บางแสน ชลบุรี

566000008119601.jpg

ไม่น่าห่วง! คาดสถานการณ์ท่อน้ำมันไทยออยล์รั่วลงทะเลจบภายใน 2 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวศรีราชา – 4 หน่วยงานร่วมแถลงข่าวสรุปผลการขจัดคราบน้ำมันกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ไม่น่าห่วง หลังหลายหน่วยงานร่วมระดมกำลังจนผลเป็นที่น่าพอใจ คาดไม่เกิน 2 วันเข้าสู่ภาวะปกติ

วันนี้ (5 ก.ย.) พล ร.อ.ปกครอง มณธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายณัฐพล มีฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการกลั่น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวการสรุปผลการขจัดคราบน้ำมัน กรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่าน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั่น

โดย พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกองทัพเรือได้รับการประสานจากบริษัท ไทยออยล์ ให้ทราบถึงเหตุการณ์ ประสานขอรับการสนับสนุนการปฏิบัติ จึงได้นำรูปแบบการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในทะเลมาดำเนินการ จึงควบคุมสถานการณ์ไม่ให้น้ำมันกระจายตัวออกไปมาก หลังจากนี้กองทัพเรือยังคงกำลังพล และอุปกรณ์ไว้สำหรับการปฏิบัติงาน เนื่องจากจกระดับเป็น Tier 2 แล้ว

ด้าน พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เปิดเผยว่า ตรวจสอบคราบน้ำมันตลอดทั้งคืนมาจนถึงเช้า ขณะนี้ยังไม่พบก้อนน้ำมันขึ้นตามแนวชายหาด พบเพียงคราบคลัายแผ่นฟิล์มบางๆ ใกล้กับเกาะสีชัง เจ้าหน้าที่ทำการวางแนวทุ่นและดำเนินขจัดคราบน้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำด้วยการใช้น้ำยาสลายคราบน้ำมัน ส่วนที่หาดบางพระ ส่งกำลังพลไปประจำการ และวางแนวทุ่นสกัดคราบน้ำมันในทะเล เพราะที่ตรวจพบลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ แต่หากมีบางส่วนเล็ดลอดออกนอกแนวทุ่นขึ้นฝั่ง จะมีกำลังพลดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันทันที

พล.ร.ท.พิชัย เผยอีกว่า สถานการณ์คราบน้ำมันที่พบในขณะนี้ควบคุมได้ และมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากปริมาณที่พบลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบางๆ เท่านั้น หากดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันแล้วเสร็จ ไม่เกินอีก 2 วันหลังจากนี้จะเริ่มปิดศูนย์ควบคุมได้

ขณะที่นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ในการขจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการการตามแผนขจัดมลพิษ ปี 2565 หลังได้รับแจ้งมีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล และประเมินสถานการณ์แล้วต้องรีบขจัดคราบน้ำมันทันที พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการ ตามแผนงานที่กรมควบคุมมลพิษ และทิศทางของกระแสน้ำขจัดคราบน้ำมัน จากนั้นได้ประสานเครื่องมือ ประกอบด้วย เรือขจัดคราบน้ำมันจากกรมเจ้าท่า บริษัทเอกชน เพื่อนำบูมมาล้อมคราบน้ำมัน จากนั้นประสานกองทัพเรือนำฮอลิคอปเตอร์มาโปรยสารเคมี

โดยสถานการณ์ในเช้าวันนี้ ได้รับรายงานว่าไม่พบคราบน้ำมันขึ้นฝั่ง และในทะเลมีเพียงคราบน้ำมันและแผนฟิล์มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มีกำลังทหารจากกองทัพเรือลาดตระเวนและเฝ้าระวังบริเวณชายฝั่งในพื้นที่ที่คาดว่าอาจจะมีคราบน้ำมันขึ้นเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นการดำเนินการตั้งแต่วันเกิดเหตุและถึงวันนี้ได้ใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันไปแล้ว จำนวน 8,000 กว่าลิตร โดยสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เผยถึงเตรียมการดำเนินการในสถานการณ์ในครั้งนี้ ว่า หลังจากที่ผู้ว่าฯ ได้ร่วมกับส่วนราชการและไทยออยล์ ได้ลงมาลงมาช่วยเหลือ ทำการเก็บกู้ขจัดคราบน้ำมันที่รั่วอยู่ในบริเวณกลางทะเลตามแผนขจัดมลพิษทางน้ำ ปี 45 ของกรมเจ้าท่า ซึ่งขณะนี้ทุกท่านได้รับข้อมูลจากการแถลงข่าวของ ทางกรมเจ้าท่า และกองทัพเรือ ได้มีการเก็บกู้ขจัดคราบน้ำมันไปแล้วกว่า 80% และวันนี้ยังมีการเก็บ และมีการขจัดด้วยสารเคมีต่างๆ ซึ่งเป็นแผนในการปฏิบัติในบางส่วนอาจมีคราบน้ำมันบางส่วน และบางส่วนอาจจะหมดไป ซึ่งทางเราได้มีการติดตามสถานการณ์อยู่

