บางแสน ชลบุรี

Dtbezn3nNUxytg04aiMADzIoPIEyWKV5uYivQhHDJvDthp.jpg

“บิ๊กตู่” บอกไม่ได้ผูกขาไว้ แจง “บิ๊กป้อม” ปาดหน้า-โชว์ชื่นมื่น

ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พี่-น้องแย่งชิงกันลงพื้นที่ ปาดหน้ากันเอง อาจสะบั้นสายสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน ล่าสุดในวงประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังพูดคุยกันกะหนุงกะหนิงสนิทสนมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่ตึกสันติ ไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์นิทรรศการ “กระทรวงการคลังขับเคลื่อน SMEs ไทย สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน” ภายหลังประชุม ครม.เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ติดตามพื้นที่ใช้ประโยชน์ ณ แปลงจัดสรร และพบปะประชาชนที่ได้รับการจัดสรรพื้นที่ใช้ประโยชน์ที่ อบต.วังยาว มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการและคณะร่วมลงพื้นที่ด้วย

จับตา “ป้อม” ปาดหน้าลงชุมพร

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าประชุม ครม.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อถามถึงกระแสข่าวเตรียมลงพื้นที่ จ.ชุมพร วันที่ 28 ม.ค. วันเดียวกับนายกฯ แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบเพียงแต่หันมามองสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามรายละเอียดกับทีมงาน พล.อ.ประวิตรได้รับการชี้แจงเพียงว่ามีเสนอแผนมาแล้ว แต่อยู่ระหว่างพิจารณา อาจเป็นการลงพื้นที่เป็นการส่วนตัว

กะหนุงกะหนิงกลบกระแส

ขณะที่การประชุม ครม.วันนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีวาระการประชุมถึง 54 วาระ ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ มีภารกิจต้องไป จ.สุพรรณบุรี ซึ่งที่ประชุมมีการหยิบยกการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 รวมถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันขึ้นมาพูดคุยหารือ ท่ามกลางกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ช่วงชิงการลงพื้นที่กันหลายครั้ง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.อ.ประวิตรปาดหน้าแย่งคะแนน แต่ปรากฏว่าระหว่างประชุม ครม.นั้น พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรที่นั่งติดกัน มีการพูดคุยกันสนิทสนมเหมือนปกติ ไม่มีท่าทีระหองระแหงเหมือนที่วิพากษ์วิจารณ์

แยกบทบาทชัดเจนลงพื้นที่

ต่อมาเวลา 12.50 น. ภายหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นกำหนดการมาหลายวันแล้ว ไปดูแก้ปัญหาเกษตรกรและที่ดินทำกิน ไม่ได้ไปเรื่องอื่น ที่ไปในเวลาราชการทำงานตามกรอบของนายกฯและรัฐบาล เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ จ.ชุมพร ที่จะเป็นเวทีปราศรัยครั้งแรกในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีเป็นเรื่องของพรรค แน่นอนบทบาทของตนต้องเปลี่ยนตามวาระที่ไป อันไหนเป็นเรื่องของรัฐบาลก็รัฐบาล เป็นนายกฯมีหน้าที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศ ส่วนของพรรคเป็นการหาเสียงก็ว่ากันไป ต้องกำหนดบทบาทตัวเองให้ชัดเจนเท่านั้น

ไม่มีปัญหา “พี่ใหญ่” ปาดหน้า

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรจะไปลงพื้นที่ จ.ชุมพร ช่วงเช้าวันเดียวกันด้วย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ใครจะไปก็ไปสิ แผ่นดินผืนนี้ใครจะไปไหนก็ไปได้ ใครจะไปก่อนไปหลังไม่เห็นมีปัญหา ไม่ได้ขัดข้อง อย่าไปเสนอข่าวทำนองนี้ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เมื่อถามว่าแต่คนชอบไปมอง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนทันทีว่า คนที่มองก็มีพวกคุณนั่นแหละ คนอื่นเขาไม่ค่อยมองหรอก เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้สังคมมอง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมไม่ได้ผูกขาเขานี่นา ท่านก็ไม่ได้ผูกขาผม ผมไปไหนก็ไปได้ ท่านจะไปไหนก็ไปได้ ไปเวลาเดียวกันก็ได้ไม่มีปัญหาหรอก” เมื่อถามว่าดูเหมือนมีระยะห่างกันระหว่างพี่น้อง 2 ป. พล.อ.ประยุทธ์ตอบตัดบทว่า “ไม่มีหรอกครับ” พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

