Site icon บางแสน

“SEVENTEEN” ชวนอยู่เหนือความกลัว สู่ความกล้า พร้อมเปิดใจการเดินทางร่วมกับสมาชิก และความผูกพันลึกซึ้งต่อ “กะรัต” | เดลินิวส์

b1b59b0eefd60e2b8910180bca15b3fe.jpg

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบอยแบนด์ฮอตที่ไม่เคยหยุดพัฒนา แถมยังมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับ “เซเว่นทีน (SEVENTEEN)” และล่าสุดทั้ง 13 หนุ่ม นำโดย เอสคุปส์ (S.COUPS) ลีดเดอร์, โจชัว (JOSHUA), ซึงกวาน (SEUNGKWAN), ดีโน่ (DINO),  อูจี (WOOZI), เวอร์นอน (VERNON), โฮชิ (HOSHI), วอนอู(Wonwoo), จองฮัน (JEONGHAN), ดีเค ( DK), ดิเอท (THE 8), จุน (JUN) และ มินกยู (MINGYU) ได้คัมแบ๊กพร้อมอัลบั้มที่เต็มไปด้วยความหมาย อย่าง “เฟส เดอะ ซัน (Face The Sun)” ที่อัดแน่นด้วยพลังและแรงบันดาลให้ทุกคนกล้าเผชิญความกลัวและอยู่เหนือมันให้ได้ ท่ามกลางกระแสตอบรับสุดร้อนแรง

ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นการกลับมาครั้งนี้หนุ่ม ๆ ยังมาพร้อมเวิล์ดทัวร์เต็มรูปแบบ โดยมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่ “เซเว่นทีน” จะเดินทางมาเก็บความทรงจำแสนสุขไปกับแฟนคลับชาวไทยใน “เซเว่นทีน เวิลด์ ทัวร์ [บี เดอะ ซัน] – แบงค็อก (SEVENTEEN WORLD TOUR [BE THE SUN] – BANGKOK)” จัดขึ้นในวันที่ 1 และ 2 ต.ค. นี้  ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี โดย “ไลฟ์ เนชั่น เทโร”

เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนไปเจอทั้ง 13 หนุ่ม  “ฮาอึน” ขอพาแฟน ๆ ไปพูดคุยกับพวกเขาผ่านบทสัมภาษณ์จาก “SWEETY HIGH” ทั้งการทำงานในอัลบั้มนี้ที่หนุ่ม ๆ มีส่วนร่วม รวมถึงเปิดใจเส้นทางในการเผชิญหน้ากับความกลัว มิตรภาพ และความผูกพันของหนุ่ม ๆ ที่มีต่อ “กะรัต (CARAT ชื่อแฟนคลับ)” แบบจัดเต็ม

Q :  อัลบั้มนี้มีความเชื่อมโยงกับโปรเจคท์อื่น ๆ ของพวกคุณ และเรื่องราวที่คุณกำลังเล่ายังไงบ้าง รวมทั้งเพลงอะไรในอัลบั้มนี้ที่พวกคุณแต่ละคนรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด?

โจชัว   : สำหรับ ‘เฟส เดอะ ซัน’ เป็นอัลบั้มเกี่ยวกับการอยู่เหนือความกลัวของพวกเราครับ มันคอยตามติดความคิดและความรู้สึกของเราอย่างใกล้ชิด ในการเผชิญกับความกลัวและสิ่งที่ทำให้กังวล เราอยากให้คนฟังได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ความกล้าหาญ ผมหวังว่ามันจะย้ำเตือนคุณถึง ‘เงามืดภายใน’ เหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของทุกคน ดังนั้นเราสามารถสร้างความกล้าขึ้นมาเพื่อเอาชนะความกลัวของเราเราไปด้วยกันได้ครับ

ซึงกวาน   : ผมยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อเพลงได้ แต่ผมตื่นเต้นกับเพลงที่เราจะทำการแสดงบนเวที ระหว่างที่ทัวร์รอบโลกที่กำลังจะถึงนี้มากที่สุดครับ ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะนำเสนอเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่พวเราแพลนกันเอาไว้สำหรับเพลงนี้

