เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากว่า “แล้วสื่อเป็นห่วงไหม” ทั้งนี้ ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ซึ่งเขาได้มีการวางแผนต่างๆ แล้วไม่อยากให้เป็นเหมือนอิแทวอน ประเทศเกาหลี แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนด้วยว่าจะเชื่อฟังหรือไม่ ทุกอย่างมีระเบียบกติกาและมีกฎหมายทุกตัว แต่จะเชื่อฟังหรือไม่ เจ้าหน้าที่ 200 นาย แต่คนเป็นพันเป็นหมื่นคน เขาจะไหวหรือไม่ ต้องช่วยกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เปิดเผยภายหลังการประชุมวางแผนรับมือนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมสงกรานต์บนถนนข้าวสารว่า ได้ปรับแผนการจัดระเบียบถนนข้าวสารใหม่ โดยให้ประชาชนเข้าถนนข้าวสารได้ทางเดียวที่ฝั่งถนนจักรพงษ์ หรือฝั่งวัดชนะสงครามเท่านั้น ในลักษณะ one way และจะปิดถนนทางฝั่งถนนตะนาวหรือฝั่งแยกคอกวัว รวมทั้งตรอกโดยรอบถนนข้าวสารที่เชื่อมซอยรามบุตรีและถนนราชดำเนินกลางเพื่อใช้เป็นทางออก สำหรับระบายนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา
พล.ต.ต.อัฏธพรระบุว่า นอกจากนี้ได้เตรียมสั่งการให้นำเต็นท์และแผงเหล็กกั้นบริเวณทางเข้า-ออกของถนนข้าวสารออกไป เพื่อลดสิ่งกีดขวางการจราจร รวมทั้งขอความร่วมมือจัดระเบียบแผงลอยต่าง ๆ ที่ตั้งขวางทางเท้าบนถนนข้าวสาร หากเกิดสถานการณ์ผู้คนหนาแน่นแบบคืนวานนี้ อาจต้องปิดการเข้างานเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อเร่งระบายคนออกก่อนเปิดให้คนเข้างานใหม่ ซึ่งคาดว่าการบริหารจัดการจะดีขึ้น โดยได้เตรียมเสริมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อยมาอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งงานและตำรวจจากกองบังคับการการตำรวจจราจร ช่วยความสะดวกด้านการจราจรด้วย
พล.ต.ต.อัฏธพรกล่าวว่า ด้านภาพรวมเหตุอาชญากรรมเมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย.66 ยังไม่มีรับแจ้งเหตุรุนแรง มีการแจ้งเรื่องเหตุกรีดกระเป๋า สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี
ส่วนกรณีประชาชนที่ระบุว่าถูกสาดน้ำผสมน้ำจิ้มนั้น พล.ต.ต.อัฏธพรระบุว่า ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความแล้ว แต่ไม่ทราบตัวผู้กระทำความผิด คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่ไม่สามารถนำแป้งเข้ามาได้ จึงลักลอบผสมน้ำจิ้มลูกชิ้นในน้ำแล้วสาดใส่ผู้คน หลังจากนี้เตรียมจะให้ชุดสายตรวจตรวจตราความเข้มงวด ความปลอดภัย จับกุมผู้เล่นที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมขอให้ผู้ขายสินค้าช่วยสอดส่องพฤติกรรมของคนที่มาซื้อว่านำสินค้าไปใช้วัตถุประสงค์ใด
วันเดียวกัน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 437 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย ผู้บาดเจ็บ 448 คน
นายบุญธรรมระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 37.30 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 29.29 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.51 ส่วนใหญ่เกิดบนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.76 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.24 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 81.69 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 17.01-18.00 น. ร้อยละ 9.05 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 16.10
นายบุญธรรมกล่าวว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (3 ราย) ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,867 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 54,374 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 351,984 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 53,617 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 15,914 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 15,584 ราย
“สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 11-13 เมษายน 2566) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,055 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 114 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,064 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (38 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (9 ราย) และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่และนครศรีธรรมราช (40 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 19 จังหวัด” นายบุญธรรมระบุ
