Site icon บางแสน

เมื่อกิจกรรมแสนสุขกลายเป็นเรื่องทุกข์ของ 'โอรสแห่งสวรรค์' เพราะมันคือภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์' | THE STATES TIMES | LINE TODAY

เมื่อกิจกรรมแสนสุขกลายเป็นเรื่องทุกข์ของ 'โอรสแห่งสวรรค์' เพราะมันคือภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์' | THE STATES TIMES | LINE TODAY

SEX แห่งจักรพรรดิชิง กฎระเบียบที่ ‘ขัดกับความเป็นมนุษย์’

จากคราวที่แล้ว ผมบรรยายถึงเรื่องของขันทีจีน อารยธรรมที่ส่งต่อข้ามศตวรรษ จนกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลทางวัฒนธรรมของแผนดีนจีนอยู่พักใหญ่ ทีนี้มาดูถึงฝ่ายในที่ขันทีพวกนี้ทำงานอยู่บางกันดีกว่า

แน่นอนพวกเราหลายคนคงเคยดูหนังจีนย้อนยุค (ใช้คำว่าหนังจีนนี่แหละ ดูย้อนยุคดี) จะเห็นว่าฝ่ายในนั้นจะมีนางสนมของฮ่องเต้ เป็นร้อย เป็นพัน ทั้งจากคัดเลือกของฝ่ายในเพื่อถวายฮ่องเต้โดยเฉพาะจากมเหสีหรือจากนางกำนัลของรัชกาลก่อน ทั้งจากบรรดาขุนนางฝ่ายหน้าที่หวังจะก้าวหน้าจึงเอาลูก เอาหลาน เอาญาติมาถวาย บ้างก็ผ่านการคัดสรรมาจากแดนไกลเพื่อมาหมั้นหมายสร้างสัมพันธไมตรี ความเยอะแยะมากมายแบบนี้แหละที่ได้สร้างตำนานหงส์เหนือมังกรขึ้นมา สุดท้ายก็พาลทำให้หลายราชวงศ์ของจีนถึงกาลล่มสลาย อย่างราชวงศ์ชิงนี่ก็ถึงกาลอวสานด้วยความหลงอำนาจ นำพาจีนให้กลายเป็นดินแดนอ่อนแอด้วยน้ำมือของพญาหงส์อย่างพระนางซูสีไทเฮา

ทีนี้อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงคิดกันว่าถ้าได้เป็นฮ่องเต้ต้องสำราญเป็นแน่แท้ เพราะสนมนางในมีมากมายก่ายกอง ต้องได้ลองรักลองเลิฟกันสนุกสนาน แต่จากการศึกษาเรื่องราวตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ผมบอกได้เลยว่า น่ากระอักกระอ่วน อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง รันทดระคนสงสาร พาลเลิกจินตนาการเรื่องความหวาบหวามกันไปเลยทีเดียว เพราะมันมีการควบคุมเรื่องอย่างว่าสำหรับ ‘ฮ่องเต้ชิง’ กันอย่างเข้มงวด เพราะมันคือภารกิจสำคัญ ภารกิจเพื่อ ‘การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์’ และเพิ่มโอกาสที่จะได้โอรส ‘เพศชาย’ มาสืบทอดบัลลังก์มากขึ้นนั่นเอง

Sex ที่อยู่ภายใต้การควบคุมมันเป็นอย่างไร? ปุถุชนแบบเราคงจะนึกภาพกันไม่ออก แต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ ‘ชิง’ ราชวงศ์สุดท้ายของแผ่นดินจีน ทรงรู้รสชาติของมันเป็นอย่างดี จากชนเผ่านอกด่าน สู่การกุมอำนาจราชสำนัก จักรพรรดิชิงได้รับเอาขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของราชวงศ์ ‘หมิง’ ซึ่งเป็นชาวฮั่นมาใช้พร้อมกับพัฒนาระบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องกิจกรรม ‘บนเตียง’ ในวังหลวง ถือว่าพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ถ้าเราเคยชมภาพยนตร์ไทยอย่าง ‘สุริโยทัย’ จะเห็นภาพการถวายงานแบบนั่ง ‘พับเป็ด’ ทาเครื่องประทินผิวทั่วตัว เปลือยสรีระสำคัญ แต่ข้อห้ามที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ‘ห้ามเท้า’ ซึ่งเป็นของต่ำถูกพระวรกายขององค์ขุนหลวง นี่ว่าลำบากแล้วนะ แต่นั่นก็ยังน่าจะยังลำบากไม่เท่าการถวายงานแก่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งมันค่อนข้าง ‘ขัดกับความเป็นมนุษย์’ ซึ่งแปลจากภาษาจีนที่เรียกว่า ‘ฟ่านเหรินซิ่ง’