ดีโน่   : เพลงที่ผมชื่นชอบที่สุดคือ ‘ดอน กิโฆเต (DON QUIXOTE.)’ ครับ ผมค้นพบว่าตัวละคร ‘ดอน กิโฆเต’ นั้นมีความเกี่ยวข้อง และตัวเพลงเองก็เติมเต็มความกล้าหาญให้ผมอยู่เสมอ

โฮชิ   : ผมบอกทุกคนเลยว่า ‘Ash’ เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุด มันเป็นสไตล์ใหม่ ๆ สำหรับพวกเรา ซึ่งผมคิดว่ามันเหมาะกับบทใหม่เหล่านี้ในเรื่องราวของเซเว่นทีนด้วยครับ

Q :  อะไรคือด้านใหม่ ๆ ของ “เซเว่นทีน” ที่แฟน ๆ สามารถคาดหวังจะเห็นในอัลบั้มนี้ได้บ้าง แล้วพวกคุณเคยกลัวการลองทำอะไรใหม่ ๆ หรือใช้แนวทางใหม่ ๆ บ้างรึเปล่า?

ซึงกวาน : สำหรับ ‘เฟซ เดอะ ซัน’ นั้นเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ส่วนเราเองเป็นในแง่ที่ว่า เราสามารถพูดคุยกันถึงข้อบกพร่องของเราได้อย่างตรงไปตรงมาผ่านอัลบั้มนี้ ผมคิดว่าโดยปกติแล้วสมาชิกของเรามีความกระตือรือร้นในการท้าทายใหม่ ๆ พวกเรากระตือรือร้นมากที่จะเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น และมันก็น่ากลัวน้อยลงมาก ๆ ที่จะจัดการกับความน่าท้าทายนั้นเมื่อเราทั้ง 13 คนอยู่ด้วยกัน ซึ่งมันก็มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในทีมอยู่เสมอ เพราะเมื่อสมาชิกคนนึงเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ สมาชิกคนอื่นอีกสองสามคน ก็มีแนวโน้มที่จะทำตามไปด้วยครับ

Q : อะไรทำให้พวกคุณตัดสินใจสำรวจความกลัวและเงามืดของพวกคุณในอัลบั้มที่ 4 นี้?

อูจี : เมื่อสองปีที่ผ่านมามันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะสำหรับเซเว่นทีน มันจึงถึงเวลาแล้วครับที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวมากมายที่พวกเราเคยหลีกเลี่ยงมันมาก่อน นั่นก็คือแนวความคิดที่ว่าการไม่สามารถแสดงต่อหน้าผู้คนแบบสด ๆ ได้อีก ‘เฟซ เดอะ ซัน’ คือการบันทึกความมุ่งมั่นตั้งใจของเรา และปณิธานที่เด็ดเดี่ยวนี้จะต้องไม่ถูกลากลงมาด้วยความกลัวเหล่านั้นครับ

Q : อะไรคือแรงบันดาลใจของเพลง “Darl+ing” และอะไรทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เหมาะที่จะปล่อยออกมาก่อน?

เวอร์นอน  : สำหรับ ‘Darl+ing (ดาร์ล + อิ้ง)’ เป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่สำหรับ ‘เซเว่นทีน’ ในตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญของพวกเรา ก็คือการสสร้างความสัมพันธ์กับผู้ฟังของเราให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ซึ่ง ‘ดาร์ล + อิ้ง’ เป็นเพลงที่แสดงถึงความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อทุกคน ที่ส่งความรักในแบบของพวกเราและซัพพอร์ตเรา พวกเราคิดว่ามันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มสร้างความสัมพันธ์นั้นให้เข้มแข็งขึ้น ส่วนก้าวต่อไปบนเส้นทางนี้ก็คือเวิลด์ ทัวร์ (BE THE SUN) ของพวกเราครับ

Q : เป็นที่รู้กันดีว่า “เซเว่นทีน” เป็นวงที่ทำเพลงด้วยตัวเอง ส่วนไหนในขั้นตอนการผลิตที่คุณได้ใส่ความคิดลงไปมากที่สุด?