ลงสุพรรณบุรีแก้ที่ดินทำกิน

กระทั่งเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์นำคณะ อาทิ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางไปยัง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ตรวจพื้นที่ที่เตรียมจัดสรรให้กับชาวบ้าน 113 ราย หลังร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากการไร้ที่ทำกิน ทันทีที่เดินทางถึง นายกฯขึ้นรถเข้าสำรวจแนวที่ดินที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหา เพื่อจัดให้ชาวบ้านเข้าทำกินอย่างเร่งด่วน สอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ก่อนมาพบกลุ่มชาวบ้านจำนวน 113 ราย ที่มารอพบที่ อบต.วังยาว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาดูพื้นที่ด้วยตัวเอง ตอนนี้ให้ตรวจสอบพื้นที่ 2 แปลงใหญ่ที่เอกชนรับสัมปทาน ว่าถูกต้องหรือไม่ ส่วนพื้นที่ทำกินที่จัดสรรให้ชาวบ้าน ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องเป็นผู้ไม่มีที่ทำกินอยู่แล้วตามกติกา ที่ทำตรงนี้ไม่ได้ให้ทุกคนมารัก แต่ต้องการให้ทุกคนมีที่ทำกิน

“บิ๊กป้อม” เสียงเขียวไม่ไปชุมพร

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ชุมพร วันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามว่า ช่วงนี้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ทำให้ พล.อ.ประวิตรหันมาตอบแบบมีอารมณ์ว่า “คุยทุกวัน โธ่ ถามอยู่ได้ คุยทุกวัน” เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยกันดีแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “โห ไม่มีอะไร” เมื่อถามอีกว่าจะมีการพูดคุย ชี้แจงเรื่องลงพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า “ไม่มี ไม่รู้” ก่อนขึ้นรถยนต์ออกจากทำเนียบฯไป

ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าวเตรียมลงพื้นที่ จ.ชุมพรวันที่ 28 ม.ค.ว่า ไม่มีๆ เมื่อถามย้ำว่าแต่มีข่าวว่าจะไป ทำให้ พล.อ.ประวิตรกล่าวยืนยันเสียงเข้มว่า “ไม่มี บอกไม่มีก็ไม่มีสิ โธ่เอ้ย ถามอยู่นั่นแหละ ถามทุกวัน”

“ชลน่าน” รับข้อเสนอเด็กอาชีวะ

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับและรับมอบหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชนสำนักความคิด (ประเทศไทย) เครือข่ายลมใหม่ นำโดยนายพิษณุวัฒน์ สิงห์ชัย ประธานเครือข่าย ที่นำเสนอนโยบายด้านอาชีพเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ด้วยการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. เข้าฝึกงานจริงตามสายอาชีพ และให้เรียนไปทำงานไปมีรายได้ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป นพ.ชลน่านกล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวช่วยเติมนโยบายของเรา ต่อยอดเห็นภาพได้ทันที นอกจากนักศึกษาจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาฝึกงานตรงสายอาชีพแล้ว ยังมีรายได้แม้จะไม่มาก แต่ก็ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง รายจ่ายค่าจ้างส่วนนี้บริษัทเอกชนอาจนำไปหักหรือลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ไม่ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน

ระดมจัดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงปลายเดือน ม.ค. ครอบครัวเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค เริ่มเวทีแรกวันที่ 27 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามกีฬากลาง จ.เลย เวลา 13.30-15.00 น. ต่อด้วยเวทีที่ 2 เวลา 16.30 น. ที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู วันที่ 28 ม.ค. เวทีปราศรัยที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เวลา 09.00 น. ต่อด้วยเวทีปราศรัยที่ 2 เวลา 14.30 น. ที่ อ.โพนพิสัย วันที่ 29 ม.ค. เวทีปราศรัยใหญ่ลาน อบจ.กาญจนบุรี เวลา 17.30 น. โดยก่อนหน้านั้นจะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ทั้ง 3 วัน ถือเป็นการคิกออฟเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย พร้อมรณรงค์เป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น

ไม่ตอบโต้ “จตุพร” ให้บานปลาย

นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธานนปช. วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องในพรรคเห็นตรงกันว่าจะไม่ตอบโต้ ไม่สร้างพื้นที่วิวาทะ ไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งบานปลายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ พูดได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดผลกระทบทางความรู้สึกของพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะผู้ที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยมากว่า 10 ปี ในนามคนเสื้อแดง มีหลายฝ่ายติดต่อมาสอบถามขอฟังคำอธิบาย ได้บอกไปว่าจะไม่ตอบโต้ หรือเปิดประเด็นสวนกันแน่นอน เรายังคงรักษาสมาธิเดินหน้าเพื่อเป้าหมายแลนด์สไลด์ เพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน แก้ปัญหาให้กับประชาชนตามที่ประกาศเอาไว้ ส่วนตัวยังสามารถพบปะพูดคุยกับนายจตุพรได้ปกติ แต่ในภาวการณ์แบบนี้หากให้ไปออกทีวีคู่กัน แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่ดูแล้วไม่มีประโยชน์กับประชาชน

“หนู” ดิ้นลบภาพพรรคพลังดูด

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การลาออกของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนกระแสข่าวจะย้ายไปพรรคเพื่อไทยนั้น ยังไม่ทราบ มาแจ้งกับตนว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ขอให้รักษาตัวให้แข็งแรง เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสจะย้ายไปพรรคเพื่อไทย นายอนุทินตอบว่า เคยพูดไปแล้วว่า ส.ส.ย้ายเข้าย้ายออกเป็นเรื่องปกติ สมมติฝั่งภูมิใจไทยไปร่วมกับเพื่อไทย ต่อไปก็จะได้เลิกพูดว่าใครเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ถือว่าดีประเด็นนี้จะได้เคลียร์ไป ทุกอย่างใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่มีใครดูดใคร มีแต่คำว่าอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ เขาอาจอยู่ไม่ได้เพราะไม่เชื่อในการบริหารหรือนโยบายของพรรค ภูมิใจไทยมีความเป็นปึกแผ่น โดดเด่นที่สุด ชัดเจนที่สุด ไม่มีการกระเพื่อมภายใน ยึดถือระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ยึดถือกติกามารยาท ไม่เคยทำให้ผู้ร่วมงานเดือดเนื้อร้อนใจ

“พิธา” ชวนติ่งส้มฟังเจตนารมณ์

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “กา X ก้าวไกลประเทศ ไทยไม่เหมือนเดิม” จะอยู่กับปัญหาเดิมๆ ที่เจอมาชั่วชีวิต? หรือเลือกคนและพรรคที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ครบทุกมิติปัญหา เปลี่ยนประเทศไทยให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต วันที่ 28 ม.ค.นี้ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญชวนประชาชนผู้ต้องการการเปลี่ยนแปลงทุกท่าน มาเจอกันที่อุทยานการเรียนรู้ “ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต” พวกเราชาวก้าวไกลจะประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองในการเลือกตั้ง 2566 พร้อมเปิดชุดนโยบายเรือธง การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เลือกสีส้ม เพื่อเราจะทำให้คุณเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง

“วิรัช” ปลื้มได้ “ซ้อเจน” มาช่วย

ที่พรรคพลังประชารัฐเมื่อเวลา 10.00 น. มีการจัดสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระหว่างสัมมนา นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. แนะนำตัวนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ หรือ “ซ้อเจน” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมาดูแลพื้นที่ จ.กาญจนบุรี พรรค พปชร. นายวิรัช กล่าวขอบคุณที่มาร่วมงานกับพรรค หลังจาก จ.กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่พลังประชารัฐบอบช้ำมากที่สุด สุดท้ายมี “ซ้อเจน” เข้ามาช่วย การติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.วันนี้ เป็นเรื่องเทคนิคการหาเสียงและปราศรัย เน้นย้ำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน หรือ “ป้อม 700” เป็นสโลแกนจำง่าย มั่นใจ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

“ประวิตร” เปิดผู้สมัครอีก 71 คน

จากนั้นเวลา 16.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. รวม 71 คน แบ่งเป็นต่างจังหวัด 43 คน อาทิ จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ลงเขต 4 จ.ชลบุรี นายเพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง ลงเขต 3 จ.นครราชสีมา จ.กาญจนบุรี นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ ต่อมา พล.อ.ประวิตร เปิดตัว นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. เป็นหัวหน้าทีมเลือกตั้ง กทม. พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลอตแรก 28 คน อาทิ นายกานต์ กิตติอําพน เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง นายศิริพงษ์ รัสมี เขตหนองจอก นางนาถยา แดงบุหงา เขตสะพานสูง แขวงประเวศ น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขตทวีวัฒนา หนองแขม และนายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล เขตบางพลัด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า วันนี้เปิดตัวผู้สมัครอีก 71 คน เปิดไปแล้วรวม 350 คน พยายามส่งให้ครบทุกจังหวัดทั้ง 400 คน

เจิมป้อมปราบศัตรูพ่ายปราศรัย

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้า พปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมจะไปปราศรัยเป็นที่แรกคือ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพราะล้อมาจากชื่อเล่น “ป้อม” ของ พล.อ.ประวิตร และยังเป็นชื่อมงคลที่ปราบศัตรูพ่ายหมด เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.อ.ประวิตรว่า จะใช้ฤกษ์ดีวันไหนไปปราศรัย แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

“จั้ม” แจงเหตุอยู่กับ “ลุงป้อม”

นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. หัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับคืนรัง พปชร.ว่า ตื่นเต้น ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่ให้โอกาส การเลือกตั้งใน กทม.ครั้งนี้ไม่ง่าย หลายพรรคมีตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่ดี ทุกพรรคมีโอกาส เมื่อถามว่ากองเชียร์อยากให้ไปช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ รทสช.มากกว่า นายสกลธีตอบว่า ยังเคารพ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม เดิมทั้ง 2 ท่านเคยอยู่ด้วยกัน ทราบดีว่าคนที่เชียร์ตนเป็นคนที่ชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์อยู่มาก แต่วันนี้อยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจ เมื่อถามว่า พปชร.จะสู้รทสช.ได้หรือไม่ นายสกลธีตอบว่า ตอนนี้ยังวัดไม่ได้ เพราะกระแสของ กทม.ผูกกับตัวนายกฯ เมื่อท่านย้ายออกไปย่อมมีผลบ้าง เป็นการบ้านที่ต้องทำให้กระแสของ พปชร.กระเตื้องขึ้น

“ณัฏฐพล” วางมือการเมือง 100%

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกระแสข่าวอยู่เบื้องหลังนายสกลธี ในการทำพื้นที่ กทม. กับพรรค พปชร.ว่า วางมือจากการเมืองนับตั้งแต่ที่ศาลมีคำพิพากษาให้ต้องเว้นวรรคแล้ว วันนี้มีความสุขกับการที่ได้อยู่กับครอบครัว และทำงานที่รัก คือการทำโรงเรียนซึ่งเป็นงานการศึกษาที่สามารถช่วยพัฒนาเยาวชนและประเทศได้เช่นกัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ เบื้องหน้า หรือเบื้องหลังก็ตาม ส่วนการตัดสินใจนายสกลธีถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เคารพการตัดสินใจของเพื่อนทุกคนอยู่แล้ว ขอยืนยันวันนี้หยุดจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น

