สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้ MotoRival เราได้มีโอกาสมารีวิวรถไฟฟ้า EV Bike กันอีกครั้ง และผมอยู่กับเจ้า Cineco ES5 มันเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ซึ่ง Cineco ถือเป็นบริษัทในเครือของ Zongshen ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยานยนต์รายใหญ่ของประเทศจีน
ES5 มีดีไซน์ตามสไตล์รถ EV AT ทรงเหลี่ยมๆ ร่วมสมัย แต่จุดที่ผมมองว่าเค้าโดดเด่น คือ การเล่นสี และลวดลายตัวบอดี้ รถดูคล้ายแบบพวก Gundum หรือ แนว Evangelion ประมาณนั้น
ระบบไฟแบบ Full LED ด้านหน้า แถบ DRL เป็นรูปทรงตัว X และมีไฟ Dual Projector
ไฟท้ายรูปทรง X เช่นเดียวกัน
มาตรวัดจอสี TFT ความละเอียด 800x480px ปรับ Interface ได้หลายแบบ ซึ่งหลัก ก็จะแสดงผลความเร็ว และ %การส่งกำลังของตัวมอเตอร์ และ ประจุแบตเตอรี่คงเหลือ
แต่รู้สึกว่าตัวหนังสือบอก Mode จะตัวเล็กไปนิด แต่ก็ไม่สำคัญเท่าไร เพราะเราบิดคันเร่งก็รู้เลยว่าอยู่โหมดไหน
คันนี้สามารถเชื่อมต่อ App ได้ แต่ว่า ณ ตอนนี้ ยังเป็นของ App จีน ในไทยยังคงต้องรอพัฒนากันต่อในอนาคต
สวิทช์ซ้าย นอกจากปุ่มที่เกี่ยวกับไฟและแตร ทั่วไป ก็จะมีเพิ่มปุ่ม Cruise control โดยจะทำงานเมื่อความเร็วมากกว่า 60kmph
มีปุ่ม R เกียร์ถอยหลัง การทำงานให้กดปุ่ม R ค้างไว้ แล้วบิดคันเร่งรถก็จะค่อยๆ ถอยหลังให้
ปุ่ม Mode คือ ปุ่มปรับ Interface ตัวหน้าจอ
มีปุ่ม Burst Mode ที่นิ้วชี้ กดแล้วเหมือนขี่ในโหมด Sport วิ่งได้ต่อเนื่อง 6 นาที
สวิทช์ไฟขวา มีไฟ hazard
ปุ่ม P อันนี้ต้องกดเหมือนกับเป็นปุ่ม Start Engine ในรถเครื่อง เพื่อให้ ไฟ Ready ติดขึ้นตรงหน้าจอ นั่นหมายความว่ารถพร้อม บิดคันเร่งรถพุ่งทันที
ปุ่ม D-Mode ปรับ 3 แบบ Eco, Comfort, Sport
มี Port USB ที่ช่องเก็บของด้านซ้าย ซึ่งไม่ลึกมาก ส่วนตัวไม่แนะนำให้วางของมีค่า
ชุดกุญแจแบบ Smartkey (Keyless) มาพร้อมสัญญาณกันขโมย ซึ่งถ้าแตะโดนตัวรถก็อาจจะ Sensitive ไปสักหน่อย
ตรงกลางมีตะขอแขวนของมาให้
ชุดล้ออัลลอยหน้า ขนาด 14″ หลัง 13″ สวมยางหน้ากว้าง 110 หลัง 130
มิติรถ
เบาะนั่งตอนเดี่ยวสูง 780 มม.
นน. 108 กก. (ไม่รวมแบต) แบตลูกละ 12 กก.
ระยะ Ground Clearance 125 มม.
ระยะฐานล้อ 1330 มม. (ใกล้เคียง Scooter 150-160cc)
มุม Rake 25 องศา ระยะเทรล 90 มม.
ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 780 มม. สำหรับผมก็ถือว่าเป็นความสูงทั่วๆไป สำหรับ Scooter ผมสูง 175 ซม. เหยียบลงเท้าหย่อนเข่าได้สบาย
ใครตัวสูงต่ำกว่า 170 ซม. ก็ยังไม่ต้องกังวลมาก ด้วยความที่เป็นรถ Scooter มีช่องเปิดตรง Floorboard คุณสามารถร่นก้นมาทางด้านหน้า เวลาจอดก็จะช่วยเรื่องขาถึงพื้นได้
ตัวเบาะผมชอบเลย เพราะรู้สึกว่ามันหนานุ่มแน่นพอประมาณ นั่งสบายก้น
พื้นที่วางเท้าผมว่า กำลังดี คือกว้างพอประมาณไม่ฟิตวางเท้าไม่อึดอัดแน่นอน Clearance ช่วงเข่ายังเหลืออยู่พอควร หักแฮนด์สุดแล้วยังเลี้ยวไม่ติด ผมว่าคนตัวสูงก็ยังขี่ได้ไม่ติดเข่านัก
ระยะแฮนด์ กำลังดี ไม่สูงต่ำเกินไป
ชุดแฮนด์ที่อยู่ภายใต้ชุดฝาครอบด้านหน้า องศากางค่อนข้างตรง และช่วงแฮนด์ไม่ยาวมากตามสไตล์รถ AT ทั่วๆไป
นน. ตัวนั้น รถที่มีแบต 2 ลูก หนัก 132 กก. และถ้า 3 ลูก หนัก 144 กก. ซึ่ง คันที่ใส่ 3 ลูก ก็ต้องบอกว่าเวลาขึ้นขาคู่ถือว่าต้องใช้แรงพอประมาณ คุณผู้หญิงตัวเล็กอาจขึ้นลำบากหน่อย
ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า BOSCH ขนาด 5000W แบบ Mid Drive ส่งกำลังด้วยสายพาน
สามารถรีดกำลังออกมาได้สูงสุด 8.4 kW (11.26 hp) เทียบเท่ารถช่วง 125cc
แต่การที่เป็นไฟฟ้าเด่นแรงบิด 240Nm ให้อัตราเร่ง 0-50kmph ใน 3.2 วินาที
มีแบตเตอรี่ Li ขนาด 60V 31Ah 2 ลูก อยู่ที่ Floorbaord (สามารถซื้อเพิ่มได้อีก 1 ลูก วางไว้ที่ใต้เบาะ +เงินเพิ่ม 39,000-)
เวลาการชาร์จ 0-100% ไม่เกิน 8 ชม. 30-80% ไม่เกิน 3 ชม.
ด้านระยะทางเคลมวิ่งได้สูงสุด 150 กิโลเมตร/การชาร์จ (2 ลูก) กรณีเป็นแพ็คเกจ 3 ลูก จะเคลมที่ 230 กม.
สำหรับการชาร์จ แนะนำว่าให้ชาร์จผ่านตัวรถเลยจะสะดวกที่สุด แต่ถ้าคนอยู่คอนโด ก็สามารถยกแบตออกมาชาร์จข้างนอกซึ่งอาจจะลำบากหน่อย ตรงที่ต้องยกออกมาชาร์จทีละลูกผ่าน Adaptor
D-Mode มีให้ปรับได้ 3 แบบ
– Eco จะหน่วงการตอบสนองคันเร่ง และจ่ายกำลังไฟออกมาน้อยสุด ล็อก TopSpeed 60kmph
– Comfort ก็จะตอบสนองดีขึ้น แต่ยังหน่วงๆอยู่หน่อย กำลังไฟจ่ายออกมามากขึ้น ล็อก TopSpeed 80kmph
– Sport การตอบสนองคันเร่งกระฉับกระเฉงที่สุด กำลังไฟถ้าแบตมีมากๆ และเป็นแบบ 3 ลูกจ่ายกำลังเต็มขี่สนุก TopSpeed ก็ขยับมาที่ 100kmph
ในด้านสมรรถนะขี่จริงเป็นเช่นไร ต้องบอกก่อนว่า ผมเคยขี่ Hub Motor 5000W มาแล้ว สำหรับคนชอบฟีลตอบสนองแบบฉับไวกระชากทันท่วงทีแบบผม อาจจะรู้สึกขี่ Hub Motor แล้วแรงสะใจกว่า ได้ฟีลกระชากหน้าหงาย
