“ดร.ธรณ์” เปิดภาพสำรวจหาคราบน้ำมัน ทะเลศรีราชา พบน้ำทะเลสีเขียวจากแพลงก์ตอนพืชจำนวนมหาศาล วิบากกรรมทะเลไทย ที่ความยั่งยืนยังไม่เกิดขึ้นจริง
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เรื่อง ทะเลมัทฉะ วิบากกรรมน้ำเขียวแห่ง EEC โดยระบุว่า
EEC คือพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก บริเวณที่ประเทศไทยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไปมหาศาล เพื่อกิจการสู่อนาคต
EEC แม้มีพื้นที่หลายจังหวัด แต่ศูนย์กลางมี 2 แห่งคือชายฝั่งบางแสน/ศรีราชา/พัทยา และมาบตาพุด ระยอง
ทั้ง 2 แห่งแตกต่างกันในด้านภูมิศาสตร์ ชายฝั่งชลบุรีอยู่ในอ่าวไทยตอนใน ระยองอยู่ชายฝั่งภาคตะวันออก
อ่าวไทยตอนในหรืออ่าวตัว ก ตามที่เรียกกัน เป็นอ่าวเกือบปิด สามด้านติดแผ่นดิน มีทางออกเพียงทิศใต้ที่เชื่อมกับทะเลนอก
แผ่นดินที่รายล้อมมีแม่น้ำ 4 สายหลักของไทย บางปะกง-เจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง เรียงลำดับจากตะวันออกสู่ตะวันตก
น้ำต่าง ๆ จากชุมชนและพื้นที่เกษตรไหลลงสู่อ่าวแห่งนี้
ศรีราชา/แหลมฉบังยังเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางทะเล มีอุตสาหกรรมมากมาย บางแสน/พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเมกะ ผู้คนมาเยือนมหาศาล
น้ำจากเมืองและแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ไหลลงทะเล
ทะเลที่ปิดล้อมด้วยแผ่นดิน 3 ด้าน อ่าวเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่รวมกันแค่ 7,500+ ตร.กม.
เล็กมาก เมื่อเทียบกับทะเลไทย 320,000+ ตร.กม. แต่เม็ดเงินที่เกิดจากเศรษฐกิจสีน้ำเงินในอ่าวนี้ อาจเกินครึ่งของทะเลไทยทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังเป็นเขตที่มีผู้คนอยู่อาศัยมากที่สุด ทุกอย่างปะปนกัน เมือง/อุตสาหกรรม/โลจิสติกส์/ท่องเที่ยว
แต่อย่าลืมคนที่เคยอยู่มาก่อน ชาวประมงพื้นบ้าน ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เจ้าของแพ/กระชังมากมายริมชายฝั่ง
แพน้อย ๆ ที่เป็นแหล่งหารายได้เลี้ยงครอบครัว อยู่ห่างจากเรือหลายหมื่นตันที่วิ่งผ่านไปมาเพียงนิดเดียว
เมื่อทะเล EEC มีทุกอย่างสุมรวมกัน กอปรกับเทรนด์โลกเน้นความเขียว จึงไม่น่าแปลกที่คำว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปรากฏอยู่ในแทบทุกแห่งทุกโครงการในพื้นที่
ทว่า…ผลลัพท์เป็นอย่างไร ?
ผลลัพธ์เป็นตามภาพที่เพื่อนธรณ์เห็น เป็นภาพที่ทีมคณะประมงเพิ่งถ่ายเมื่อวาน ระหว่างเราสำรวจหาคราบน้ำมันที่หลุดรั่วลงมาในทะเล
สีเขียวปี๋ดุจชาจากญี่ปุ่น ดูแล้วสวยดี แต่ในนั้นคือแพลงก์ตอนพืชนับล้านล้านล้าน ที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วเพราะเหตุต่าง ๆ ที่ผมเล่าไปแล้วข้างต้น
เราดูแลทะเลได้ดีพอหรือยัง ? ช่างมันเถอะตัวเลขในห้องประชุมหรือแคมเปญต่าง ๆ เพราะผู้ตอบที่แท้จริงคือทะเล
ทะเลตอบมาด้วยน้ำสีเขียวปี๋ สมดุลที่เปลี่ยนไป ความยั่งยืนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ข้อมูลจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มก. ทำร่วมกับสถานีวิจัยคณะประมง ศรีราชา บ่งบอกว่าน้ำเหล่านี้มีความตายแอบซ่อนอยู่
แพลงก์ตอนชนิดนี้ไม่เป็นพิษ ไม่สะสมในสัตว์น้ำ ทุกคนยังกินอาหารทะเลต่อไปได้ หากว่ามีเหลือให้กิน
เพราะไม่มีพิษแต่มีความตาย เนื่องจากปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสีทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังจากสถานีเก็บน้ำประจำจุดต่างๆ ในทะเลศรีราชา บ่งบอกว่าน้ำแบ่งเป็นชั้น
ชั้นน้ำล่าง ๆ มีออกซิเจนต่ำมาก (ต่ำกว่า 2 mg/l) ไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ
หากดูในภาพกราฟฟิก จะเป็นแถบสีน้ำเงิน
ที่สำคัญคือ การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นผลงานของนิสิตภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง
น้อง ๆ ที่เป็นห่วงทะเล อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ว่าเธอช่วยอะไรได้บ้าง ?
ช่วยทำให้ ความยั่งยืน ที่ผู้ใหญ่พูดถึงบ่อยๆ จัดงานกันถี่ ๆ เป็นความจริงสักนิด
ด้วยภาพที่ผมเห็นมาเมื่อวาน ด้วยงานของน้องที่ส่งมาให้ผมดู ผมจึงเขียนเรื่องนี้
เขียนเพื่อแจ้งให้เพื่อนธรณ์ทราบว่า ความยั่งยืนยังไม่เกิดขึ้นจริง
เขียนเพื่อบอกว่า แต่เรายังมีหวัง เพราะเด็ก ๆ ของเรายังสู้
สมดุลที่พังทลาย อาจหวนคืนมาทีละนิดละน้อย หากผู้ใหญ่หันไปมองงานของเด็ก ๆ บ้าง
รับฟังงานของเด็ก ๆ เพื่อให้รู้ว่า บางทีถ้อยคำที่พูดกันว่ายั่งยืน ๆ มันเป็นเพียงวิปครีมที่ปิดบังหน้ามัทฉะแห่งความตาย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คราบน้ำมัน ปะทะ แพลงก์ตอนบลูม ‘ดร.ธรณ์’ เตือนเพราะใส่ใจทะเลไม่พอ
- ‘ดร.ธรณ์’ ชี้น้ำมันรั่วทะเลศรีราชา ล้อมคอกไม่สำเร็จ คาดพัดถึงฝั่งเย็นนี้
- ‘ดร.ธรณ์’ รวบ 7 ประเด็นใหญ่ในทะเลไทย เสนอรัฐบาลใหม่พิจารณา