“ลูกบิ๊กบัง” ลงสนามเมืองหลวง

ด้าน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตทวีวัฒนา หนองแขม พปชร. กล่าวว่า หัวหน้าพรรค พปชร.ให้โอกาส และกำชับให้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดขึ้นอยู่ที่ประชาชนจะให้ความไว้วางใจ เมื่อถามว่าได้ปรึกษา “เป้ย” ปานวาด เหมมณี ภรรยาดารานักแสดงชื่อดังก่อนหรือไม่ น.ต.นิธิตอบว่า เป้ย ให้กำลังใจและเป็นห่วงครอบครัว เขารู้ว่าตนตั้งใจมาก มีเจตนารมณ์เข้ามาทำงานให้ประชาชนจริงๆ เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตรองนายกฯ และอดีตประธาน คมช. ผู้เป็นพ่อจะตามมาด้วยหรือไม่ น.ต.นิธิตอบว่า คุณพ่อไม่มา เนื่องจากวางมือทางการเมืองแล้ว แต่ให้กำลังใจ

“สมศักดิ์” ขอดูทิศทางลมอีกพัก

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวถึงท่าทีกลุ่มสามมิตรว่า มีข่าวสารจะมีการควบรวมกันอีกหลายพรรค เป็นข้อมูลที่ทำให้จำนวน ส.ส. หรืออดีต ส.ส.และผู้สมัครในแต่ละพรรคที่ควบรวมกันเปลี่ยนแปลงไป ต้องให้เวลากับการควบรวมอีกสักระยะ ยังมีเวลาอยู่ ฉะนั้นเรื่องของกลุ่มสามมิตรปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ เมื่อถามว่าถ้าถึงวันที่ 7 ก.พ. คือชัดเจนว่ากลุ่มสามมิตรยังไม่มีการออกจากพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า “ผมว่าพอแล้ว การเมืองขอตอบพอแล้ว เป็นคำถามซํ้าซาก พอเถอะ” เมื่อถามอีกว่าแม้ชัดเจนแล้วว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา จะกลับมาพรรค พปชร. กลุ่มสามมิตรก็ยังอยู่ที่เดิม นายสมศักดิ์ตอบว่า “คุณก็ถามการเมืองอยู่นั่น ผมพูดชัดเจนหลายครั้ง ผมไม่อยากตอบซ้ำเดิม”

“เจ๊หน่อย” รับ “เก่ง การุณ-ชวลิต”

ที่พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมคณะผู้บริหารพรรค ให้การต้อนรับนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม เข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและอบอุ่น คุณหญิงสุดารัตน์ได้มอบและสวมเสื้อพรรคให้กับทั้งคู่ พร้อมกล่าวต้อนรับว่า นายชวลิตเป็นคนคุณภาพทำงานเรื่องปรองดองมายาวนาน เช่นเดียวกับนายการุณ ที่ทำงานในพื้นที่เข้มแข็ง มั่นใจว่าจะนำทัพไทยสร้างไทยสร้างประโยชน์ต่อประชาชนได้ อดีต ส.ส.ทั้ง 2 คนที่เข้ามา ไม่ใช่ 2 คนสุดท้าย แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จะมีอดีต ส.ส. เข้ามาอีกหลายคน ยินดีที่เราจะได้นักรบที่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยประชาธิปไตย มีประชาชนอยู่ในหัวใจเสมอมา ทั้ง 2 คนจะนำทัพไทยสร้างไทยให้เข้มแข็ง

