ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ผู้เสียชีวิตจากกรณีเหตุไฟไหม้เมาท์เทน บีผับ ในจังหวัดชลบุรี ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 ศพ ตอนนี้ ผู้บาดเจ็บแผลไฟไหม้สาหัสที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล เพิ่มอีก 1 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 19 คน
รายล่าสุด เสียชีวิตเมื่อเวลา 2:50 น. ที่ผ่านมา ที่หน่วยแผลไหม้ รพ.ชลบุรี คือ นางสาวอาทิตยา อินศิริ อายุ 23 ปี เป็นแฟนสาวของนายฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องนำที่เสียชีวิตในคืนเกิดเหตุ
นางวีณา อินศิริ อายุ 54 ปี มารดาของนางสาวอาทิตยาโพสต์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กว่า “แม้จะมีเงินเป็นพันล้าน ถ้าไม่มีลูกช่วยใช้ แม่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตนี้ขอแค่มีลูกอยู่ แม่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว”
รายการเรื่องเล่าเช้านี้ และไทยรัฐออนไลน์ ยังรายงานถึงกรณีเงินเยียวยาที่ไม่เพียงพอ โดยนางวีณาระบุว่า ได้รับเงินเยียวยาจากเจ้าของผับ 10,000 บาท และได้ประสานขอเพิ่มอีก 30,000 บาท เพื่อใช้เป็นค่าเดินทาง และซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำหรับบุตรสาวที่ตอนนั้นยังไม่เสียชีวิต แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเพียง 10,000 บาท รวมเป็น 20,000 บาท ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่มีเงินเพียงพอทำศพ
ย้อนคืนเกิดเหตุ
ช่วงกลางดึกวันที่ 4 ส.ค. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ “เมาท์เทน บีผับ” (Mountain B) ริมถนนสายสุขุมวิทบางนา-ตราด ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ภาพนาทีเกิดเหตุที่เผยแพร่กันอย่างกว้างขวางผ่านสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นความโกลาหลบริเวณหน้าผับ ควันโขมงใหญ่พวยพุ่งออกมา และภาพผู้คนวิ่งฝ่าเปลวเพลิงทั้งที่เสื้อผ้าติดไฟ
“ผมไปเที่ยวตรงนั้น…หนึ่งนาทีก่อนเกิดเหตุ ผมเพิ่งเดินออกมาจากผับ…หันกลับไปมองก็เห็นไฟไหม้” จิรภัทร ธุระพันธ์ อาสากู้ภัย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ เล่าถึงนาทีชีวิตที่เขาเกือบจะต้องเป็นผู้ประสบเหตุเสียเองจากเหตุไฟไหม้ที่ล่าสุด
จิรภัทร วัย 51 ปี เล่าต่อว่า คืนนั้นมีประชาชนอยู่ในเมาท์เทน บีผับ ไม่ถึง 100 คน เพราะเป็นคืนวันทำงาน ซึ่งหากเป็นคืนวันศุกร์และเสาร์ นักเที่ยวจะเยอะกว่านี้มาก
ทันทีหลังเห็นเหตุการณ์ จิรภัทรรีบโทรศัพท์ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนฯ ซึ่งเข้าถึงพื้นที่ในเวลาไม่ถึง 10 นาที และเร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ “เราเห็นคนนักท่องเที่ยวกำลังวิ่งออกมา เนื้อตัวล่อนจ้อน มันเป็นภาพที่สะเทือนใจเรามาก”
