อสังหาริมทรัพย์
10 เม.ย. 2565 เวลา 13:00 น.258
“อสังหาฯ” เผยสัญญาณตัวเลขไตรมาส1/65 ยอดขายโตสวนปัจจัยลบโควิด ,เงินเฟ้อ ,สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ “แอสเซทไวส์ ”กวาดยอดพรีเซล 3,250 ล้านบาท ทะลุ 33% หนุนยอดขายสร้างสถิติใหม่ “ออริจิ้น ” โกยยอดขายบ้าน-คอนโดไตรมาสแรก 8,000 ล้านบาท พีดีเฮ้าส์ ยอดขายโตเหนือตลาด
“อสังหาฯ” เผยสัญญาณตัวเลขไตรมาส1/65 ยอดขายโตสวนปัจจัยลบโควิด ,เงินเฟ้อ ,สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ “แอสเซทไวส์ ”กวาดยอดพรีเซล 3,250 ล้านบาท ทะลุ 33% หนุนยอดขายสร้างสถิติใหม่ “ออริจิ้น ” โกยยอดขายบ้าน-คอนโดไตรมาสแรก 8,000 ล้านบาท พีดีเฮ้าส์ ยอดขายโตเหนือตลาด
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ที่ 3,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาหรือคิดเป็น 33% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาฯ ด้านไลฟ์สไตล์โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
คาดว่ายอดขายที่เติบโตดังกล่าวจะผลักดันยอดขายรวมปีนี้สร้างสถิติใหม่ที่10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย ทั้งนี้ยอดขายไตรมาสแรกที่ 3,250 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มคอนโดมิเนียมคิดเป็น96% และกลุ่มบ้านจัดสรร 4% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 46% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (On Construction) 54%
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯวางแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,400 ล้านบาท โดยแผนงานไตรมาส 2/2565 จะเปิดตัว 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการแนวราบ Esta Rangsit Khlong 2 จำนวน 153 ยูนิต มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท 2. โครงการคอนโดมิเนียมAtmoz Flow Minburi จำนวน 739 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท และ 3 โครงการคอนโดมิเนียม Atmoz Portrait Srisaman จำนวน 678 ยูนิต มูลค่า 1,150 ล้านบาท
“มั่นใจว่าด้วยศักยภาพโครงการ ทำเลที่โดดเด่น การออกแบบดีไซน์โครงการที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และแผนกลยุทธ์การตลาด จะผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย”
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ห กล่าวว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายรวมได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 และช่วงเดียวกันของปี 2564 แบ่งเป็นยอดขายจากจากสินค้าคอนโดมิเนียม 70% และบ้านจัดสรร 30%
โดยยอดขายดังกล่าวมาจากกลุ่มโครงการพร้อมอยู่(Ready to move) 50% กลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายและอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 50% ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1 นี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากโครงการใหม่เพิ่มขึ้น โดยทำยอดขายเฉลี่ยสะสม (Take Up Rate)ได้ประมาณ 50% ของยูนิตที่เปิดขาย
โดยเฉพาะโครงการบริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน ซึ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา เจาะตลาดกลุ่มนักศึกษา สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับโครงการโซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์ ที่ออกแบบฟังก์ชันตอบโจทย์กลุ่ม Work From Home และตั้งใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำยอดขายได้กว่า 70% ในช่วง 1เดือนเรก
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 และผลกระทบจากวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ราคาน้ำมันและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจประเทศและกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีแนวโน้มหดตัวไม่มีผลกระทบกับพีดีเฮ้าส์ เพราะจากตัวเลขยอดขายไตรมาสแรกที่เติบโตแล้ว แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2 ก็ดูจะยังเติบโตสวนทางเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะชะลอตัว
เนื่องจากกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการปรับตัว เพื่อจะฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นให้รอดพ้นนั้น ไม่ใช่เริ่มต้นคิดและลงมือทำเมื่อวิกฤติถาโถมเข้ามาแล้ว หากแต่เกิดจากการเตรียมพร้อมบนความไม่ประมาทและปรับตัวอยู่เสมอ
ดังนั้นบรรดาผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งรายเก่ารายใหม่ จึงต้องหันมาหาทางแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่ได้รับกันชุลมุน รวมถึงเร่งปรับตัวและหาช่องทางการตลาดใหม่เพื่อความอยู่รอดและสร้างโอกาสใหม่ ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านมานาน