“วราวุธ” ขอส่งเน้นๆแค่ 100 เขต

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พรรคคงไม่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต พื้นที่ที่ไม่ใช่จุดแข็งไม่จำเป็นต้องส่ง พรรคจะส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต 100 เขตบวกลบ และบัญชีรายชื่อ 100 คน ส่วนเป้าหมายยังเหมือนเดิมคือไม่น้อยกว่า 25 ที่นั่ง เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีบิ๊กเนมเข้าพรรคมาอีกหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า บิ๊กเนมปัจจุบันไม่แน่ใจ แต่บิ๊กเนมในอดีตที่ยังทำงานอยู่นั้นมีการเจรจากันอยู่ เมื่อถามว่ามองการจับขั้วในปัจจุบันอย่างไร นายวราวุธตอบว่า ตนก็สับสนและเชื่อว่าทุกพรรคก็คงสับสน การพูดคุยก่อนการเลือกตั้งถือเป็นเรื่องปกติ แต่หลังเลือกตั้งแนวนโยบายของพรรคเป็นสิ่งที่เราต้องนำไปปฏิบัติ ตัวเลขพรรคใดได้เท่าใดไปว่ากันหลังเลือกตั้ง

ชพก.เปิด 12 นโยบายสู้ศึก ลต.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ชพก.และคณะผู้บริหารพรรค แถลงเปิดนโยบายความพร้อมสู่การเลือกตั้ง ส.ส. และการขับเคลื่อนประเทศใต้ยุทธศาสตร์ “งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง!” นายสุวัจน์กล่าวตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นทางออกของประเทศ พรรคชพก.มีแนวคิดว่า “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ เปิดนโยบาย 12 เรื่อง 1.นโยบายสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่จะนําไปสู่เม็ดเงินประมาณ 5 ล้านล้านบาท 2.ลดค่าใช้จ่ายจัดโครงสร้างภาษีใหม่ เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี 3.สร้างเกษตรใหม่ 4.ผ่อนคลายให้ทุกคนกลับมาใช้สินเชื่อกันได้ใหม่ 5.ใช้ระบบดิจิทัลมาปรับปรุงระบบราชการ 6.สร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ด้านท่องเที่ยว เพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า 7.นโยบายพลังงาน ราคาไฟฟ้าและราคาน้ำมัน 8.เพิ่มทักษะให้คนมีโอกาสทำงานมากขึ้น ต้องเรียนรู้หลายภาษา 9.สนับสนุนทุนธุรกิจสร้างสรรค์สูงสุดรายละ 1 ล้านบาท ไม่จำกัดวุฒิและวัย 10.นโยบายสูงไวไฟแรงงานใหม่ 5 แสนตำแหน่ง 11.นโยบายอารยสถาปัตย์ปรับปรุงบ้าน 50,000 บาทให้ผู้สูงวัยและผู้พิการ และ 12.นโยบายมอเตอร์เวย์ทั่วไทย 4 ทิศ 2,000 กิโลเมตร

ชู ศก.เฉดสีเก็บภาษีทลายส่วย

นายกรณ์กล่าวว่า เราจะรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ 5 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี ด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี เริ่มจากเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน แยกระบบสายส่งออกจากการไฟฟ้าเพื่อให้ประชาชนซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งของรัฐ ขยายพื้นที่ป่าเป็น 40% หรือ 26 ล้านไร่ สร้างรายได้ทั้งการขายพืชเศรษฐกิจและคาร์บอนเครดิต และเศรษฐกิจสีเทาเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เสนอให้มีกาสิโนในรีสอร์ตเหมือนสิงคโปร์ และเศรษฐกิจสีขาวหรือเศรษฐกิจสายมู ตั้งกองทุนส่งเสริมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสายมูเตลูที่เป็นเทรนด์ใหม่ในโลกจังหวัดละ 1 พันล้าน เศรษฐกิจสีน้ำเงิน คือเศรษฐกิจสายเทค สร้างโอกาสด้านดิจิทัลอีโคโนมี 1.75 ล้านล้านบาท ให้คนไทยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม นอกจากนี้จะชูเรนโบว์อีโคโนมีหรือเศรษฐกิจสีรุ้ง ความเท่าเทียมสู่โอกาสเพิ่มกำลังซื้อสูงสุด 1 ล้านล้านบาททุกปี รวมถึงซิลเวอร์อีโคโนมีหรือเศรษฐกิจสีเงิน ชูเศรษฐกิจวัยเก๋า สร้างบ้านผู้สูงอายุ ปรับปรุงบ้าน 5 หมื่นล้าน 1 ล้านครัวเรือน

