ลิเวอร์พูลยังคงรักษาเส้นทางไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกของพวกเขาด้วยชัยชนะเหนือไบรท์ตัน 2-0
ประตูในนาทีที่ 19 ของลุยซ์ ดิอาซ ช่วยให้ลิเวอร์พูลอยู่ในเส้นทางของการเก็บสามแต้ม และจุดดทษของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลังเกมผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ช่วยรักษาผลการแข่งขันได้สำเร็จ
นี่คือ 5 ประเด็นที่น่าพูดถึงจากเกมที่เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม…
ดิอาซ ผู้กล้าหาญ
การวิ่งอันชาญฉลาดจากแนวหลังของดิอาซ ซึ่งพอดีกับการจ่ายบอลจากโอเอล มาติป ช่วยให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปก่อนในช่วงครึ่งแรก
นักเตะทีมชาติโคลอมเบียต้องใช้ความกล้าหาญเพื่อทำประตู เมื่อเขาปะทะกับโรเบิร์ต ซานเซซ ผู้รักษาประตูของไบรห์ตัน ขณะพุ่งโหม่งบอลตุงตาข่ายจากพื้นที่ริมเขตโทษ
ความตั้งใจของดิอาซที่จะทำให้แน่ใจว่าเขาไปถึงบอล และทำประตูที่สองให้กับสโมสรหลังย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคม แต่นักเตะหมายเลข 23 ก็ถูกชนเข้าอย่างจังในจังหวะนั้น
มันไม่มีการลงโทษใด ๆ กับการเข้าปะทะของซานเซซ อย่างไรก็ตาม ดิอาซสามารถลุกขึ้นมาและฉลองการขึ้นนำจากผลงานส่วนตัวที่น่าประทับใจ
“อีกครั้ง ระดับท็อป อย่างที่เราพูดไปเป็นสัปดาห์แล้ว เขาเข้ามาและทำได้อย่างมหัศจรรย์” จอร์แดน เฮนเดอร์สันกล่าวหลังเกม “กับลูกบอล คุณภาพที่เขาใช้ครองบอล เมื่อปราศจากบอล ระดับการทำงานก็ดีและการแย่งบอลคืนมา ถือว่าเป็นอีกฟอร์มการเล่นระดับเยี่ยมจากเขา”
อีกสถิติของโม
เมื่ซาลาห์ยิงลูกจุดโทษในช่วงครึ่งหลังเข้ากลางประตู ตัวเลขและการบันทึกสถิติได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
โดยประตูจากจุดโทษของนักเตะชาวอียิปต์ถือเป็นประตูที่ 20 ในลีกของเขาในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สี่จากห้าฤดูกาลกับลิเวอร์พูลที่เขายิงถึงระดับนั้น ในอีกฤดูกาล เขาทำได้ 19 ประตู
ตอนนี้ ไม่มีนักเตะลิเวอร์พูลคนใดในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูใส่ไบรท์ตันได้มากกว่าซาลาห์ ผู้ซึ่งทำได้ 6 ประตูเท่ากับเคนนี ดัลกลิช
นักเตะหมายเลข 11 ยังกลายเป็นนักเตะที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษคนแรกที่ทำ 50 ประตูในเกมเยือนให้กับสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก และเป็นอันดับสาม ตามหลังไมเคิล โอเว่น (55 ประตู) และสตีเวน เจอร์ราร์ด (51 ประตู)
และซาลาห์ยังเป็นนักเตะลิเวอร์พูลผู้ทำประตูที่ 2000 ในพรีเมียร์ลีกให้สโมสร ซึ่งพวกเขากลายเป็นทีมที่สองที่ทำได้ถึงตัวเลขขนาดนี้
ชนะเกมลีก 8 เกมติด
ชัยชนะรวมทุกรายการของลิเวอร์พูลถูกยุติลงด้วยความพ่ายแพ้ต่ออินเตอร์ มิลาน ในแชมเปียนส์ลีก ช่วงกลางสัปดาห์ แต่พวกเขาเก็บชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกติดต่อกันถึงแปดนัด
โดยเก็บแต้มเต็ม 24 คะแนน เริ่มด้วยชัยชนะที่แอนฟิลด์เหนือเบรนต์ฟอร์ดในวันที่ 16 มกราคม ทำให้พวกเขาตามหลังทีมจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 แต้มโดยเหลือเกมให้ลงเล่นอีก 10 เกม ทั้งสองทีม
มันคือการเก็บชัยชนะที่ยาวนานที่สุดในลีกสำหรับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 และสร้างเกมรับอันแข็งแกร่ง ด้วยการเก็บ 6 คลีนชีต จากชัยชนะ 8 เกม
มาติป ผู้คล่องแคล่ว
การประกาศให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ของพรีเมียร์ลีกของมาติปนั้นมาจากพลังในการโจมตีพอ ๆ กับการเก็บสามคลีนชีตระหว่างช่วงเวลานั้น
กองหลังหมายเลข 32 จ่ายแอสซิสต์ให้ดิโอโก้ โชต้า ในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการเติมไปถึงกรอบเขตโทษ และการจบสกอร์ในเกมกับลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยการเลี้ยงขึ้นไปแดนหน้าอย่างช่ำชอง
และมาติปยังจ่ายแอสซิสต์อีกประตูในการเบิกสกอร์ที่เอเม็กซ์ สเตเดียม
ด้วยการเคลื่อนขึ้นไปในแดนหน้าพร้อมกับบอล นักเตะหมายเลข 32 จ่ายบอลข้ามกองหลังของไบรห์ตัน พอดีกับการเติมของดิอาซ ผู้ซึ่งโหม่งบอลเข้าประตู
“ผมไม่อยากจะพูดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่เขาถูกประเมินต่ำไปอย่างแน่นอน เชื่อผมเถอะ ถ้ามีคนหนึ่งบนโลกใบนี้ที่ไม่อาจสนใจยิ่งกว่าว่าเราทุกคนประเมินเขาต่ำไป มันก็คือโจเอล มาติป เองนี่แหละ” คล็อปป์กล่าวไว้ก่อนเกม
เที่ยงวันอันแสนสุข
การไปเยือนเอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เป็นครั้งที่สามที่ลิเวอร์พูลลงสนามในเวลาเที่ยงครึ่งในลีกในฤดูกาลนี้ และเป็นชัยชนะครั้งที่สามด้วย หลังจากยัดเยียดความปราชัยให้เบิร์นลีย์ 2-0 ในบ้านเมื่อเดือนสิงหาคม และ ยิง 5-0 ใส่วัตฟอร์ด ในเดือนตุลาคม
ความจริงแล้ว พวกเขาแพ้แค่ 5 จาก 28 เกมที่ลงเล่นในเวลานั้นภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ โดยเก็บชัยชนะได้ 9 จาก 18 เกมเยือน
กับงานที่ทำสำเร็จและสามแต้ม พวกเขาสามารถดูทีมที่เหลือลงแข่งขันในวันเสาร์, อาทิตย์ และจันทร์
โดยเกมที่น่าสนใจ แน่นอนว่าต้องเป็นเกมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งทีมของเป็ป กวาดิโอลา จะออกไปเยือนคริสตัล พาเลซ ในวันจันทร์เวลาสองทุ่มตรง