ตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ใกล้จะเปิดแล้ว แต่มีบางสโมสรที่จัดการดีลนักเตะเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ แต่กระนั้นการซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพบางครั้งหากไม่มีการพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็อาจจะน้ำตาตกในได้เลยทีเดียว
สโมสรมากมายเคยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาแล้วหลายครั้ง จากความผิดพลาดในการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมแกร่ง โดยอาจจะเป็นเพราะรีบร้อนกลัวทีมอื่นแย่ง หรือไปเห็นฟอร์มโดดเด่นแค่ไม่กี่นัด ก็เลยตีสรุปเอาเองว่านักเตะคนนั้นต้องประสบความสำเร็จ
กระนั้นบางทีมก็เคยพลาดในเรื่องแบบนี้ เพราะแค่เห็นชื่อของผู้เล่นคนนั้นโด่งดัง และทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับต้นสังกัด ก็เลยรีบควักกระเป๋าจ่ายเต็มสูบเพื่อดึงมาร่วมทัพ แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งน้ำตารินเมื่อเห็นฟอร์มกับตัวเลขที่จ่ายไปในช่วงตลาดพ่อค้าแข้ง
เพื่อเป็นการต้อนรับตลาดนักเตะที่จะเปิดฉากในเร็วๆ นี้ ลองมาดูกันว่ามีนักเตะคนที่ถือว่าเป็นการซื้อตัวที่ห่วยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษ เพราะค่าตัวก็แพงแสนแพง แต่ทำผลงานได้ไม่สมกับที่คาดหวังเอาไว้ !!
1. เบเบ้
หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ค้นพบสุดยอดนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พวกเขายังให้ความสนใจนักเตะชาวโปรตุกีสอย่างต่อเนื่อง โดยจัดการสอยนักเตะจอมเทคนิคอย่าง นานี่ มาเสริมแกร่ง แม้ว่าเขาจะไปไม่ถึงระดับเดียวกับ “เฮียโด้” แต่ก็ยังถือว่าเป็นแข้งที่มีทักษะใช้ได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องพบกับการเซ็นสัญญาที่ต้องจดจำไม่รู้ลืมเมื่อคว้าตัว เบเบ้ มาร่วมทัพ ในปี 2010 โดยตอนนั้นนักเตะเพิ่งจะอายุ 20 ปี และว่ากันว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น “ซีอาร์เซเว่น”คนใหม่ หลังจากที่ซื้อมาร่วมทัพด้วยสนนราคา 8 ล้านปอนด์ (ราว 352 ล้านบาท)
กระนั้นตลอดระยะเวลา 4 ปีที่อยู่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นักเตะไร้บ้านได้ลงเล่นในลีกแค่ 2 เกมเท่านั้น จากนั้นก็ต้องระหกระเหินไปเล่นที่โน้นที่นี่ จนกระทั่งในปี 2018 นักเตะได้พบกับบ้านแสนสุขแห่งใหม่นั่นก็คือที่ ราโย่ บาเยกาโน่
2. แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์
มีใครจำ แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์ ได้บ้าง ? นี่คือนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในแผงมิดฟิลด์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งพวกเขาช่วยทัพ “เดอะ ฟ็อกซ์” ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015/2016
เชลซี ไม่พลาดที่จะคว้าตัวนักเตะรายนี้ โดยพวกเขาเซ็นสัญญากับ ดริ๊งค์วอเตอร์ กับ ก็องเต้ มาร่วมทีมเพื่อหวังให้ทั้งสองคนมาช่วยคุมแดนกลางให้ทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เหมือนที่พวกเขาทำสำเร็จตอนอยู่กับ เลสเตอร์ โดย ดาวเตะชาวฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จตามที่ เชลซี คาดหวังเอาไว้ แต่ตรงข้ามกับคู่หูของเขาอย่างสิ้นเชิง
ดริ๊งค์วอเตอร์ ใช้เวลา 5 ปีกับการถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัว โดยเขาลงสนามให้กับต้นสังกัดแค่ 12 เกมในลีกเท่านั้น สำหรับตอนนี้คาดว่านักเตะน่าจะย้ายไปเล่นในลีกประเทศตุรกี เพื่อที่จะได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
3.อาเดรียน มูตู
อาเดรียน มูตู เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาภายใต้ยุค โรมัน อบราโมวิช เป็นเจ้าของสโมสร โดยตอนนั้นอภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซียใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายกระจุยกระจายระหว่างซัมเมอร์แรกที่เขาเข้ามาบริหารสโมสร