ไฟเขียว 5,945 ลบ.จัดเลือกตั้ง

อีกเรื่อง นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) 5,945,161,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งทั่วไปให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอายุของสภาผู้แทนราษฎรจะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มี.ค.2566 กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่สภาสิ้นอายุ แบ่งเป็น 1.รายการค่าใช้จ่ายของสำนักงาน กกต. 5,104,546,750 บาท 2.รายการค่าใช้จ่ายของหน่วยงานสนับสนุน ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจรวม 10 หน่วยงาน 840,614,250 บาท

“วิษณุ” งง ส.ว.ชงจ้างคนใช้สิทธิ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณี กกต.ขอรับการสนับสนุนงบจัดเลือกตั้ง กกต.ขอมาประมาณ 6 พันล้านบาท หากเหลือจะเก็บไว้โดย กกต.ได้แจกแจงรายละเอียดทั้งหมดมาแล้ว เมื่อถึงเวลาจะใช้ต้องมาพูดกันอีกครั้งว่าใช้เท่าไหร่ เมื่อถามถึงกรณี ส.ว.มีข้อเสนอให้เงิน 500 บาทจูงใจประชาชนให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ไม่ทราบขอให้ไปถาม ส.ว.และตนไม่อยากพูด หากจะทำก็ทำได้แต่ต้องไปแก้กฎหมายใหญ่โตมโหฬาร เพราะขณะนี้กฎหมายไม่อนุญาตให้จ่ายเงินสำหรับการเลือกตั้ง รัฐอาจจะจัดให้ได้แต่ต้องแน่ใจว่าต้องเสมอภาค ทุกเรื่องที่ ส.ว.เสนอมาเพื่อให้ทำ 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อถามย้ำว่า แล้วมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่เห็นที่ไหนเขาทำกัน เมื่อถามอีกว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าเหมือนการซื้อเสียง นายวิษณุตอบว่า ก็ยังไม่เกิดขึ้นอย่าเพิ่งไปว่าอะไรเขาเลย เขาเสนอทางวิชาการ

“พลังชล” ขยับใช้ชื่อ “พลังบูรพา”

ที่โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี พรรคพลังชล มีการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2566 โดยนายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังชล กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคมีมติให้ยกเลิกข้อบังคับพรรคพลังชลทั้งฉบับ และเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคพลังบูรพา ให้ใช้ข้อบังคับพรรคพลังบูรพา พ.ศ.2566 แทน หัวหน้าพรรคยังคงเป็นนายเชาวน์ มณีวงษ์ และตนเป็นเลขาฯเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนชื่อเพราะอยากให้เห็นการขับเคลื่อนของพรรคในภาพที่กว้างขึ้น ความหมายของพรรคพลังบูรพาเป็นการรวมพลังความรัก ความสามัคคีของประชาชน พรรคจะส่งผู้สมัคร ส.ส.อย่างแน่นอน เมื่อถามว่า พื้นที่ จ.ชลบุรี แข่งขันดุเดือด นายสุระตอบว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่เรื่องอะไรที่มันไม่จริง ไม่ว่าจะปล่อยข่าวแต่งเติม มโนพูดกี่ครั้งก็คือความไม่จริง ขอให้จดหรือจำไว้ด้วยในเรื่องที่เคยพูดไม่จริง การพูดครั้งต่อไปอาจจะไม่เหมือนกับครั้งแรกก็ได้ ขณะนี้ชาวบ้านเริ่มให้ฉายาบางคนว่า จอมลวงโลก

