Site icon บางแสน

อะเมซิ่ง “อ่าว ก.ไก่” อาณาจักร “วาฬไทย ดูได้ทั้งปี” แหล่งชม “วาฬยืนกิน” ดีที่สุดในโลก

อ่าว ก.ไก่ แหล่งชมวาฬยืนกินดีที่สุดในโลก

อ่าว ก.ไก่ แหล่งชมวาฬยืนกินดีที่สุดในโลก
พูดถึง “มหาชัย” หลายคนอาจไม่รู้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งในจุดล่องเรือชมวาฬใกล้กรุงฯ ชั้นเยี่ยม เพราะมีชัยภูมิตั้งอยู่ช่วงกลางของ อ่าว ก.ไก่ ที่สามารถเที่ยวชมวาฬได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นแหล่งชม “วาฬขึ้นกิน” หรือ “วาฬยืนกิน” ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย

“วาฬ” เป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งวิวัฒนาการมาจากสัตว์บก

ในทางวิชาการ “วาฬไม่ใช่ปลา” แต่ด้วยรูปลักษณ์และพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่ต่างจากปลา ทำให้หลายคนนิยมเรียกมันว่า “ปลาวาฬ”

วาฬในบ้านเราทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ปัจจุบันสำรวจพบมี 25 ชนิด วาฬ 2 ชนิดถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์สงวนของไทย คือ “วาฬโอมูระ” (สัตว์สงวนลำดับที่ 17) และ “วาฬบรูด้า” (สัตว์สงวนลำดับที่ 16)


วาฬบรูด้า (Bryde’s whale) เป็นกลุ่มวาฬที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง ชนิดที่ไม่มีฟัน แต่จะมีซี่กรอง (Baleen Plates) สำหรับกรองอาหาร พวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่นิยมหากินเป็นฝูง แต่มักจะออกหากินตัวเดียว ยกเว้นคู่วาฬแม่-ลูกที่ยังไม่แยกจากกัน

วาฬบรูด้า เป็นหนึ่งในสัตว์ตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งทะเลไทย” นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของการเที่ยวชมวาฬไทยในบ้านเราอีกด้วย

อ่าว ก.ไก่ อาณาจักรแห่ง “วาฬ”

ทะเลไทยบ้านเรามีวาฬบรูด้าอาศัยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยตอนบน หรือ “อ่าว ตัว ก.” หรือ “อ่าว ก.ไก่” นั้น ได้ชื่อว่าเป็น “อาณาจักรแห่งวาฬบรูด้า” ที่มีความโดดเด่นในระดับโลกเลยทีเดียว (หลังจากนี้ บทความนี้จะขอเรียกวาฬบรูด้าสั้น ๆ ว่า “วาฬ”)


อ่าว ก.ไก่ มีรูปลักษณ์คล้ายพยัญชนะตัว “กอไก่ (ก)” ของไทย มีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีไปจนถึงชลบุรี เป็นดินแดนปากแม่น้ำ 5 สายที่ไหลลงสู่อ่าวไทย คือ เจ้าพระยา บางปะกง ท่าจีน แม่กลอง และแม่น้ำเพชรบุรี บริเวณนี้เป็นหาดเลนหรือทะเลตมอันอุดมสมบูรณ์ ถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของวาฬ จึงเป็นถิ่นอาศัยแหวกว่ายหากินของพวกมันมาช้านานนับร้อยปี

สมัยก่อนชาวบ้านชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวไทยตอนบน ส่วนหนึ่งจะผูกพันให้ความเคารพนับถือวาฬ เพราะเป็นสัตว์ใหญ่ โดยยกให้เป็นเจ้าทะเล พร้อมทั้งเรียกพวกเขาว่า “ปลาเจ้า” “พ่อปู่” หรือ “เจ้าพ่อลาย” ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้วาฬในอ่าวไทยไม่ถูกล่าจนสูญพันธุ์


