เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายกันตภณ สุขสงค์ นายอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้แสดงความยินดี และมอบบัตรประชาชนให้กับ น.ส.วาสนา เทนคำปาม สาวพิการทางการได้ยิน วัย 40 ปี หลังจากผ่านกระบวนการสอบสวน ตรวจพิสูจน์จนเป็นที่แน่ชัดว่า น.ส.วาสนา อาศัยอยู่กับนายทองดำ และนางแสงจันทร์ พ่อและแม่ มาตั้งแต่เกิด เป็นคนเถื่อนไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนมานานกว่า 40 ปี ซึ่งได้อนุมัติเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้านเลขที่ 471 หมู่ 10 ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ และได้ถ่ายบัตรประชาชนเป็นคนไทย 100% ในวันมงคลวันออกพรรษา ซึ่ง นส.วาสนา ยิ้มด้วยความดีใจที่ได้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์
นางแสงจันทร์ ผู้เป็นแม่ดีใจถึงกับน้ำตาคลอ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้การช่วยเหลือ น.ส.วาสนา ที่ผ่านมาไม่มีบัตรก็อยู่กันไปตามอัตภาพ แต่ละวัน น.ส.วาสนา ก็จะออกไปเก็บของเก่าช่วยตนนำไปขายตลอดไม่ได้คิดอะไร ตนดีใจมากเหมือนได้เกิดใหม่ ดีใจเท่ากับลูกได้เกิดใหม่
นางแสงจันทร์ กล่าวต่อไปว่า เดิมตนเองเป็นชาวบ้านเอ็นอ้า อ.ตระการพืชผล นายสังข์ทอง วันสิงห์สู่ ผู้เป็นพ่อได้พาอพยพเข้ามาหากินในตัวเมืองอุบล เแต่ยังเด็ก โดยไปขออาศัยเข้าชื่อในบ้านเลขที่คนอื่น และตนเองได้โอนชื่อเข้าทะเบียนกลาง กระทั่งโตเป็นสาวรุ่นได้ไปทำงานที่กรุงเทพ จนกระทั่งอายุ 20 ปีได้เดินทางกลับอุบลฯ เพื่อถ่ายบัตรประชาชน แต่ไม่สามารถค้นชื่อในทะเบียนบ้านกลางได้ กลายเป็นคนตกหล่นไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้ ตนเองแต่งงานมีครอบครัวกับนายทองดำ และมีลูกคนแรกคือ น.ส.วาสนา และพยายามค้นชื่อตนเองเรื่อยมาจนอายุ 30 ปี จึงสามารถตรวจค้นหาชื่อในทะเบียนกลางได้ สามารถถ่ายทำบัตรประชาชนได้แต่ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ให้กับ น.ส.วาสนา ได้ ส่วนนายกัญญา ลูกคนที่ 2 ตนเองมีบัตรประชาชนแล้ว จึงไม่มีปัญหา
นางแสงจันทร์ กล่าวอีกว่า เดิมอาศัยอยู่ตำบลแสนสุข อ.วารินชำราบ พยายามขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านในการช่วยเหลือ น.ส.วาสนา ลูกสาว แต่ทางการให้หาหมอตำแยที่ทำคลอด ข้าราชการอย่างต่ำ ซี 3 และเพื่อนบ้านอีก 15 คนไปยืนยัน ตนหาไม่ได้จึงปล่อยเรื่อยมา จน น.ส.วาสนา อายุปัจจุบัน 40 ปี