แต่สำหรับคนทั่วไปใช้งาน ผมมองว่าสายพาน จะช่วยให้การส่งกำลังสมูท ขึ้นได้ราบลื่นไม่กระชากจนน่ากลัว แต่ก็อย่างที่บอก กำลังอาจมีถูกสูญเสียไปกับชุดสายพานบ้าง
ถึงอย่างไรก็ดี มันยังมีอัตราเร่งที่ดี คือ ขี่ขึ้นเนินชัน กำลังยังไม่ตก (ต้องบอกก่อนว่าตอนทดสอบ Performance เรามาทดสอบในคันที่ใส่แบต 3 ลูก เพราะจ่ายกำลังมาได้เต็มที่กว่า) คือ ช่วงต้นใช้ได้เลย อาจมาไหลขึ้นช้าหน่อย ช่วง 80 kmph+
Top Speed เคลมไว้ที่ 100kmph ผมทดสอบได้ 102 kmph ส่วน GPS จริงได้เท่าไร รับชมได้ที่คลิป
ระยะทางวิ่งจริงล่ะได้เท่าไร จากที่เราได้มากับพี่ๆ สื่อ สลับกันขี่และคำนวนการใช้งาน ออกจากที่พัก 100% วิ่งทดสอบแถวบางแสน มายังแถวบางพระ ต้องบอกว่าขี่แบบซัดๆ มือตึงกันทุกคนจากการประเมินแบต 2 ลูก ขี่ Condition สื่อแบบเรา ถ้าลากเกลี้ยง 0% น่าจะได้แถวๆ 100 กม. (แบตต่ำกว่า 20% จะตัดเข้า Save Mode ที่ประสิทธิภาพจะถูก Drop ลงใกล้เคียงกับ Eco)
ซึ่งถ้าขี่แบบคนปกติทั่วไปได้มากกว่า 100 กม.+ แน่นอน อาจจะได้ถึงแถวๆ 120 กม. ด้วยซ้ำไป
คือถ้า ซื้อออปชั่นเป็นแบต 3 ลูก ผมว่าวิ่ง จาก กทม.-พัทยา ได้ในชาร์จเดียว กรณีขี่แบบคนทั่วไป และมาชาร์จเอาที่พักเลย
เรื่องลุยน้ำท่วมล่ะเป็นไง ก็ต้องบอกเช่นนี้ครับว่า แม้ตรง Floorboard ที่มีแบตเก็บอยู่ มันจะมีซีลปิดเพื่อช่วยเรื่องกันน้ำ แต่อย่างไรก็ดีไม่จำเป็นก็ไม่ควรขี่ลุยน้ำขังอยู่แล้ว
ถ้าต้องลุยจริงๆ ก็ควรที่จะเปิดคันเร่งให้ผ่านไปเลยทีเดียว ตามที่ผมได้เคยบอกไว้ตลอดเวลารีวิวรถ EV Bike
ระบบกันสะเทือน
โช้กหน้าหัวตั้งขนาดแกน 33 มม. ระยะยุบ 106 มม.
โช้กหลังสปริงคู่ มีระยะยุบ 67 มม. ปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ วางบนสวิงอาร์มอลูมีเนียม
เรื่องของการคอนโทรลบาลานซ์ นี่คือ ความยอดเยี่ยมของ Cineco CS5 คันนี้เลย ถือว่าเป็นรถ EV Bike เบอร์ต้นๆ ที่มีขายในไทยเลยก็ว่าได้
แบตตรง Floorboard ทำให้ CG ต่ำ รวมถึงมอเตอร์วางกลาง โดยรวมแล้ว อาการรถหน้าจะไม่ไว ในจังหวะพลิกรถเร็วๆ แต่ช่วงกลางลำตัวไปถึงท้าย มีความหนืด และให้การยึดเกาะบาลานซ์ที่ดีเยี่ยม
คือ ถ้าเจอโค้งกว้างๆ บอกเลยบิดคันเร่งล็อกคันเร่งเข้าใส่ได้เลย เพราะในจังหวะผมลอง TopSpeed ผมกดคันเร่งเข้าใส่แบบหมดปลอกช่วงความเร็วประมาณ 100 kmph ยังทำได้สบายๆ
เทโค้งสนุก และให้ความมั่นใจได้ดี ซึ่งถ้าให้พูดตามตรงฟีลแบบนี้ มี EV Bike อีกคันที่ผมเคยขี่มาก่อนหน้าและให้ฟีลลิ่งแบบนี้ นั้นคือ E01 ที่เป็นรถ Prototype ยังไม่มีวางขายจริงเลย
การยึดเกาะดี แล้วการซับแรงล่ะ ต้องบอกว่า EV Bike ส่วนมากที่ผมเทสมา ช่วงล่าง ถือ เป็นจุดบอด อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่กับ ES5 คันนี้ เพราะมันคือจุดแข็ง