วอนอู  : ด้วยความที่จุดแข็งของพวกเราแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ในขั้นตอนการผลิตเราจึงโฟกัสไปยังจุดที่แตกต่างกัน สมาชิกบางคนใส่ความคิดในขั้นตอนการเขียนเนื้อร้องมากหน่อย ส่วนคนอื่น ๆ ก็ให้ความสำคัญไปที่การออกแบบท่าเต้นที่สมบูรณ์แบบมากกว่า ดังนั้นพวกเราจึงทำงานได้ดีเมื่อเป็นทีม แม้ว่าจะโฟกัสไปในจุดที่แตกต่างกัน แต่เรามีเป้าหมายร่วมกันกับการมุ่งมั่นส่งสารที่ตั้งใจใส่ไว้ในเพลงผ่านดนตรีและการแสดงที่ดีที่สุดครับ

Q :  หลังจากที่เดบิวท์มาเกือบ 7 ปีแล้ว พวกคุณยังกังวลหรือตื่นเวทีอยู่มั้ย แล้วคุณเอาชนะมันมาได้ยังไง?

โฮชิ   : ความตื่นเต้นในการแสดงสดต่อหน้าผู้ชมนั้นมีความสำคัญเกินกว่าพวกความกังวลครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงสองปีที่ผ่านมา พวกเราคิดถึงเวลาที่อยู่บนเวทีกันมาก ๆ เวิลด์ทัวร์ของพวกเราเริ่มเร็ว ๆ นี้ ผมคิดว่ามันน่าจะมีช่วงเวลาที่น่ากังวลหรือเครียดเมื่อใกล้ถึงวันนั้น แต่จริง ๆ เราก็แค่นับถอยหลังถึงวันนั้น เพราะเรารู้ว่าพวกเราจะปลื้มปริ่มดีใจมากแค่ไหนเมื่อโมเมนต์นั้นมาถึงครับ เราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดบนเวที ดังนั้นพวกเราก็หวังว่าทุกคนจะตั้งตารอคอยการแสดงของเซเว่นทีนด้วยนะครับ

Q : อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกผูกพันกับ “กะรัต” แฟนคลับของพวกคุณมากที่สุด?

จองฮัน : โดยส่วนตัวผมรู้สึกผูกพันที่สุดเมื่อผมตะหนักได้ว่าผมนั้นเติบโตและเปลี่ยนไปเพราะเหล่ากะรัตมากแค่ไหน พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เซเว่นทีนเป็นเซเว่นทีนในทุกวันนี้ครับ

ดีเค  : ตอนที่ผมได้ยินเสียงเชียร์ของพวกเขาระหว่างการแสดงครับ ตอนที่เราซ้อมคอนเสิร์ตโดยไม่มีผู้ชม มันเหนื่อยจนถึงจุดที่เราสงสัยว่า ‘เราจะโชว์เต็มรูปแบบรอดจริง ๆ เหรอ?’ และเมื่อแฟน ๆ ของเราอยู่ที่นั่น เราอาจหมดลมหายใจและเกือบจะเป็นลมสลบเหมือดไปเลย แต่เสียงเชียร์และแฟนชานท์ ได้ดึงเอาพลังทั้งหมดขึ้นมาใหม่ พลังที่ผมไม่คิดว่าจะมีออกมาครับ

ดีโน่ : มันมีหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่ากะรัตนั้นรู้จักพวกเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเองกันอีกครับ พวกเขาสังเกตเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในท่าทางการเพอร์ฟอร์แมนซ์ ซึ่งผมอาจจำการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนที่เราโพสต์อะไรบางอย่างลงในคอมมูนิตี้แฟนของเราตอนตี 3 หรือ ตี 4 กะรัตก็อยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะพูดคุยกับเราเสมอเลย มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะมองข้ามคุณค่าไปได้ และเราก็อยากทำให้แน่ใจว่า เราได้ตอบแทนความรักได้มากเท่า ๆ กันครับ