“แวบแรกของผม อย่าให้หนักเหมือนซานติก้านะ มันสถานการณ์มันใกล้เคียง ยังมีคนอยู่ข้างใน คนที่วิ่งแต่ละคนถูกไฟเผามาแล้ว ร้องโอย ๆ” อาสากู้ภัยวัยกลางคน กล่าว
จับเจ้าของผับแล้ว
วันที่ 7 ส.ค. นายบี หรือนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ เจ้าของเมาท์เทน บีผับ ได้ถูกแยกขังเดี่ยว หลังเข้ามอบตัวตามที่ออกหมายจับ โดยนายพงศ์ศิริ หรือที่หลายคนเรียกว่า “เสี่ยบี” มีสภาพจิตใจย่ำแย่และเคร่งเครียด ตำรวจจึงพยายามตรวจตราอยู่บ่อย ๆ
ด้านนายอนุชา วงศ์ตรีรัตน์ ทนายความของนายพงศ์ศิริเปิดเผยกับสื่อว่า ลทางครอบครัวกำลังเตรียมหลักทรัพย์วงเงิน 1 ล้านบาทในการประกันตัว แต่ตอนนี้ ตำรวจยังไม่ยื่นประกันตัว
แต่ยืนยันว่า “ทุกคนเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น” และนายพงศ์ศิริเป็นเพียง “วัยรุ่นที่อยากสร้างตัว อายุ 27 ปีเอง อยากทำโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ”
ขณะที่นายพิเชษฐ ธินนท์ เจ้าของบริษัท อินซูเลชั่น ยืนยันว่า พียูโฟมที่ฉีดพ่นเพื่อซับเสียง มาจากเยอรมนี ไม่ใช่วัตถุที่ติดไฟง่าย
นายพิเชษฐอธิบายว่า ดำเนินการฉีดพ่น “พียู โฟม” บนหลังคาและใต้หลังคาอาคารผับแห่งนี้ เมื่อกลางปี 2564 และก่อนเปิดร้านเมื่อเดือน ม.ย. 2565 ได้มาฉีดพ่นอีกเพิ่มเติม
“มันไม่ใช่เชื้อเพลิง หลายช่องที่เอามาอออก (ว่าเป็นเชื้อเพลิง) ยังไม่เข้าใจ…โพลียูรีเทนตัวนี้ จุดแล้วเอาไฟออกก็จะดับ”
ตำรวจไม่รู้จริงว่าเป็นผับ ?
สถานีโทศทัศน์พีพีทีวี ได้เปิดประเด็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตำรวจในพื้นที่ไม่รู้จริงหรือว่า เมาท์เทน บีผับ เปิดเป็นสถานบันเทิง เพราะตรวจพบรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบเมาท์เทน บีผับ ช่วงกลางเดือน มิ.ย. หรือหลังเปิดให้บริการได้เพียงไม่นาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานร้าน ยังยืนถ่ายรูปด้วยกันบริเวณหน้าร้านด้วย
พีพีทีวีตั้งคำถามว่า หากเจ้าหน้าที่รู้ดีว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่เขตโซนนิงให้เปิดสถานบริการประเทศผับได้ แต่ทำไมยังอนุญาตให้เปิดดำเนินการมาจนถึงวันที่เกิดเหตุ
วินาทีเฉียดตาย…คนนอกผับ-ในผับ
“ผมเกือบไม่รอด” จิรภัทร ยอมรับ
และเมื่ออาสากู้ภัย มูลนิธิสว่างโรจนฯ ได้เข้าไปในผับเพื่อช่วยเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต หลังควบคุมไฟสำเร็จ เขายอมรับด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “หดหู่ใจมาก…ศพส่วนมากกองอยู่ตรงทางออก ไฟคลอกหมด”
“มันเป็นครั้งแรกของสัตหีบเลย มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้”
ผู้ใช้เฟชบุ๊กชื่อ Supitchaya Channamkham ซึ่งระบุว่าเธอเป็นผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ บอกเล่าถึงการเอาชีวิตรอดว่า “นักร้องหยุดเล่น แล้วมองเห็นไฟลุก เราเลยตะโกนว่าไฟไหม้”