ก่อนจะไปรู้ว่า ‘ฟ่านเหรินซิ่ง’ เป็นอย่างไร ? เรามาลองอ่านลำดับชั้นของฝ่ายในกันก่อน สำหรับฝ่ายในสมัย ‘ราชวงศ์ชิง’ นั้นจะมีลำดับอยู่ 3 ชั้น คือ

1. จักรพรรดินี คือ ‘มเหสีเอก’ หรือ ‘อัครมเหสี’ ภรรยาทางการขององค์จักรพรรดิ คือหญิงที่ได้รับการยกย่อง เคารพนับถือสูงสุดในจีน เป็นรองก็เพียง องค์จักรพรรดิ และพระมารดาของจักรพรรดิ

2. พระมเหสี คือ ‘มเหสีรอง’ มักจะเป็นหญิงสาวที่จักรพรรดิถูกใจ ได้รับแต่งตั้งไว้ในระดับที่สำคัญแต่ไม่ที่สุด ยกเว้นเมื่อเกิดกรณีที่ ‘มเหสีเอก’ ไม่มีทายาทเป็นชาย แต่ ‘มเหสีรอง’ กลับมีทายาทเป็นชาย ทีนี้สถานะก็จะกลับกลายไปเป็นเสมอได้ ในสมัยราชวงศ์ชิงมีตำแหน่ง ‘พระมเหสีถึง 4 ตำแหน่ง’ ด้วยกัน

3. นางสนม ลำดับมีมากที่สุด ตามบันทึกแบ่งเป็น 8 ลำดับขั้น คือ พระสนมเอก พระสนม นางสนมกำนัล นางกำนัล กุลสตรี นางกำนัลขานรับ และเจ้าพนักงานหญิง ซึ่งรวมแล้ว อาจจะมี 50 – 80 คน หรือมากกว่านั้น โดยใน 8 ลำดับขั้นนั้นต้องผ่านการคัดเลือกจากหญิงสาวร่วม 5,000 คน ซึ่งการคัดเลือกแต่ละครั้งจะมี ‘ขันที’ เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เอาล่ะ! เริ่มกระบวนการ ‘ฟ่านเหรินซิ่ง’

เริ่มต้นการเลือกนางสนมแห่งค่ำคืนนั้น ด้วยการนำป้ายชื่อของนางสนมแต่ละคนมาวางลงบนถาด แล้วนำมาให้ ‘องค์ฮ่องเต้’ พิจารณาเลือก ระหว่างรอเชฟหลวงทำอาหารเพลิน ๆ กับรอทีมพิสูจน์อาหารทดสอบยาพิษ ก็เลือกหยิบเอาไว้ว่าคืนนี้จะขึ้นเตียงกับใคร ซึ่งเรื่องนี้ถ้าพิจารณาดูก็จะเห็นว่า เป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นในราชสำนักฝ่ายในได้ โดยเฉพาะกับพวกขันที เพราะถ้าเซ่นขันทีถูก รับรองสบาย เพราะต่อให้ถาดใหญ่แค่ไหน ไม่มีทางใส่ป้ายชื่อของนางสนมได้หมด นางสนมบางคนที่อยากจะได้ใกล้ชิดฮ่องเต้ในค่ำคืนนั้น ก็ต้องติดสินบนขันที เพื่อให้นำป้ายชื่อของตนเองไปไว้บนถาดดังกล่าว โดยใส่รายละเอียดแบบเป๊ะ เพื่อการถูกเลือก ทั้งตำแหน่งในการวาง วางตรงไหน ฝั่งไหน ได้ระดับสายตาไหมเลือกมือไหน มองทางไหนก่อน หยุดตรงไหนนาน ไม่ต้องแปลกใจ เพราะขันทีผู้ดำเนินการ ถือถาดมาให้ฮ่องเต้เลือกนางสนมเกือบทุกวัน แม้จะมีการเปลี่ยนเวรก็เถอะ แต่ก็จะวนปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ไม่กี่คน และแน่นอนด้วยความเป็นข้ารับใช้ที่ใกล้ชิด ก็ย่อมล่วงรู้ถึงพระนิสัย รู้พระทัยของฮ่องเต้ เป็นอย่างดี แบบนี้ก็พาลให้นึกไปว่า อย่างพระนางซูสีไทเฮา ก็ไม่รู้ว่าพระนาง ฯ ได้เซ่นขันทีไปไหม ? หรือขันทีมองพระนาง ฯ เป็นโอกาสไหม ? ที่ทำให้เส้นทางของพระองค์ได้ถูกเลือกขึ้นมาจากถาดใบนั้น