ปัจจุบันประชากรวาฬบรูด้าที่อ่าว ก.ไก่ สำรวจพบว่ามีอยู่ราว ๆ 60 กว่าตัว ทุกตัวจะมีชื่อเรียกขานหมด (ยกเว้นตัวที่เกิดใหม่ยังไม่ถูกตั้งชื่อ) โดยหากทราบว่าเป็นเพศเมียก็จะเรียกว่า “แม่” เช่น แม่วันสุข แม่ศรีสุข แม่ข้าวเหนียว แม่สดใส ส่วนตัวที่ไม่สามารถระบุเพศได้ก็จะเรียกว่า “เจ้า” เช่น เจ้าบางแสน เจ้าท่าจีน เจ้าสุขใจ เจ้าส้มตำ เจ้าพาฝัน เป็นต้น (การตั้งชื่อวาฬเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ทช.)

นอกจากนี้ก็ยังมีวาฬมีบุญนาม “สมุทร” ซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานชื่อให้ คือ “เจ้าสายสมุทร” (ลูกแม่สายชล) และ “เจ้าสมสมุทร” (ลูกแม่สมหวัง) ซึ่งล่าสุดมีวาฬน้อยเกิดใหม่กำลังชื่อพระราชทานจากพระองค์ท่าน


สำหรับดาวเด่นของเหล่าวาฬที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีก็นำโดย “แม่สาคร” ที่อาวุโสสุด มีลูกมาแล้วถึง 6 ตัว คาดว่ามีอายุ 35 ปีขึ้นไป หากเทียบกับมนุษย์ก็เปรียบได้กับรุ่นย่า-ยาย หรือรุ่นทวด ส่วน “แม่ศรีสุข” นี่ก็ดูง่าย เพราะเป็นวาฬที่ครีบหลังขาดหายไป แต่มันชอบมาว่ายโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันแบบจะจะ จนถูกยกให้เป็นขวัญใจมหาชนไปโดยปริยาย

มหาชัย เจ๋ง แหล่งชมวาฬใกล้กรุง

กิจกรรมล่องเรือ ชมวาฬที่อ่าว ก.ไก่ เริ่มขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยต้นตำรับเจ้าแรกอยู่ที่บางตะบูน จ.เพชรบุรี จากนั้นเมื่อวาฬไทยโด่งดังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้มีเจ้าอื่น ๆ เพิ่มตามมา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 จุดหลักได้ คือ 1.อ่าวบางตะบูน และ 2.หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี 3.แหลมผักเบี้ย จ.สมุทรสงคราม และ 4.อ่าวมหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นจุดล่องเรือชมวาฬของผมกับเพื่อน ๆ ในทริปล่าสุดนี้ โดยคณะเราไปลงล่องเรือที่ท่า “ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล” ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร


จากนั้นเรือจะพาเราล่องผ่าน“คลองประมงพันท้ายนรสิงห์” ที่จะได้หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ หลักเลี้ยงหอยแมลงภู่ และการทำประมงพื้นบ้านรับแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ เมื่อมองไปไกล ๆ จะเห็นหลักเขตแบ่งระหว่างสมุทรสาคร-กรุงเทพฯ (บางขุนเทียน) ตั้งเด่นอยู่กลางทะเล

จากนั้นเรือจะแล่นไปออกทะเล อ่าว ก.ไก่ บริเวณปากอ่าวมหาชัย ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมวาฬไทยใกล้กรุงแล้ว ยังเป็นทำเลที่ดีในการล่องเรือดูวาฬ เพราะตั้งอยู่ช่วงกลางของอ่าว ก.ไก่ หากวันนั้นรู้ว่าวาฬหากินตรงจุดไหน เรือก็จะวิ่งไปตามส่องวาฬตามจุดต่าง ๆ ได้ในเวลาไม่นาน