“ทุกคนรีบวิ่งกันเบียดเหยียดกันล้ม ควันดำท่วมทั้งร้าน ออกมาได้แค่ 3-4 ก้าว ก็เกิดระเบิดอีกรอบ…ที่รอดออกมาทันแค่ไม่กี่ 10 วินาทีเฉียดตาย” เธอเล่าในคอมเมนต์ของคลิปช่วงเกิดเหตุ ที่มีผู้แชร์ไปเป็นจำนวนมากทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก
ด้านนายชลิต โชติศุภกานต์ อายุ 48 ปี เปิดใจเล่าถึงวินาทีชีวิตที่หนีเอาตัวรอดกับสื่อมวลชนในวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า มาจัดงานวันเกิดให้กับเพื่อนพี่ชาย ก่อนเกิดเหตุมีกลิ่นเหม็นไหม้และได้ยินเสียงระเบิดมาจากทางฝั่งซ้ายของเวทีที่อยู่ด้านในสุด
จากนั้นก็ใช้พื้นที่ระหว่างโต๊ะคลานออกมา ตอนนั้นควันไฟเต็มไปหมดและข้างในก็วุ่นวายผู้คนต่างหนีเอาตัวรอด ตนเองถูกสะเก็ดไฟลุกไหม้ตามร่างกายหลายแห่ง เสื้อผ้าถูกไฟไหม้เกือบหมด
พ.ต.อ. วุฒิพงศ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยรถดับเพลิงจากหลายหน่วยกว่า 20 คัน เร่งเข้าควบคุมเพลิงอย่างเร่งด่วน แต่ดำเนินการได้ลำบาก เนื่องจากวัสดุภายในผับติดไฟง่าย ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ พร้อมเร่งนำผู้คนออกจากพื้นที่ เนื่องจากวิตกถึงการทรุดตัวของอาคาร
สำหรับสาเหตุนั้น ตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ แต่จากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง บริเวณข้างบู๊ทดีเจ ก่อนจะเกิดประกายไฟ และไปติดชนวนโฟมซับเสียง จนลุกลามไปทั่วผับอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเป็นหนู…หนูน่าจะเสียชีวิต”
หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือ ฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องของวงดนตรีที่กำลังเล่นอยู่ในช่วงที่เกิดเหตุ โดยมีแฟนเพลงและมิตรสหายเข้ามาแสดงความเสียใจบนหน้าเฟชบุ๊กส่วนตัวเป็นจำนวนมาก
แต่จริง ๆ แล้ว ฉัตรชัย เป็นนักร้องที่รับงานแทนนักร้องหลักของวง คือ ธนภัทร พ่วงแพ วัย 24 ปี ที่มีปัญหาเรื่องเสียงในวันนั้นพอดี และอันที่จริง มือคีย์บอร์ดที่รับงานแทนนักดนตรีหลัก ก็เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตเช่นกัน
ธนภัทร บอกกับบีบีซีไทยว่า ถ้าคืนนั้นไปเล่นดนตรีที่เมาท์เทน บีผับ เอง “หนูน่าจะเสียชีวิต เพราะสกิลการเอาตัวรอดหนูไม่ดีเลย ร้านก็ (ไม่มีป้ายติดชัดเจน) ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปทางไหน ผับก็มืด” ส่วนนักดนตรีคนอื่น ๆ ของวง แม้จะรอดชีวิตแต่บาดเจ็บสาหัส
เขาอธิบายพื้นที่ภายในผับแห่งนี้ว่า ถ้าเป็นคืนวันศุกร์และเสาร์ จะมีประชาชนเข้ามาสังสรรค์กันมากกว่า 100 คน แต่ด้วยการออกแบบอาคารทำให้เวลาเล่นดนตรี “รู้สึกแออัด เคยคิดว่าถ้าคนทะเลาะหรือตีกัน เราคงจะโดนลูกหลง”
