บางแสน ชลบุรี

แรงงานไทยในอิสราเอลเล่านาทีสูญเสียเพื่อน จิตใจย่ำแย่ อยากกลับบ้าน

แรงงานไทยในอิสราเอลเล่านาทีสูญเสียเพื่อน จิตใจย่ำแย่ อยากกลับบ้าน

วันจันทร์ ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 19.03 น.

แรงงานไทยในอิสราเอลเล่านาทีสูญเสียเพื่อน จิตใจย่ำแย่ อยากกลับบ้าน ด้าน‘จังหวัดน่าน’ตั้ง‘ไลน์กลุ่ม’ประสานงานช่วยเหลือ รับข้อมูลจากคนไทยในอิสราเอล

9 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.น่าน ว่า ข้อมูลของจัดหางานจังหวัดน่าน พบว่า มีประชาชนในพื้นที่ จ.น่าน 898 คน เดินทางไปขายแรงงานในประเทศอิสราเอล พื้นที่ที่มีแรงงานเดินทางไปขายแรงงานมากที่สุดเป็น ต.ป่ากลางจำนวน 173 คน

ต่อมานายสมชาย งามทวีกูล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านค้างฮ้อ ต.ป่ากลาง อ.ปัว จ.น่าน ได้ประกาศให้ญาติติดต่อผู้ที่เดินทางไปทำงานอิสราเอลแจ้งความประสงค์ว่าต้องการเดินทางกลับมาประเทศไทยหรือไม่ ปรากฏว่าจากการสำรวจเบื้องต้นมีทั้งหมด 39 คน ประสงค์เดินทางกลับ 35 คน ไม่ประสงค์เดินทางกลับ 3 คน ไม่สามารถติดต่อได้เป็นชาย 1 คน ที่เดินทางไปทำงานภาคการเกษตรอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล จากการตรวจสอบพบว่าแรงงาน 1 คน ที่ไม่สามารถติดต่อได้นั้น เพื่อนที่ทำงานอยู่อิสราเอลต่างโพสต์แสดงความเสียใจต่อการจากไป จึงคาดว่าเสียชีวิตแล้ว

ผู้สื่อข่าวทำการตรวจสอบ พบว่า เพื่อนของแรงงานรายนี้ต่างยืนยันว่าถูกยิงเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 กรณีกลุ่มติดอาวุธเข้าไปบุกกราดยิงในแคมป์คนงานไทย ในเมืองคิวบูท อิสราเอล ขณะกำลังล้อมวงทานข้าว โดยกองกำลังติดอาวุธได้ปาระเบิดและกราดยิง แรงงานรายนี้ถูกลากออกไปแล้วยิงเสียชีวิต โดยที่บ้านผู้เสียชีวิตมีพี่สาวและภรรยากับลูกวัย 2 ขวบอาศัยอยู่

ด้านนายแสนสุข งามทวีกูล แรงงานไทยในอิสราเอล ให้สัมภาษณ์ทางวีดีโอคอล ว่า สำหรับสถานการณ์การสู้รบยังไม่ถึงสถานที่ทำงาน เพราะตนทำงานอยู่ตอนกลางของอิสราเอล แต่ยังได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิด ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่อยากกลับบ้าน เพราะขนาดสู้รบกันก็ยังต้องทำงานอยู่ ตอนนี้ยิ่งกังวลใจอยู่เพราะเพื่อนที่อยู่ทางภาคใต้ของอิสราเอลก็เพิ่งถูกยิงเสียชีวิต

ขณะที่นายสมชาย งามทวีกุล บิดาของนายแสนสุข กล่าวว่า ตอนนี้ก็รู้สึกกลัวและไม่คิดว่าจะมีอย่างนี้ ทางเราก็ฐานะยากจนก็เลยอยากให้ลูกไปหางานทำจะได้มาช่วยพ่อช่วยแม่บ้าง แต่สถานการณ์มาเป็นแบบนี้ ลูกก็กลัว ลูกบอกจะทิ้งงานกลับบ้าน แม้ที่ทำงานยังอยู่ไกล แต่ได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิด เพราะตอนนี้อิสราเอลประกาศสงครามแล้วหากเกิดเป็นสงครามใหญ่จะลำบาก

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสำนักงานจัดหางานจังหวัดน่าน นายกฤชเพชร เพชรระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยนายนพดล ชาญชัยภูวดล จัดหางานจังหวัดน่าน และหัวหน้าหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จังหวัดน่าน แถลงถึงการเตรียมการรับแรงงานชาวน่านที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล โดยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.น่าน ได้จัดทำกลุ่มไลน์งานต่างประเทศ สจจ.น่าน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดต่อประสานงานระหว่างญาติ และแรงงานชาวน่านที่ไป ทำงานในประเทศอิสราเอล

ทั้งนี้ ขอให้ญาติเข้ากลุ่มไลน์และขอให้ส่ง QR Code นี้ไปให้แรงงานในประเทศอิสราเอลเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อการติดต่อประสานงาน ให้การช่วยเหลือ ขอให้ดำเนินการตามที่ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทอาวีฟ แจ้ง โดยขอให้ลงทะเบียนแจ้งถิ่นพำนัก และรับทราบแนวปฏิบัติตน เพื่อความปลอดภัย

เบื้องต้นได้รับแจ้งจากญาติที่จังหวัดน่าน ว่า แรงงานหลายคนอยากกลับบ้าน รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เตรียมดำเนินการรับแรงงานกลับ ซึ่งจะต้องรวบรวมรายชื่อและรอให้น่านฟ้าเปิดเพื่อที่จะส่งเครื่องบินไปรับแรงงานเหล่านั้นกลับ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งไว้ โดยแรงงานจากจังหวัดน่านสามารถเข้ากลุ่มไลน์ดังกล่าว เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้มีการสอบถามไปยังแรงงานจากพื้นที่ห่างไกลจากการสู้รบ ก็แจ้งว่าเหตุการณ์ยังปกติ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดำรงชีวิต ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้นายอำเภอทุกอำเภอดูแลญาติ สร้างขวัญและกำลังใจ ส่วนสภากาชาดไทย ก็จะเข้าไปเยี่ยมเยือน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับญาติของแรงงานเหล่านั้น

ข้อมูลจากกรมการจัดหางาน แรงงานจังหวัดน่าน ที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลตามเมืองต่างๆมี 898 คน เป็นชาย 885 คนและเป็นหญิง 13 คน  อยู่ในเมืองฮาดารามเขตใต้มากที่สุด 446 คน รองลงมาคือเขตกลาง 216 คน เขตเหนือ 138 คน 7 เมืองไฮฟา 47 คน เวสท์แบงค์ 20 คน เมืองเยลูซาเล็ม 6 คน และเมืองอื่นๆ 15 คน แรงงานจากอำเภอปัวมากที่สุด 179 คน รองลงมาคือ อำเภอเมืองน่าน 134 คน อำเภอท่าวังผา 112 คน อำเภอสองแคว 108 คน อำเภอเวียงสา 104 คน อำเภอทุ่งช้าง 100 คน อำเภอสันติสุข 60 คน อำเภอแม่ริม 51 คน อำเภอนาน้อย 28 คน อำเภอเชียงกลาง 11 คน อำเภอบ่อเกลือ 5 คน อำเภอบ้านหลวง 3 คน อำเภอนาหมื่น 2 คน และอำเภอภูเพียง 1 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคการเกษตร

-005

เรื่องล่าสุด