สำหรับการล่องเรือชมวาฬของผมในวันนั้น (9 ก.ย. 65) ถือว่าโชคดีไม่น้อย เพราะเพียงแค่นั่งเรือออกมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เจอ “โลมาอิรวดี” ร่วม 20 กว่าตัว พร้อมกระโดดน้ำดึ๋ง ๆ ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่พักใหญ่ ซึ่งทุกวันนี้ที่อ่าว ก.ไก่ การพบโลมาอิรวดีนั้นเป็นเรื่องยากกว่าการพบเจอวาฬเสียอีก


ยังไง ๆ ก็ขอให้โลมาอิรวดีได้ขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์สงวนชนิดใหม่ของไทยโดยเร็ว เพื่อเป็นเกราะช่วยปกป้องไม่ให้มันสูญพันธุ์ไปจากบ้านเราอีกทางหนึ่ง

หลังน้อง ๆ โลมาอิรวดีฝูงใหญ่มาแหวกว่ายทักทาย จากนั้นอีกไม่นานก็เป็นช่วงเวลาทองของการชมวาฬ

วันนั้นไม่รู้ว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นหรือยังไง วาฬน้อย-ใหญ่ ถึงออกมาแหวกว่ายโชว์ตัวให้พวกเราเห็นเยอะมากนับรวมได้ไม่ต่ำกว่า 20 ตัวเลยทีเดียว ซึ่งไกด์นำชมวาฬของเราบอกว่าวันนั้นเป็นการทำสถิติการพบเจอวาฬจากการออกเรือเที่ยวเดียว มากที่สุดในรอบปีหรือรอบหลาย ๆ ปี เลยทีเดียว


นอกจากนี้ผมกับเพื่อน ๆ อีก 2-3 คน ยังโชคดีซ้ำซ้อน เพราะมีโอกาสได้สัมผัสกับ “ลมหายใจของวาฬ” เป็นครั้งแรก โดยสูดกลิ่นที่ลอยมาตามลมแบบเต็ม ๆ ที่ท้ายเรือ

กลิ่นลมหายใจวาฬนั้น เทียบได้กับกลิ่น “ผายลมมารดาท่าน” ขั้นรุนแรง เพราะมันคล้าย ๆ กับกลิ่นปลาเน่ามาก ๆ หรือกลิ่นคาวปลาอย่างสาหัสที่สะพานปลา เมื่อเราได้สูดดมเข้าไป พลันบังเกิดความรู้สึก “หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก” กระไรปานนั้น


วาฬไทย ดูได้ทั้งปี

วาฬไทย ที่อ่าว ก.ไก่ ปัจจุบันสามารถเที่ยวชมได้ทั้งปี แต่จะมีช่วงพีค หรือช่วงไฮซีซั่นของการชมวาฬอยู่ในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. ของทุกปี โดยในช่วงหน้าฝนระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค. น้ำจืดจากแม่น้ำจะไหลพัดพานำธาตุอาหารต่าง ๆ ลงสู่อ่าวตัว ก. ก่อนจะตกตะกอนเป็นหาดเลน


จากนั้นพวกฝูงปลากะตัก ปลาไส้ตัน ปลาทู ปลาแป้น ปลาอีปุด รวมถึงปลาเล็กปลาน้อยอื่น ๆ จำนวนมาก จะพากันเข้ามากินแพลงก์ตอนที่บริเวณอ่าว ก.ไก่ แล้ววาฬบรูด้าก็จะว่ายเข้ามากินพวกปลาเล็กปลาน้อยเหล่านั้นอีกที ทำให้ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ถือเป็นช่วงเวลาทองของการชมวาฬที่มีโอกาสพบเจอวาฬสูงถึง 80-90 % เลยทีเดียว

ส่วนช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะเป็นช่วงฟ้าเปิดสดใส ชมวาฬ ถ่ายภาพได้สวย แถมยังมีนกทะเลบินมาอวดโฉมกันมากเป็นพิเศษ

ทำให้ปัจจุบัน อ่าว ก.ไก่ ถือเป็นแหล่งชมวาฬที่ดีที่สุดในอาเซียน และติดทอปอันดับต้น ๆ ของโลก แถมมีความพิเศษคือ ที่นี่เป็นจุดชม “วาฬยืนกิน” หรือ “วาฬขึ้นกิน” ที่ว่ากันว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก


วาฬยืนกิน หรือ วาฬขึ้นกิน เป็นการประคองตัวแนวตั้ง หรือทรงตัวคล้ายยืนตั้งฉากกับผิวน้ำ แล้วโผล่หัวเหนือน้ำ อ้าปากกว้างทิ้งกรามลงมาเกือบ 90 องศา รอเหยื่อฝูงปลาว่ายไหลเข้ามาในปาก ก่อนจะหุบขากรรไกรล่างและจมตัวลงสู่ใต้ผิวน้ำไปพร้อมกับอาหารอันโอชะ

ลักษณะพฤติกรรมการกินแบบนี้ ทางวิชาการเรียกว่า “Trap Feeding” ที่เปรียบเหมือนวาฬวางกับดักล่อให้เหยื่อเข้ามาในปาก และ “Tread-water Feeding” ที่เปรียบดังการ “ยืนในน้ำ” ของวาฬ


สำหรับวาฬยืนกิน หรือ วาฬขึ้นกิน แม้เป็นพฤติกรรมลักษณะหนึ่งของวาฬทั่วโลกที่จะไม่พบเห็นได้ง่าย ๆ เพราะวาฬทะเลต่างประเทศจะแหวกว่ายในน้ำลึกทำให้ทรงตัวตั้งลำบาก

แต่สำหรับที่อ่าว ก.ไก่ ของบ้านเรา เนื่องจากเป็นทะเลน้ำตื้นที่มีความลึกเฉลี่ยแค่ 10-12 เมตร ทำให้วาฬบรูด้าตัวเต็มวัยที่มีความยาว 12-15 เมตร สามารถใช้ส่วนหาง ยึดยืนตั้งหลักบนพื้นเลน แล้วทรงตัวอ้าปากกินปลาน้อยได้อย่างสบายใจเฉิบ อีกทั้งยังมีฝูงนกนางนวลมาบินโฉบเฉี่ยวปลาน้อยรอบ ๆ ปากวาฬอีกที ถือเป็นภาพแห่งการพึ่งพาอาศัยของสัตว์ต่างสายพันธุ์ที่น่าประทับใจไม่น้อย


นอกจากนี้พวกวาฬยังถ่ายทอดภูมิปัญญาวาฬของการขึ้นกินหรือการยืนในน้ำจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นภาพที่เห็นอย่างชินตาของ อ่าว ก.ไก่ แห่งนี้ ทำให้การล่องเรือชมวาฬมีโอกาสพบเจอวาฬขึ้นกินหรือวาฬยืนกินได้ง่ายและบ่อยครั้งกว่าที่ไหน ๆ นักดูวาฬจำนวนมากยกให้ อ่าว ก.ไก่ เป็นแหล่งชมวาฬขึ้นกิน หรือวาฬยืนกินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกันเลยทีเดียว

ทำให้วันนี้ภาพวาฬบรูด้าอ้าปาก หรือ “วาฬขึ้นกิน” หรือ “วาฬยืนกิน” ถือเป็นภาพโปรโมทที่ทำให้วาฬไทยโด่งดังไปทั่วโลก จนกลายเป็นภาพจำและเอกลักษณ์ของวาฬเมืองไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนวาฬแล้ว

และบางทีในอนาคตอาจมีคนแต่งเพลง “วาฬยืนตื้น” ขึ้นมาแข่งกับเพลงดัง “วาฬเกยตื้น” ก็เป็นได้

*********************************************

สอบถามข้อมูลการชมวาฬที่อ่าวมหาชัย เพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม (พื้นที่รับผิดชอบ :
สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร) โทร. 0 3475 2847-8 และสามารถสอบถามกิจกรรมล่องเรือชมวาฬที่ออกจากปากอ่าวมหาชัยได้ที่ ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล โทร. 098-7954563

Exit mobile version