บางแสน ชลบุรี

resize_S__73679269.jpg

“บิ๊กโอ๋”แถลงจับ 2 อดีต ตร. ชิงรถกระบะหนุ่มขายน้ำเต้าหู้

วันพฤหัสบดี ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 19.19 น.

เมื่อเวลา 11.10 น.วันนี้ 27 ก.ค.66 ที่ สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.สส 1 บก.สส.ภ.7 เดินทางมาที่ห้องประชุม ศปก.สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ท.สายชล แสนสุข รอง ผกก.สส.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ท.ทศพล ปอปรีชา สว.สส.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ต.ชนะชล ชินแสง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าเรือ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี เกี่ยวกับสำนวนการสอบสวน คดี คนร้ายสิงคนแต่งกายคล้ายตำรวจก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายและชิงรถไป ล่าสุดสามารถติดตามจับ 2 คนร้ายพร้อมของกลางรถระบะที่ชิงไปได้แล้ว ใช้เวลาประชุม 1 ชม.

หลังการประชุม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.ประสพชัย พล.ต.ต.ไพโรจน์ พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ ได้ทำการสอบปากคำ นายบันเทิง (สงวนนามสกุล) อดีต นายดาบตำรวจ สังกัด สภ.ท่าเรือ อายุ 51 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 458/2566 และนายปฏิวัติ (สงวนนามสกุล) หรือ ดาบท๊อป อายุ 51 ปี อยู่บ้านอยู่ในพื้นที่บาลตำบลท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี อดีตนายดาบตำรวจสังกัด สภ.เมืองกาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ 461/2566 ซึ่งสองผู้ต้องหาที่แต่งกายคล้ายตำรวจชิงทรัพย์ รถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว้ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขข 2590 นครสวรรค์ โดยใช้อุปกรณ์ช๊อตไฟฟ้าและทำร้ายร่างกาย นายจีรวัตร ชำนาญเวช หรือป๊อบ อายุ 25 ปี พ่อค้าขายน้ำเต้าหู้ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ผู้เสียหาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.10 น.ของวันที่ 24 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา

หลังจากนั้น คณะทั้งหมดได้เปิดแถลงข่าวการจับกุมอดีตนายดาบตำรวจทั้ง 2 คนที่บริเวณด้านหน้าสภ.ท่าเรือ โดยมีการนำของกลางที่นำมาแถลงประกอบด้วย เสื้อผ้าที่เป็นชุดตำรวจของคนร้ายที่ใช้สวมใส่ในวันเกิดเหตุ เครื่องช็อตไฟฟ้า เชือกเปลที่ใช้มัดมือมัดเท้านายจีรวัตร กุญแจมือ 1 อัน รถจักรยานยนต์ 1 คันและรถยนต์เก๋ง 1 คัน โดยที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวด้วยแต่อย่างใด

โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงว่า ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.พลตำรวจเอก ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งผู้บังคับบัญชามีความเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 7 เร่งรัดคลี่คลายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากคดีนี้ได้สร้างความกระทบกระเทือนกับความเป็นอยู่ของประชาชน เนื่องจากผู้ก่อเหตุตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น แต่งกายคล้ายตำรวจและอ้างตัวว่าเป็นตำรวจขณะก่อเหตุเพื่อชิงทรัพย์ในพื้นที่ สภ.ท่าเรือคาบเกี่ยวกับ สภ.ท่ามะกา

ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผทค.พิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ภ.7(สส)นำกำลังลงพื้นที่ตั้งแต่วักแรกที่เกิดเหตุ คดีนี้ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนเลยว่า เจ้าหน้าที่ของเราได้ทำงานพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างรวดเร็วจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ได้ประสานงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 จนสามารถจับกุมตัวนายบันเทิง แตงอ่อน 1 ใน 2 ผู้ต้องหาได้ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 ส่วนรถยนต์ของกลางที่เป้นของผู้เสียหายขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี กำลังเดินทางไปรับกลับมา ส่วนนายปฏิวัติ บันเทิงสมหวัง ผู้ต้องหาอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อคืนที่ผ่านมา

จากการซักถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ยอมรับว่า เขาแต่งกายคล้ายตำรวจและอ้างตัวเป็นตำรวจเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องหาว่ามีตัวละครอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากพบว่ามีก็จำดำเนินการขยายผลจับกุมให้หมดทั้งแก๊งค์ โดยเฉพาะการก่อเหตุในครั้งนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเนื่องจากมีพี่น้องประชาชนสัญจรไปมา ทำให้ประชาชนต้องหวาดระแวงภัย ซึ่งตนได้สั่งการให้ทุก สภ.ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ให้เข้มขึ้นในการรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี แถลงว่า สำหรับพฤติการณ์แห่งคดีคือ เมื่อเวลา 20.10 น.ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สก.ท่าเรือ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191ว่า มีเหตุมีผู้เสียหายถูกคนร้ายแต่งกายคล้ายตำรวจ ทำทีว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ เมื่อผู้เสียหายหยุดรถจึงลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์โดยได้รถยนต์กระบะของผู้เสียหายไป 1 คัน โทรศัพท์ มือถือ 1 เครื่อง และเงินสด จำนวน 3,000 บาท

จากการสืบสวนพบรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ จอดทิ้งซุกช่อนไว้ จึงตรวจยึดเป็นของกลางในคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุเรื่อยมา จนพบรถยนต์ที่ผู้ชิงทรัพย์ไปจอดทิ้งไว้ในห้างสรรพสินค้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุม นายบันเทิงฯ ได้ขณะนั่งรถทัวร์เข้า กทม.โดยถูกด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ ทำการจับกุมได้ จากนั้นจึงนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนั้นสืบสวนขยายผลพบว่ารถยนต์เก๋งของกลางที่ใช้ก่อเหตุเชื่อมโยงกับ นายปฏิวัติ (สงวนนามสกุล) จึงเชื่อว่าผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนคือนายปฏิวัติ (สงวนนามสกุล)  จึงแบ่งกำลังให้ฝ่ายสอบสวนรวบรวม พยานหลักฐานยื่นขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกับให้ฝ่ายสืบสวนบูรณาการกำลังสืบสวน ไล่ล่าติดตาม และสามารถจับกุมตัวนายปฏิวัติฯ ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี

ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากคนร้ายที่สองคนอ้างว่าไม่มีเงินเลี้ยงชีพ และต้องการเงินไปใช้หนี้ส่วนตัว โดยนายบรรเทิงอ้างว่าหลังสู้คดีเก่า ทำให้ไม่รายได้และทำการขายทรัพย์สินต่างๆ จนหมดตัว แม้แต่ปืนพก 5 กะบอกก็ขายไปหมดเลย ต่อจากนั้นไปเปิดอู่ซ่อมและขายรถที่อำเภอบ่อพลอย จ.กาญจนบุรีกิจการก็ไม่ดี ค้างค่าเช่าค้างค่าไฟและมีหนี้สินต้องชดใช้จำนวนมาก จึงก่อเหตุในครั้งนี้

ส่วน นายจีรวัตร ชำนาญเวช หรือ ป๊อบ ผู้เสียหาย มาร่วมฟังแถลงข่าว ได้นำช่อดอกไม้มามอบให้ตำรวจเพื่อเป็นการขอบคุณนายจีรวัตร เปิดเผยความรู้สึกว่า ว่านี้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง สภ.ท่าเรือ ภ.จว.กาญจนบุรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และอีกหลายสังกัด ส่วนคู่กรณีที่กระทำความผิดหลังจากนี้ไปก็ขอให้เป็นเวรเป็นกรรมของแต่ละคนไป

หลังการแถลงข่าว พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ท.สายชล แสนสุข รอง ผกก.สส.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ท.ทศพล ปอปรีชา สว.สส.สภ.ท่าเรือ พ.ต.ต.ชนะชล ชินแสง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าเรือ ได้นำตัว นายบันเทิง แตงอ่อน และนายปฏิวัติ บรรเทิงสมหวัง สองผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยก่อนจะพาตัวทั้งสองออกจากโรงพัก เจ้าหน้าที่ได้ให้ทั้งสองคนกินข้าวหมูแดงเป็นมื้อสุดท้ายก่อนพาส่งศาล ซึ่งทั้งสองคนยังมีสีหน้าเรียบเฉย มีบางจังหวะระหว่างดาบบรรเทิงกินข้าว เจ้าตัวยังได้หยิบทิชชูเช็ดปากให้กับปฏิวัติ ดูรักและห่วงใยกันเป็นอย่างดี

โดยตำรวจได้พาทั้งสองคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 3 จุด จุดแรกคือที่เกอกเหตุที่สองคนร้ายได้วางแผนดักปล้นรถผู้เสียหาย ซึ่งจุดนี้คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ของแม่ยายนายบรรเทิงมาวางดักขวางถนนไว้และนำรถเก๋งซีวิคสีดำของตัวเองมาจอดขวางถนน เมื่อผู้เสียหายขับรถผ่าน จึงได้ร่วมกับเพื่อนลงมือช็อตไฟฟ้าและรุมทำร้ายและชิงรถไป โดยตำรวจได้ให้ดาบบรรเทิงไปชี้จุดที่ทำร้ายผู้เสียหาย และเส้นทางที่ขับรถหลบหนี

จุดที่ 2 บริเวณหน้าร้านเต้าหู้ของผู้เสียหายบริเวณตลาดนัดดอนกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดดักปล้นประมาณ 3.7 กิโลเมตร โดยจุดนี้เป็นจุดที่ทั้งสองผู้ต้องหาได้เดินทางมาเฝ้าดูเป้าหมาย และเลือกรถของเหยื่อก่อนที่จะก่อเหตุ ซึ่งทั้งสองเดินทางมาเฝ้าติดตามดูจนรู้ว่า ผู้เสียหายจะใช้รถคันดังกล่าวมาขายน้ำเต้าหู้ทุกวัน และรู้ว่าผู้เสียหายจะเดินทางกลับบ้าน เส้นทางไหน

เรื่องล่าสุด