สำหรับ นส.วาสนา หรือที่ชาวบ้านเรียกจ่อย ได้มีการตรวจพบโดยนายไพฑูรย์ ยิ้มรำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ ที่ครอบครัว น.ส.วาสนา อาศัยอยู่ โดยนายไทฑูรย์ ได้เข้าดำเนินการติดตั้ง Applecation THAID.โดยบ้านเลขที่ 471 หมู่ 10 ซึ่งมีผู้อาศัย 4 คือ นายทองดำ เทนคำปาม, นางแสงจันทร์ เทนคำปาม และลูกอีก 2 คน คือ น.ส.วาสนา เทนคำปาม อายุ 40 ปี และนายกัญญา เทนคำปาม อายุ 38 ปี แต่ดำเนินนการได้เพียงนายทองดำ นางแสงจันทร์ และนายกัญญาโดยที่ นส.วาสนา ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน และไม่มีบัตรประชาชน โดยทั้งนายทองดำ และนางแสงจันทร์ ยืนยันว่าเป็นลูกสาวคนแรกของตนเอง นายไพฑูรย์ ผู้ใหญ่บ้านจึงนำเรื่องแจ้งต่อนาย นายกันตภณ สุขสงค์ นายอำเภอวารินชำราบ ในโอกาสที่นำสิ่งของออกเยี่ยมให้การช่วยเหลือผู้ยากไร้เมื่อต้นเดือน ต.ค. 66 ที่ผ่านมา นายกันตภณ จึงสั่งการให้ทำการตรวจสอบช่วยเหลือ
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า จากออกทำ THAID มี 1 คนในบ้านนั้นไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่มีบัตรประชาชนจึงประสานขอการช่วยเหลือ ซึ่งจากการสอบถามจากสภาพครอบครัวที่ยากจนหาเช้ากินค่ำ นางแสงจันทร์ ได้ไปคลอดลูกที่โรงสีร้างไม่ได้สนใจแจ้งใบเกิดให้ลูก และต่อมาทราบว่าลูกเป็นใบ้ หูหนวกก็เลยปล่อยเลยตามเลยเรื่อยมา โดยครอบครัว น.ส.วาสนา ย้ายมาเป็นบลูกบ้านได้ 1 ปี ซึ่งการดำเนินการพิสูจน์จน น.ส.วาสนาได้มีชื่อในทะเบียนบ้านกับพ่อ-แม่ และได้ถ่ายบัตรประชาชน ได้ดำเนินการทำประชาชนพิจารณ์ชาวบ้าน หมู่ที่ 9 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ ซึ่งชาวบ้านต่างยืนยันเห็นว่านางแสงจันทร์ ท้องและคลอดลูกสาวคนแรกเมื่อปี 2525 โดยลูกสาวเป็นใบ้ พร้อมทั้งการประชาคมชาวบ้านหมู่ทื่ 10 ต.โนนผึ้ง ซึ่งครอบครัวนางแสงจันทร์ ย้ายเข้ามาอยู่มีข้อมูลเชื่อมโยงที่เชื่อได้ว่า น.ส.วาสนา เป็นคนไทยเป็นลูกสาวนายทองดำ และนางแสงจันทร์ จึงได้เสนอต่อนายอำเภอวารินชำราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
นายกัณตภณ สุขสงค์ นายอำเภอวารินชำราบ กล่าวว่า จากการออกพื้นที่และได้ออกเยี่ยมผู้ยากไร้ ได้ทราบว่าครอบครัวผู้ยากไร้ ซึ่งเก็บของเก่าขาย มีลูกสาว1 คนซึ่งเป็นใบ้ไม่มีบัตรประชาชนจนอายุ 40 ปี ซึ่งสอบถามยืนยันกันว่าเป็นคนไทย และจากนโยบายกระทรวงมหาดไทยในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลโดยไม่ใช้บัตรประชาชนคือลงระบบไทยดี ซึ่งลงคนนี้ไม่ได้จึงได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายทั้งการค้นหาสอบสวนจนทราบว่าเป็นคนไทย ที่ผ่านมาไม่ได้มาติดต่อส่วนราชการจนได้มีการค้นพบเจอ จึงเข้าดำเนินการจนสำเร็จเป็นคนไทย 100% และจะเข้ายื่นสิทธิคนพิการที่ พม. จ.อุบลราชธานี ต่อไป.