ส.ส.-ส.ว.โยนกลองรัฐสภาล่ม

ที่รัฐสภามีการประชุมร่วมรัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. หารือก่อนเข้าวาระว่า เกิดปัญหารัฐสภาล่มประชาชนระอาใจ ถ้าสภาผู้แทนราษฎรล่มตนไม่ก้าวล่วง แต่หลายครั้งรัฐสภาล่มที่มีทั้ง ส.ว. และ ส.ส. รู้สึกอับอายคับข้องใจ บางครั้ง ส.ว.มาร่วมประชุมเกินครึ่ง ดังนั้นปัญหารัฐสภาล่มไม่ได้เกิดจาก ส.ว. ทำให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงตอบโต้ทันทีว่า นายจเด็จพูดเหมือน ส.ส.ทำให้รัฐสภาล่ม เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่สร้างสรรค์ ให้ไปเปิดดูเอกสารว่า ส.ว.มีส่วนทำให้รัฐสภาล่มด้วยหรือไม่

ฝ่ายค้านเช็กบิล “ศักดิ์สยาม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเสนอคำร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร ส่งไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และ ส.ส.สิ้นสุดลง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จากกรณีใช้นอมินีถือหุ้นในบริษัทรับเหมาก่อสร้างรับงานในกระทรวงคมนาคม เข้าข่ายเอื้อผลประโยชน์ต่อบริษัท เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรค 2 กรณีการแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆที่มีผลให้ ส.ส. ส.ว. หรือกรรมาธิการมีส่วน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้ ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.ครบแล้ว คาดว่ายื่นต่อประธานสภาฯได้ในวันที่ 25 ม.ค.

ผบ.ทอ.สั่งสอบโอทีกองบิน 7

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ดอนเมือง พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษก ทอ.เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการเบิกค่าปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภารกิจฝึกบินกลางคืน ของฝูงบิน 702 กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี อ้างว่า ไม่ได้ปฏิบัติงานจริงแต่มีชื่อเบิกและให้โอนเงินดังกล่าวคืนให้ผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายนั้น ผบ.ทอ.ได้รับรายงานแล้วและสั่งการให้กรมจเรทหารอากาศ ตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานผลให้ทราบโดยด่วน ทั้งนี้ ทอ.ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติราชการด้วยความโปร่งใส หากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำที่ผิดระเบียบจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด

แนวร่วมเพิ่มยืนหยุดขังต้าน 112

วันเดียวกัน ที่หน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (มธ) ท่าพระจันทร์ ฝั่งตรงข้ามสนามหลวง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ยืนหยุดขัง 1.12 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ “ตะวัน” และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ “แบม” ที่อดข้าวอดน้ำประท้วงในเรือนจำ โดยมี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เข้าร่วม พร้อมนักศึกษา มธ.อีกจำนวนหนึ่ง

ด้านกิจกรรม “ยืนหยุดขัง 112 ชั่วโมง” ของกลุ่มทะลุฟ้า ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน ที่ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เวลาประมาณ 15.15 น. พ.ต.ท.ปิติพัฒน์ เอกอัครภูววัฒน์ รอง ผกก.ป.สน.ปทุมวัน อ่านประกาศเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ สน.ปทุมวัน แจ้งให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า การยืนหยุดขัง 112 ชั่วโมงไม่ได้มีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานการชุมนุม ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยุติกิจกรรมภายใน 30 นาที แต่แกนนำทะลุฟ้ายืนยันไม่เลิก อ้างเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่มวลชนพากันตะโกนด่าทอโห่ไล่ตำรวจ ช่วงเย็นมีประชาชนที่สนับสนุนเดินทางมาร่วมยืนหยุดขังมากขึ้น

เรื่องล่าสุด