ทำไมต้องเน้นขนาดนี้ ? เพราะว่า 1. ในเขตพระราชฐานชั้นในมีแค่ฮ่องเต้เป็นบุรุษเพศแค่พระองค์เดียว นางสนมก็เหงาเป็น หนาวเป็น อยากได้ไออุ่นเหมือนชาวบ้านทั่วไป 2. หากสนมคนใดตั้งครรภ์และคลอดองค์ชายออกมาเรียกได้ว่าสุขสบายทั้งชาติ มั่งมีทั้งตระกูล และอาจได้รับการยกระดับ

หลังจากฮ่องเต้ท่านเลือกป้ายชื่อนางสนมได้แล้ว ทีมขันทีก็จะไปเตรียมการ ระหว่างนั้นฮ่องเต้ก็จะทรงดื่มด่ำกับอาหารค่ำไป ซึ่งธรรมเนียมตรงนี้ มีบันทึกเขียนเอาไว้ว่า “หากสนมนางใดถูกเลือก จะถูกนำตัวไปอาบน้ำ พาเข้าพระตำหนักแบบเปลือยเปล่า และนำผ้านวมสีแดงพันตัว อุ้มเข้าไปรอที่ห้องบรรทม” ซึ่งขั้นตอนนี้ นอกจากจะช่วยชำระเนื้อตัวให้หอมสะอาดแล้ว ยังเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน อย่างเช่นการซุกซ่อนอาวุธหรือยาพิษใด ๆ ที่อาจทำอันตรายต่อองค์จักรพรรดิได้

ขั้นต่อมาถ้าเป็นสามัญชนอย่างเรา ๆ ก็คง “ลุยกันเลย!” แต่ช้าก่อน !!!!! สำหรับองค์จักรพรรดิ ยังต้องทำตามกฎแห่งวังหลวง คือ ‘จักรพรรดิ’ จะต้องนอนรออยู่บนพระแท่น ห่มผ้า แล้วเปิดส่วนพระบาท เอาไว้ ให้สนมเปลือยกาย “มุดจากด้านล่าง” ขึ้นมา ซึ่งเป็นแบบแผนชัดเจน ว่าการสังวาสนางสนมนั้น พวกนาง “ต้องมาจากเบื้องต่ำ” หรือ “เบื้องล่าง” ซี่งเอกสารโบราณเขียนไว้แบบนี้จริง ๆ นึกภาพนางสนมจะต้องเลื้อยจากบริเวณปลายเท้าขององค์ฮ่องเต้ขึ้นมาแนบพระวรกาย เอาล่ะแต่จากตรงนี้จะเป็นช่วง “ฟรีสไตล์” อยากจัดยังไง ก็จัดไป ตามอัธยาศัย แต่อย่าคิดว่าจะ “ฟรีไทม์” นะ ซึ่งนี่คือเรื่องตลกร้าย เพราะ Sex แห่งองค์จักรพรรดิ “มีเวลาจำกัด” !!!!

Exit mobile version