คำอธิบายภายในร้านของธนภัทร สอดคล้องกับที่ ระพล นามธรรม หรือหนุ่ย นักร้องวงที่แสดงในร้านเมาท์เทน บีผับ เป็นประจำ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “สิ่งที่น่ากลัวและคิดอยู่เสมอคือทางเข้าออก มันแคบมาก…และทางเข้าออกลูกค้ามีทางเดียว”
“หลังคาซับเสียงเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดขึ้นเร็วมาก บวกกับลูกค้าเต็มร้าน แถมเมา ใครวิ่งทันก็ทัน ใครไม่ทันก็กองอยู่หน้าประตูไปปิดทางออก (ให้นึกถึงซานติก้า)” ส่วนนักดนตรีที่อยู่ท้ายแถว “ต้องเผชิญกับกองเพลิง”
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ ยืนยันหลังพิสูจน์อัตลักษณ์ ดังนี้
- จ.อ.วรากุล จำรัส อายุ 32 ปี
- จ.อ.สมรัฐ หินเธาว์ อายุ 31 ปี
- นาย กรวิทย์ เม็งคำมี อายุ 17 ปี
- นาย สุรกานต์ เรืองฤทธิ์ อายุ 35 ปี
- น.ส.ณัฐธิดา ม่วงธิมา อายุ 28 ปี
- นาย เจษฎาภรณ์ ปิ่นอนงค์ อายุ 20 ปี
- นาย วิริยะ แต่งสง่า อายุ 31 ปี
- น.ส.พรหมพร พูลสวัสดิ์ อายุ 18 ปี
- น.ส.วาทินี หุยทุมาล อายุ 19 ปี
- จ.อ.รังสิมันตุ์ วนิชโรจนาการ อายุ 30 ปี
- นาย ฉัตรชัย ชื่นค้า อายุ 30 ปี
- นาย ณัฐกร มีชำนาญ อายุ 49 ปี
- น.ส.สวิตตา จันทา อายุ 39 ปี
ย้อนคืนมรณะ…ซานติก้าผับ
ผู้รอดชีวิต ผู้เห็นเหตุการณ์ และทีมกู้ภัยที่บีบีซีไทยได้พูดคุยด้วยต่างกล่าวเหมือนกันว่า เหตุเพลิงไหม้เมาท์เทน บีผับ เหมือนย้อนรอยเหตุไฟไหม้ “ซานติก้าผับ” ที่เกิดขึ้นในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค. 2551
แล้วคืนวันนั้นที่ผับซานติก้าเกิดอะไรขึ้น เราไปสรุปเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีก่อนที่มีผู้เสียชีวิต 67 คน
- ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมเคาท์ดาวน์ที่ผับประมาณกว่า 1,000 คน เกินจำนวนที่ผับรองรับได้สูงสุด 500 คน ทำให้ภายในผับอัดแน่นไปด้วยนักท่องราตรีทั้งสองชั้น รวมถึงบริเวณบันได
- ประตูหน้ามีความกว้างเพียง 2 เมตรครึ่ง ประตูหนีไฟถูกปิดแน่น เนื่องจากพนักงานในร้านกลัวมีคนแอบเข้ามา
- หลังนับถอยหลังสู่วันที่ 1 ม.ค. 2552 มีการจุดพลุไฟเย็นเพื่อเฉลิมฉลอง ส่วนนักท่องเที่ยวจุดพลุกระดาษที่ได้รับแจก
- สเปเชียลเอฟเฟกต์ประกอบการแสดงบนเวทีเป็นต้นเพลิง ซึ่งลุกลามอย่างรวดเร็ว ไปถึงชั้นสองของผับ เนื่องจากวัตถุในอาคารเป็นเชื้อเพลิงไวไฟ รวมถึงผนังโฟมซับเสียง
- นักท่องเที่ยวพยายามหนีออกมาทางประตูหน้า แต่เนื่องจากประตูมีขนาดเล็ก จึงเกิดการแออัด เบียดเสียด และการเหยียบกัน ผู้คนออกมาไม่ได้
- สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บสาหัส 45 คน บาดเจ็บ 72 คน
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ ผู้บริหารซานติก้าผับ 3 ปี ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย / นายบุญชู เหล่าสีนาท กก.บริษัทโฟกัสไลท์ฯ ผู้รับติดตั้งเอฟเฟกต์ พร้อมให้บริษัทชดใช้เงินให้ญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ
สังคมไทยไม่เคยจำ…ผับเถื่อนยังไม่หายไป
พ.ต.อ. วุฒิพงศ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันหลังเกิดเหตุ (5 ส.ค.) ว่า เมาท์เทน บีผับ เป็นสถานบันเทิงที่ไม่ได้รับอนุญาต แม้จะขออนุญาตก่อสร้างเรียบร้อยเป็นร้านอาหารจำหน่ายสุรา แต่ภายหลังได้ดัดแปลงสถานที่
“การต่อเติมถือว่าผิดกฎหมาย เพราะต้องมีการตรวจ หรือเจ้าหน้าที่รับรองอีกที ร้านข้างหน้าข้างหลังเจ้าของเดียวกัน” พ.ต.อ. วุฒิพงศ์ ระบุ
สอดคล้องกับที่ธนภัทร บอกกับบีบีซีไทยว่า ผับแห่งนี้เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากร้านอาหาร “เมาท์เทน เอ” ซึ่งเปิดมานาน 3 ปีและเป็นที่นิยม ส่วน “เมาท์เทน บีผับ” พึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา
จากเหตุวินาศภัยซานติก้าผับเมื่อ 14 ปีก่อน มาถึงเมาท์เทน บีผับ ในเวลานี้ สังคมออนไลน์เริ่มตั้งคำถามอีกครั้งว่า ทำไมประเด็นผับเถื่อนที่มาตรการความปลอดภัยไม่รัดกุม จึงยังมีให้เห็น และเป็นส่วนหนึ่งของการเสียชีวิตของประชาชน
ประเด็นนี้ บุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศนไทยพีบีเอส ถึง “การถอดบทเรียนซานติก้าผับ” ว่า วิชาการกับการปฏิบัติไม่สอดรับกัน
บีบีซีไทยสรุปบทสัมภาษณ์ ดังนี้
3 นาทีรอดชีวิต – จากการทดสอบจุดไฟในห้อง และใช้เชื้อเพลิงธรรมดา ไม่ใช่วัสดุไวไฟ ปรากฏว่าไฟลุกลามเผาไหม้ทั้งห้องได้ในเวลา 3 นาที ดังนั้น 3 นาทีจึงเป็นเวลามาตรฐานหากเริ่มเกิดเพลิงไหม้ ที่คนต้องรีบอพยพออกมา แต่กรณีของเมาท์เทน บีผับ ทั่วร้านเต็มไปด้วยวัสดุไวไฟ โดยเฉพาะโฟมซับเสียง ระยะเวลาที่ควรหนีออกมาจึงน้อยกว่า 3 นาทีมาก
กฎหมายว่าด้วยอาคารสถานบันเทิง – ข้อกำหนดมีอยู่ชัดเจนว่าสถานบันเทิงต้องมีทางออกอย่างน้อย 2 ทาง และถ้าเป็นขนาดใหญ่ขึ้น รองรับคน 200-400 คน ต้องมีอย่างน้อย 3 ทางออก และถ้าใหญ่ถึงขนาด 400-700 คน ต้องมี 4 ทางออก เป็นต้น
ทางเข้าออก – ทางเข้าออกหลักควรต้องมีความกว้าง สามารถให้ประชาชนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนที่รองรับได้ทั้งหมด ออกไปพร้อมกันได้
ป้ายกำกับและป้ายทางหนีไฟ – สถานบันเทิงต้องตั้งป้ายระบุให้ชัดเจนว่ารองรับประชาชนได้สูงสุดกี่คน และด้วยภายในอาคารค่อนข้างมืด ป้ายทางหนีไฟยิ่งต้องเห็นได้ชัดเจน
สำหรับเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ บทเรียนที่สังคมไทยควรตระหนักถึง คือ “เรามีกฎหมายแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย” และ “ต้องมีการกำกับดูแล ทางหนีไฟต้องใช้ได้จริง ไม่มีวัสดุสิ่งของมากีดขวาง ระบบดับเพลิงต้องใช้ได้ และมีแผนฉุกเฉิน”
ส่วนภาคประชาชนนั้น “ต้องช่วยกันตรวจสอบด้วย เราจะไปใช้บริการที่ไหน หรือในระแวกบ้านของเรา ก็ต้องรู้ว่าอาคารแต่ละประเภทมีข้อกำหนดความปลอดภัยอย่างไร”