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 3 ของ 7 วันอันตราย (13 เมษายน 2566) มีคดีทั้งสิ้น 1,896 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,845 คดี, คดีขับรถประมาท 4 คดี, คดีขับเสพ 47 คดี โดยสถิติคดีเมาขับยอดสะสม 3 วัน ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ขึ้นอันดับหนึ่ง 204 คดี รองลงมา กรุงเทพมหานคร 186 คดี และอันดับ 3 จังหวัดร้อยเอ็ด 164 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีในวันที่ 3 ของ 7 วันอันตรายปี 2565 พบว่าคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 1,083 คดี และปี 2566 จำนวน 1,845 คดี เพิ่มขึ้นจำนวน 762 คดี คิดเป็นร้อยละ 70.36
“สำหรับยอดสะสม 3 วันของ 7 วันอันตราย (11-13 เมษายน 2566) จำนวน 3,347 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 3,147 คดี คิดเป็นร้อยละ 94.02, คดีขับรถประมาท 22 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.66, คดีขับซิ่ง 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.03 และคดีขับเสพ 177 คดี คิดเป็นร้อยละ 5.29” อธิบดีกรมคุมประพฤติระบุ
ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย. เทศกาลมหาสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย ประจำปี 2566 ส่งผลให้ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จำนวนมาก รวมทั้งที่สวนนงนุช พัทยา หนาแน่นไปด้วยรถยนต์ของผู้มาเที่ยวชมนับพันคัน ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจากหลายประเทศทั่วโลกนับหมื่นชีวิตหลั่งไหลเดินทางเข้ามาเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.แสนสุข ได้สั่งการให้มีการประกาศ แจกใบปลิว เตือนห้ามขายสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามถนนหนทางให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เล่นสาดน้ำสงกรานต์ เพราะอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดเมากระทบกระทั่งไปสู่การทำร้ายร่างหรือฆ่ากันตายในช่วงเทศกาล ซึ่งชายหาดบางแสนจะมีคนแห่เข้าไปเล่นอีกหลายวัน จนถึงวันไหล 17 เม.ย. โดยแค่ปรับไปรายละ 2,000 บาท เพื่อป้องปราม จับไปกว่า 10 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ชายหาดบางแสน เทศบาลเมืองแสนสุข ว่าตลอดทั้งวันจนถึงกลางคืน มีผู้ที่นิยมเล่นสาดน้ำสงกรานต์แห่แหนเข้ามาเล่นสาดน้ำกันเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัดไปหลาย กม. โดยเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือเล่นน้ำลามกอนาจาร
แต่สิ่งสำคัญ มีการลักลอบขายสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับการอนุญาต ซึ่งการดื่มสุราเป็นต้นเหตุทำให้เมาแล้วกระทบกระทั่ง จนไปถึงทำร้ายร่างกาย หรืออาจทำร้ายนำไปสู่การฆ่ากันตายเหมือนทุกปีที่ผ่านมา พ.ต.อ.พัฒนาจึงได้ออกประชาสัมพันธ์และแจกใบปลิว ห้ามขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์
แต่พบว่ามีการดื้อรั้น มีพ่อค้าแม่ค้ายังดื้อดึงลักลอบนำสุราและเครื่องแอลกอฮอล์ไปตั้งโต๊ะวางขายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายที่บริเวณตามฟุตปาธถนนลงหาดบางแสน จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวประชาชนและผู้ที่เข้ามาเล่นน้ำสาดน้ำ พ.ต.อ.พัฒนาจึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ประยงค์ ศรีวิพันธ์ สว.สส. นำกำลังไปตรวจขอดูใบอนุญาต พบว่าพ่อค้าแม่ค้าจำนวนกว่า 10 รายไม่มีใบอนุญาต จึงจับกุมและยึดสินค้ามา
ด้าน พ.ต.อ.พัฒนาระบุว่า สุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้นเหตุของเมาแล้วทะเลาะ ทำร้ายหรือฆ่ากันตาย และยังเมาแล้วขับ จึงเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย จึงได้แจกใบปลิวประชาสัมพันธ์ไปล่วงหน้า แต่ไม่เชื่อ จึงจับเพื่อป้องปราม โดยตระเวนจับได้ทั้งหมด 15 ราย ปรับไปคนละ 2,000 บาท ในข้อหาขายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาตไว้ก่อน ก่อนจะปล่อยตัวไป
“หากไม่เชื่อฟัง ยังขาย ก็จะดำเนินคดีในข้อหาขายสุราไม่ได้ในเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือขายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ก็จะโทษหนัก และต้องส่งศาลแขวง จ.ชลบุรี จะมีโทษหนักมาก จึงเป็นการตักเตือนไว้ก่อน ชายหาดบางแสนจะมีคนเข้ามาเล่นสาดน้ำกันหลายวัน โดย 16-17 เม.ย. จะเป็นเทศกาลประเพณีก่อพระทรายวันไหลบางแสน คาดจะมีคนมากันอย่างล้นหลามเหมือนทุกปีที่ผ่านมา” พ.ต.อ.พัฒนาระบุ
ที่ จ.ขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า การเล่นสาดน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวเหนียวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เน้นย้ำขอความร่วมมือเรื่องของการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กำหนด ซึ่งให้ขายได้เวลา 11.00-14.00 น. และ เวลา 17.00-24.00 น.เท่านั้น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขับขี่รถในขณะเมาสุรา ห้ามโป๊เปลือยในพื้นที่สาธารณะ ห้ามบรรทุกโดยสารท้ายกระบะเกินจำนวนที่กำหนด ห้ามเปิดเครื่องเสียงดังรบกวนจนก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ ห้ามวางสิ่งของ หรือตั้งร้าน ในลักษณะกีดขวางบนพื้นผิวการจราจร งดเล่นแป้งและงดเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูงด้วย.