ตอนนั้น เชลซี ใช้เงิน 19 ล้านปอนด์ (ราว 836 ล้านบาท) ในการดึง มูตู มาเสริมทัพในปี 2003 ซึ่งถือเป็นค่าตัวที่สูงพอสมควรในเวลานั้น แต่สุดท้ายแล้ว “สิงโตน้ำเงินคราม” ต้องเจอกับปัญหาวุ่นวายเยอะแยะมากมายจากดาวเตะชาวโรมาเนีย
มูตู เริ่มต้นได้สวยกับทีม เมื่อยิงประตูชัยในเกมชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ แมตช์เปิดตัวของเขา และยังซัดไปอีก 4 ประตูในช่วง 3 เกมแรก แต่หลังจากนั้นนักเตะก็ฟอร์มร่วงอย่างน่าใจหาย และยังมีปัญหากับ โชเซ่ มูรินโญ่ อีกต่างหาก
ที่ย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นก็คือในเดือนกันยายน 2004 มูตู โดนแบน 7 เดือนหลังผลตรวจเป็นบวกจากการใช้โคเคน และสุดท้ายต้องอำลา “สิงห์บลูส์” โดยไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส และตามด้วย ฟิออเรนติน่า ปัจจุบันเจ้าตัวแขวนเกือกไปแล้ว และทำหน้าที่กุนซือราบิด บูคาเรสต์
4. ปอล ป็อกบา
ป็อกบา หวนกลับมมาเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และค่าตัวของเขาต้องบอกว่ามหาศาลเหลือเกิน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 นักเตะเลือกทิ้งเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และไปอยู่กับ ยูเวนตุส ซึ่งที่นั่นเขาก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ลูกหนังเต็มตัว
หลังจากนั้นเมื่อกลับมาสวมชุด “ผีแดง” ในปี 2016 พร้อมกับค่าแพงสุดของสโมสร 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,916 ล้านบาท) ตอนนั้นสโมสรและสาวก “เร้ด อาร์มี่” คาดหวังว่า ป็อกบา จะกลับมาช่วย แมนฯ ยูฯ ล้นุแชมป์พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง แต่นักเตะมีสามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย และยังมีปัญหาหลายๆ อย่างมากมายด้วย
ผลงานของนักเตะกับแชมป์ลีก คัพ (คาราบาว คัพ) และ ยูโรปา ลีก ถือว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่งกับเม็ดเงินที่สโมสรทุ่มทุนลงไป แถมที่น่าเจ็บปวดก็คือ ป็อกบา จะย้ายออกจาก “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” แบบฟรีเอเยนต์หลังหมดสัญญาในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
5. อเล็กซิส ซานเชซ
เวลาที่มีการจัดอันดับการย้ายทีมที่ห่วยที่สุดชื่อของ อเล็กซิส ซานเชซ ต้องติดอยู่ในลิสต์ด้วยเสมอ โดยก่อนหน้านั้น ดาวเตะชาวชิลี ย้ายมาเล่นกับ อาร์เซน่อล ในปี 2014 หลัง อาร์แซน เวนเกอร์ คว้าตัวมาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยราคา 31 ล้านปอนด์ (ราว 1,364 ล้านบาท) และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในลีกเมืองผู้ดี
ซานเชซ ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะเวิลด์คลาส และฟอร์มของเขาช่วยยกระดับให้กับ อาร์เซน่อล ซึ่งพวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย แต่การที่ “เดอะ กันเนอร์ส” ขาดความสำเร็จในรายการอื่นๆ ทำให้เจ้าตัวเมินต่อสัญญาใหม่ และอยากย้ายไปเล่นให้กับสโมสรที่มีลุ้นความสำเร็จมากกว่า
แมนฯ ยูไนเต็ด รีบเสนอตัวอยากได้ ซานเชซ มาร่วมทัพ โดยพวกเขาตกลงที่จะแลกตัวกับเฮนริค มคิตาร์ยาน แต่ดีลครั้งนี้ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อ ซานเชซ เปลี่ยนสภาพจากฮีโร่กลายเป็นซีโร่
ผลงานซัดไป 3 ประตูในลีกช่างน่าผิดหวังสิ้นดีเมื่อเทียบกับค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาลที่เขาได้รับ สุดท้ายก็โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ อินเตอร์ มิลาน และย้ายถาวรไปอยู่กับ “งูใหญ่” แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่แฟนบอล “ผีแดง” และคอลูกหนังทั่วโลกจำเขาได้ก็คือการเล่น “เปียโน” เปิดตัวตอนย้ายซบแมนฯ ยูฯ !!!
ทอมเม้ง
Add friend ที่ @Siamsport
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]