เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
พัทลุง – สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด จ.พัทลุง เริ่มคลี่คลาย ส่วนคลื่นลมในทะเลสาบลำปำยังคงพัดหนุน บ้านริมคลองถูกน้ำท่วมขังหลายครัวเรือน บางครอบครัวต้องปิดประตูบ้านอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
วันนี้ (21 ธ.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พัทลุง เริ่มคลี่คลาย ขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ท้องที่ อ.ป่าบอน ตะโหมด ป่าพะยอม กงหรา และ อ.ศรีนครินทร์ ได้ลดลงแล้ว แต่ในพื้นที่ริมทะเลสาบลำปำ (ทะเลสาบสงขลาตอนใน) ในพื้นที่ อ.ควนขนุน เมืองพัทลุง เขาชัยสน บางแก้ว และ อ.ปากพะยูน ระดับน้ำยังท่วมสูง เนื่องจากคลื่นลมในทะเลสาบยังคงพัดหนุนมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนของพื้นที่ ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง โดยเฉพาะบริเวณหาดแสนสุขลำปำ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.พัทลุง และของภาคใต้นั้น คลื่นลมในทะเลสาบลำปำ (ทะเลสาบสงขลาตอนใน) ได้พัดเข้าฝั่งเข้าสู่ผนังกั้นดิน ทำให้โต๊ะเก้าอี้ร้านค้าได้รับความเสียหายหลายร้าน บริเวณร้านค้าระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร ทำให้ร้านค้าถูกปิดไปโดยสิ้นเชิง และคาดว่าอีกหลายวันกว่าจะสามารถเปิดได้ เนื่องจากกระแสคลื่นลมในทะเลสาบพัดหนุนมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บ้านเรือนราษฎรในชุมชุมบ้านท่าน้ำ ต.ลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ซึ่งอยู่ริมคลองลำปำ ถูกน้ำท่วมขังหลายครัวเรือน ส่วนชาวบ้านในท้องที่หมู่ 4 ต.ลำปำ ทั้งในและนอกเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ประมาณ 40 ครัวเรือน ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบลำปำนั้น เส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เรือพาย หรือเรือหางยาวเพียงเท่านั้น บางครอบครัวต้องปิดประตูบ้าน โดยได้อพยพไปพักอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย และไม่มีวันกำหนดที่จะกลับมาพักอาศัยได้ตามปกติ
หลังจากปริมาณฝนลดลง และทิ้งช่วงมาเป็นเวลา 2 วัน ทำให้พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่กลางน้ำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ น้ำได้ไหลลงท่วมในพื้นที่ ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน ต.จองถนน อ.เขาชัยสน ต.นาปะขอ ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว และ ต.ปากพะยูน ต.ฝาละมี ต.เกาะนางคำ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน ระดับน้ำประมาณ 1 เมตร ถึง 1 เมตรครึ่ง ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ริมทะเลสาบ
เบื้องต้น ทางจังหวัดพัทลุงแจ้งว่าในระหว่างวันที่ 18-21 ธันวาคม 2565 ถูกน้ำท่วมใน 11 อำเภอ 41 ตำบล 361 หมู่บ้าน 45,159 ครัวเรือน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 122,704 คน เสียชีวิตจากการจมน้ำ 2 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 3,304 ไร่ สัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบ 964,338 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ประเภทสุกร และไก่เนื้อ ส่วนความเสียหายยังอยู่ระหว่างการสำรวจ