ด้านหลัง ok มากๆ ไม่กระด้าง ซับแรงดี
ส่วนด้านหน้า ขี่เร็วๆ ก็รู้ไม่สึกอาการหน้าเบา หรือ สะบัดออกมาให้เห็น แทบจะเรียกได้ว่า เปิด Cruise Control (ขั้นต่ำ 60kmph) ปล่อยแฮนด์ 2 มือ ขี่ได้เลย
แต่ช่วงล่างหน้า ถ้าขี่ผ่านทางขรุขระ อาจมีกระแทกนิดหน่อย เพียงเท่านั้น
ระบบเบรก จานดิสก์เดี่ยวทั้งหน้า-หลัง
ด้านหน้าทำงานร่วมกับปั๊ม 2 pots ด้านหลัง 1 pot มาพร้อมระบบ CBS (ช่วยกระจายแรงเบรก)
และนี่ คืออีกจุดแข็ง ES5 คันนี้ ระบบเบรกทำงานได้ดีมาก เบรกชะลอความเร็วได้อย่างมั่นใจ มีพละกำลังในการเบรกหยุดรถได้หนักหน่วง
ตัวปั๊มบนที่ให้มาเป็นสไตล์ปั๊มแต่งแบบตู้ปลาด้วย สามารถไล่น้ำหนักลงได้ดี ก้านเบรกงาน CNC สามารถหมุนปรับระดับให้เข้ากับระยะนิ้วมือเราได้
หลายคนอาจจะบอกว่า ไม่มี ABS มาให้ แต่ก็ต้องบอกให้เข้าใจกันก่อนว่า รถ EV Bike ส่วนใหญ่ หรือแม้แต่คู่แข่งที่มีราคาสูงกว่าก็ยังไม่มีระบบ ABS มาให้
ส่วนตัวผมมองว่าประสิทธิภาพเบรก โดยรวมกับตัวรถถือว่าให้มาดีแล้ว
สรุป รีวิว Cineco ES5 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มอเตอร์กลางขับสายพาน ที่ผมถือว่าขับดีมากคันหนึ่ง เรื่องของการคอนโทรลรถ ช่วงล่างเบรก ถือว่าดีเกินมาตรฐานรถ EV ในราคาเท่าๆกัน
ความแรงอาจไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในคันนี้ แต่เรื่องของระยะทาง ผมว่ามันเป็น EV Bike ที่ขี่ได้ระยะทางไกลที่สุดที่ผมได้เคยรีวิวมา และสามารถเลือกซื้อแบตก้อนที่ 3 ได้อีก ต้องบอกว่าแม้จะราคาแพงหน่อย แต่ก็ช่วยให้ ES5 สามารถวิ่งได้ระยะทางเรียกว่าไกลกว่าเพื่อน ส่วนที่เหลือ อาจจะรอเพียงในส่วนของการพัฒนาระบบ Application ภาษาไทย
หากเทียบราคา ระดับ 1.5 แสน หลายคนอาจมองว่าแพง ซึ่งก็ต้องบอกว่า ถ้าเราดูสเป็กและเล่น EV Bike แล้ว รวมถึงประสิทธิภาพที่ผมได้เคยลองขี่ ได้สัมผัส EV Bike มา ผมมองว่ามันไม่ได้แพงมากแล้วล่ะ
ราคา Cineco ES5 1.499 แสนบาท จากราคาปกติ 159,900 บาท
มี 3 สี ได้แก่ Midnight Grey Shiny Orange, Light White Dark Blue, Light White Shiny Green
จัดไฟแนนซ์ได้สูงสุด 48 งวด
ฟรี ทะเบียน/พรบ/ประกันรถหาย
รับประกันมอเตอร์ 3 ปี
รับประกันแบตเตอรี่ 2 ปี
รับประกันระบบไฟฟ้า 1 ปี
ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ทางเพจ MotoRival เรา หรือ Cineco Thailand
อ่านข่าว EV เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่าน รีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่