ส่วนคราบน้ำมันที่ขึ้นไปบริเวณชายฝั่ง อาจจะมีศรีราชา บางแสน บางพระ ขณะนี้จังหวัดได้ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เทศบาลที่อยู่แนวชายฝั่งให้มีการติดตาม สถานการณ์ ให้มีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณชายฝั่งให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง หากมีคราบน้ำมันลอยขึ้นบริเวณฝั่ง เราจะมีการประสานไปกองทัพเรือ และหน่วยงานราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ กรมมลพิษ รวมทั้งกรมเจ้าท่า องค์กรปกครองท้องถิ่นที่จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเหตุผู้ประสบภัยพิบัติ เรายังมีการติดตามสถานการณ์อยู่ สิ่งที่ได้รับฟังในวันนี้คงจะไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น และการเก็บคราบน้ำมันสามารถดำเนินการด้วยดี ไม่ส่งกระทบอะไรต่อพี่น้องประชาชนในวงกว้าง 

นายณัฐพล มีฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการกลั่น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เผยถึงรายละเอียดเหตุการณ์เพิ่มเติม พร้อมแนวทางการดำเนินการของบริษัทเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมันขณะขนถ่ายน้ำมันดิบจากทุ่นกลางทะเล (SBM 2) เมื่อพบว่ามีเหตุกาณ์เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ได้เข้าระงับสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที ด้วยการหยุดกิจกรรมในการสูบถ่ายน้ำมันทั้งหมด หยุดปั๊มที่เรือ และปิดวาล์วในระบบที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงมีการสำรวจและใช้บูมเพื่อจำกัดขอบเขตปริมาณน้ำมันที่จะแพร่กระจายออกไป

รวมทั้งมีการใช้สารขจัดคราบน้ำมันมาฉีดพ่นเพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งสารนี้เป็นสารที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฉุกเฉินของบริษัทฯ ตามแนวทางการฝึกซ้อมที่ทำอยู่เป็นประจำภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ บริษัทฯ ใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่มีทั้งหมดเพื่อเข้าระงับเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เรือในการวางบูม การฉีดพ่นสารขจัดคราบน้ำมัน และได้มีการขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กองทัพเรือ ซึ่งสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ในการโปรยสารเคมีเพื่อขจัดคราบน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกรมเจ้าท่า รวมถึงหน่วยงานเอกชน เพื่อเตรียมเฮลิคอปเตอร์จากสิงคโปร์ให้พร้อมสำหรับการเข้าช่วยโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน

โดยในภาพรวม บริษัทฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยการนำอากาศยานขึ้นบินดูภาพในมุมสูงและนำเรือออกสำรวจในบริเวณต่างๆ ซึ่งจากสถานการณ์ล่าสุดช่วงเช้านี้ไม่พบคราบน้ำมันขนาดใหญ่ เหลือเพียงฟิล์มบางๆ บางส่วน และทิศทางจะเรียบขนานไปกับเกาะสีชัง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะยังคงเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ และหากมีกรณีพบคราบน้ำมันบนชายฝั่ง บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อม ทั้งประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนสำหรับดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทีมฟื้นฟู ทีมกำจัดขยะ ทีมสนับสนุน รวมถึงทีมรับฟังข้อเรียกร้อง และช่วยลดผลกระทบ พร้อมสื่อสารอย่างใกล้ชิด

เรื่องล่าสุด