จองฮัน : กะรัตนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอครับ ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกผูกพันธ์กับพวกเขา เมื่อผมมองย้อนไปว่าผมนั้นเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแค่ไหน และตระหนักว่าที่ผมสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ก็เพียงเพราะว่าแฟน ๆ ของเราเท่านั้น พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเป็นผม และทำให้เป็นเซเว่นทีนในทุกวันนี้ครับ

Q : ใครที่คอยเช็กในโซเชียล มีเดียอยู่ตลอด

ดิเอท   : จุนครับ เขาใช้เวลากับมือถือเยอะมาก เขามีมันติดตัวตลอด และเขาก็ถ่ายภาพเซลฟี่เยอะมาก ๆ ซึงกวานก็เป็นสมาชิกอีกคนที่เล่นโซเชียลบ่อย ๆ เขาคอยมอนิเตอร์ว่าแฟน ๆ ของเราตอบสนองต่อเพลงใหม่ การแสดง และคอนเทนต์ต่าง ๆ ของเรายังไง ซึ่งเขาสนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วไปรอบโลก และติดต่อกับผู้คนมากมายเสมอเลยครับ

Q : พวกคุณอยู่ด้วยกันมาเกือบ 7 ปีแล้ว แต่ละคนเคยมีปัญหาอะไรกันบ้างมั้ยและมีวิธีแก้ปัญหากันยังไง?

เอสคุปส์   : พวกเราเจอความขัดแย้งเล็ก ๆ กันตลอดเวลาครับ ผมจะไม่เรียกมันว่า ‘ปัญหา’ เพราะผมเชื่อว่าความจริงที่ว่าเรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันนั้น และเราสามารถที่พูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทีมของเราแข็งแกร่ง เราได้เรียนรู้การพุดคุยผ่านความขัดแย้งที่พวกเรามี ซึ่งมันเป็นไปได้ก็เพราะว่าเราเชื่อใจกันว่าเรานั้นมองไปในเป้าหมายและทิศทางเดียวกัน เราอยากที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดอยู่เสมอ และเราอยากทำให้ดีด้วยกันครับ

จุน : ทีมของเรามักเสียงดังและพูดกันเก่งได้ทุกที่ ทั้งบนเวที หลังเวที ในห้องซ้อม ที่บ้าน การพูดคุยของเราไม่มีที่สิ้นสุดเลยครับ และการโต้เถียงกันในเรื่องเล็กน้อยสัพเพเหระ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุยนั้น ผมคิดว่าธรรมชาติของความสัมพันธ์พวกเรานั้นเพิ่มความลึกซึ้งให้กับสิ่งที่เราสามารถทำด้วยกันได้บนเวทีครับ

Q : หากคุณสามารถย้อนเวลาไปยังตอนเดบิวท์ได้ คุณอยากบอกอะไรกับตัวเองในอดีต

มินกยู   : ไม่มีอะไรที่ผมอยากจะบอกตัวเองในอดีตเป็นพิเศษครับ พวกเราผ่านกันมามากนับจากเดบิวท์ ตั้งแต่ความสุข และความตื่นเต้น ไปจนถึงความผิดหวัง รวมทั้งความเศร้า แต่ทุกสิ่งที่ผมได้รับประสบการณ์ ก็เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผม และเป็นส่วนหนึ่งของผมในวันนี้ และผมภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น แทนที่จะย้อนกลับไปบอกตัวเองในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ผมจะปล่อยให้ตัวเองได้รับทุกสิ่งที่ผมเผชิญ และผมคิดว่าผมจะกลับมาอยู่ในที่ที่ผมเป็นในตอนนี้ครับ

            เรียกว่าทั้งผลงานและความคิดของทั้ง 13 หนุ่ม “เซเว่นทีน” ส่งต่อพลังบวกได้อย่างดีเยี่ยมจริง ๆ

 ฮาอึน / ภาพ : @pledis_17

Exit mobile version