บางแสน ชลบุรี

565000001841201.jpg

บ้านใหญ่ชลบุรี กินบุญเก่าใกล้หมด ถึงเวลาเจอจุดเปลี่ยน


รายการ “ถอนหมุดข่าว”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 22 ก.พ.65 นำเสนอรายงานพิเศษ บ้านใหญ่ชลบุรี กินบุญเก่าใกล้หมด ถึงเวลาเจอจุดเปลี่ยน

ยุทธศาสตร์ของ ส.ส.กลุ่มบ้านใหญ่บางแสน จะวางสถานะตัวเองให้เป็น “มุ้งตัวแปร” มาแทบทุกยุคทุกสมัย เพื่อเป้าหมายสำคัญ การได้ร่วมรัฐบาล ได้โควต้ารัฐมนตรี

เล่นเกม “แทงกั๊ก” รอดูทิศทางลม ลมอำนาจมาทางไหนก็ไปทางนั้น ตั้งแต่ยุคพ่อ จนถึงยุคลูก

ด้วยเหตุนี้ นายสนธยา คุณปลื้ม จึงสังกัดพรรคการเมืองมาแล้วถึง 9 พรรค

แต่แล้ว เจตนาอันแรงกล้าที่จะสืบทอดอำนาจของ “บิ๊กตู่” และ คสช. ลมอำนาจก็พัดพานายสนธยา คุณปลื้ม ให้เข้าไปร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ

เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงขั้นยอมโดนด่า ใช้อำนาจตาม ม.44 ตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2561 แล้วถัดจากนั้นไม่กี่เดือน ก็ส่งนายสนธยา ไปนั่งเก้าอี้เมืองพัทยา ด้วยอำนาจตาม ม.44 เช่นกัน

ขณะที่เวลานั้น นายวิทยา คุณปลื้ม น้องชายของนายสนธยา ก็เป็นนายก อบจ.ชลบุรี อยู่แล้ว เท่ากับว่าสองศรีพี่น้องตระกูลคุณปลื้ม คุมงบประมาณมหาศาล

โดยงบประมาณของ อบจ.ชลบุรี ตกประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท ส่วนงบประมาณเมืองพัทยา ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท

เท่ากับทั้งสองมีงบประมาณในมือรวมแล้ว 6,000 ล้านบาทต่อปี หากอยู่ครบวาระ 4 ปี ก็เป็นเงินถึง 24,000 ล้านบาท

ซื้อใจกันถึงขนาดนี้ พลังชลเลยสลาย กลายมาเป็นพลังประชารัฐ เป้าหมายคือกวาด ส.ส.ชลบุรี ยกจังหวัด 8 ที่นั่ง

แต่ผลกลับพลิกล็อก พลาดเป้าไปถึง 3 ที่นั่ง ที่น่าสนใจก็คือ ล้วนเป็น 3 ที่นั่งสายตรงของนายสนธยา ซึ่งคาดว่าจะชนะแบบ “นอนมา” เลยด้วยซ้ำ แต่กลับพ่ายแพ้ให้นักการเมืองหน้าใหม่จากพรรคอนาคตใหม่

1 ใน 3 คนที่สอบตก ก็คือนายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายของนายสนธยา แต่ในขั้นตอนเสนอชื่อรัฐมนตรีตามโควต้า ก็เป็นนายอิทธิพล ที่ได้เป็น รมว.วัฒนธรรม

ส่วนคนที่มีบารมีทางการเมืองตัวจริง นำ ส.ส.ชลบุรีเข้าสภาได้ 5 ที่นั่ง อย่าง “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น กลับไม่ได้อะไร ก็เกิดเป็นปมขัดแย้งหนึ่งเปลาะกับนายสนธยา

ไม่เท่านั้น นายสุชาติตั้งกลุ่ม “ชลบุรีโฉมใหม่” มาสู้กับกลุ่ม “เรารักชลบุรี” ของนายสนธยา ในสนามการเมืองท้องถิ่น ก็เป็นการงัดข้อกันอย่างซึ่งหน้ากับลูกพี่เก่า

ราศีเริ่มฉายจับนายสุชาติ ชมกลิ่น เมื่อต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.แรงงาน เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และขึ้นเป็นผู้อำนวยการพรรค มีหน้าที่วางตัวผู้สมัคร เตรียมสู้ศึก ส.ส.สมัยหน้า

เขาประกาศลั่น วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีไว้เรียบร้อยแล้ว 9 เขต เว้นไว้เขตเดียว รอการตัดสินใจของนายอิทธิพล คุณปลื้ม ซึ่งถือว่ายังเป็นพี่เป็นน้องกัน

เป็นการวางตัว จัดทีม แบบไม่เห็นหัวนายสนธยา โดย ส.ส.เก่าทั้ง 5 คน ก็เลือกจะอยู่กับนายสุชาติ รูปการณ์จึงคล้ายนายสนธยา โดนนายสุชาติยึดมุ้งไปแล้ว

เมื่อนายสนธยาใช้วาทกรรมเชือดเฉือน ว่าด้วย “หมา” นายสุชาติตอบโต้ว่า เมื่อเจ้าของหมาจากไป แล้วลูกเจ้าของเลี้ยงหมาอย่างอดอยาก ทุบตี เอาไปปล่อยวัด พอมีคนเอาหมานั้นไปเลี้ยง จะมาบอกว่าหมาเนรคุณ มันไม่ใช่

การที่คนในเครือข่ายอำนาจตัวเอง เล่นแรงขนาดนี้ สะท้อนภาพ “ขาลง” ของบรรดาลูกๆ กำนันเป๊าะ ซึ่งต่างเป็นคนมีการศึกษาดี มีเงิน มีบารมี แต่ไม่มีปืนแบบพ่อ

ขณะที่วิธีการเก่าๆ ที่เคยใช้ได้ผลในรุ่นพ่อ ก็เริ่มกลายเป็นของล้าสมัย พิสูจน์ได้จากการพ่ายแพ้ใน 3 เขตเลือกตั้ง ให้กับพรรคอนาคตใหม่ ที่เชี่ยวชาญการสร้างกระแสทางโซเชียล

นักการเมืองในยุคทองของมุ้งบ้านใหญ่ ทุกวันนี้ล้มหายตายจากไปแทบไม่เหลือ

ตัวนายสนธยาเอง ก็ไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไป เพราะอายุใกล้จะ 60 ปี เทียบกับนายสุชาติ ที่กำลังฉกรรจ์เต็มที่ ในวัย 48 ปีเท่านั้น

ในงานวิจัยโดย โอฬาร ถิ่นบางเตียว ระบุว่า การขยายตัวของชนชั้นกลางเมืองชล เป็นตัวแปรสำคัญ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ใต้โครงสร้างอำนาจของกลุ่มบ้านใหญ่

มิหนำซ้ำ การผูกขาดอำนาจของกลุ่มบ้านใหญ่ที่ผ่านมา ก็เป็น “ภาพจำด้านลบของคนหนุ่มสาว” อีกต่างหาก

การเมืองเป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม ถึงเวลาก็ต้องไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้สักคน

เรื่องล่าสุด