีฟของอิสราเอล มีทั้งสายการบินแอร์อินเดียที่สั่งระงับเที่ยวบินจนถึงวันที่ 14 ต.ค.สายการบินคาเธย์แปซิฟิกของฮ่องกง ที่ประกาศยกเลิกเที่ยวบินตามสถานการณ์ สายการบินโคเรียนแอร์ของเกาหลีใต้ ที่ระบุว่ามีเพียงเที่ยวบินพาคนเกาหลีเดินทางออกจากอิสราเอล