Site icon บางแสน

สาวพาหนุ่มเลี้ยงข้าว – เปย์ของแพงให้ ไม่ทันไรถูกเท ลั่นอายที่เธอกินเยอะ ใช่เหรอ ?

พาผู้ชายเลี้ยงข้าว

        สาวสายเปย์ พาหนุ่มเลี้ยงดินเนอร์ พร้อมให้ Apple Watch เป็นของขวัญ อึ้งหนุ่มไม่แฮปปี้แถมหงุดหงิดใส่ ด่ากินมากจนเหมือนหมู จากนี้ขอบาย สาวทั้งงงทั้งอาย มันใช่เหรอ ?


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

        ในขณะที่วันวาเลนไทน์ควรจะเป็นโอกาสพิเศษให้คู่รักได้สร้างโมเมนต์แสนสุขด้วยกัน แต่หญิงสาวรายหนึ่งชี้ว่าแผนเดตของเธอกลับจบลงอย่างหายนะ หลังจากที่เธอเพิ่งจะถูกแฟนหนุ่มทิ้งด้วยเหตุผลชวนอึ้ง ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งจะพาเขาไปเลี้ยงอาหารในร้านสเต๊กดี ๆ แถมยังให้ของขวัญราคาแพงอย่าง Apple Watch ไปด้วย

        จากรายงานของเดอะซัน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เผยว่า เอ (นามสมมติ) หญิงวัย 27 ปี เพิ่งจะออกมาเล่าประสบการณ์ของเธอผ่านทางชุมชนออนไลน์ Reddit ชี้ว่าเธอกับแฟนหนุ่มคบกันมานาน 7 เดือนแล้ว และเธอก็เชื่อว่าตัวเองกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่แฮปปี้ที่สุดในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่คิดเช่นนั้น

        เออธิบายด้วยว่า เธอเป็นคนรูปร่างผอมสูง โดยมีส่วนสูงประมาณ 175 เซนติเมตร ที่ผ่านมาเธอต้องพยายามรักษาน้ำหนักไม่ให้ต่ำกว่า 56 กิโลกรัม เพื่อไม่ทำให้ตัวเองน้ำหนักน้อยเกินไป ในขณะเดียวกันเธอยังมีระบบเผาผลาญที่ดีมาก ๆ จึงต้องคอยดูแลตัวเองให้กินอย่างเพียงพอ

        ขณะที่ บี (นามสมมติ) แฟนหนุ่มของเอก็มีรูปร่างผอมเช่นกัน เขาสูง 182 เซนติเมตร น้ำหนัก 65 กิโลกรัม แต่เขาไม่ได้เป็นคนชอบกินอะไรนัก
 
        ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งคู่ก็คบหากันอย่างราบรื่นไม่ได้มีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เอทำการจองร้านสเต๊กดี ๆ ไว้เพื่อนดินเนอร์กับเขา และยังมอบ Apple Watch เป็นของขวัญแก่เขาด้วย จากนั้นเธอไปถึงร้าน เธอก็สั่งสลัด อาหารจานหลัก รวมถึงเครื่องเคียง 2 อย่างคือผักโขมผัดกับมันบด มาแชร์กันกับเขา ในขณะที่บีสั่งซุปถ้วยเล็ก ๆ 2 ถ้วย กับแซลมอนย่าง
 
        เมื่ออาหารเสิร์ฟ เอตื่นเต้นกับอาหารของเธอมาก แต่ดูเหมือนแฟนหนุ่มจะแทบไม่แตะต้องอาหารของเขาเลย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามื้อนี้เธอเป็นคนเลี้ยง แถมเกือบตลอดทั้งมือเขายังแสดงท่าทางหงุดหงิดและห่างเหิน โดยไม่ยอมบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น

        จากนั้นเมื่อเอไปจ่ายเงินและพาเขากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ อยู่ ๆ บีก็บอกว่าเขาเหนื่อยและอยากกลับบ้าน เขาไม่อยากกินเค้กหรือดูหนังรอบดึกกับเธอตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งเขายังหลีกเลี่ยงจูบลาจากแฟนสาวด้วย
 
        และในเวลาต่อมาเขาก็ส่งข้อความาบอกเธอ ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ป่วยจริง ๆ แต่เขาอับอายที่เธอกินอาหารไปเยอะขนาดนั้น มันทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายังบอกด้วยว่าเธอทำให้ตัวเองเป็นหมู และดูขี้เหร่มาก

        หญิงสาวช็อกหนักกับคำพูดของเขา เธอชี้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ดี ดังนั้นแฟนหนุ่มน่าจะหมายถึงปริมาณอาหารที่เธอกินเข้าไปมากกว่าเรื่องวิธีการกินของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกแย่มาก ๆ เธอพยายามจะโทร. หาเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รับสาย แถมยังส่งข้อความมาบอกว่าเขาไม่อยากคุยด้วย และอยากขอเวลาคิดดูก่อน
 
        กระทั่งในที่สุด บีก็ส่งข้อความมาบอกเอว่าเขาต้องการเลิกกับเธอ อ้างว่าการกินของเธอทำให้เขาอารมณ์เสียมาระยะหนึ่งแล้ว เขาพยายามจะลองดูว่าตัวเองสามารถมองข้ามไปได้ไหม แต่ก็ทำไม่ได้ จึงต้องการจบความสัมพันธ์นี้

        สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เอทั้งสับสนและอับอาย เธอรู้สึกแย่กับตัวเองมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอไม่สามารถกินน้อยไปกว่านั้นได้ มิเช่นนั้นจะส่งผลร้ายกับร่างกายตัวเอง จึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาปรึกษาผู้คนบนโลกออนไลน์ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นคำเตือนให้เธอต้องปรับพฤติกรรมจริง ๆ หรือควรจะมูฟออนไปซะ

        ทั้งนี้ ชาวเน็ตส่วนใหญ่เข้าข้างหญิงสาว และแนะนำให้เธอลืมผู้ชายคนนี้ไปซะ
 
        อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมาเอได้เข้ามาอัปเดตเรื่องราวของเธอ บอกว่าตอนนี้ชายที่กลายเป็นแฟนเก่าได้เข้ามาเก็บข้าวของไปจากอพาร์ตเมนต์ของเธอแล้ว ซึ่งเธอก็ยังเห็นว่าเขาสวม Apple Watch ที่เธอให้ไว้ โดยอ้างว่าจำต้องเก็บไว้เพราะได้รับมาเป็นของขวัญ

        นอกจากนี้ในที่สุดบีก็ยอมสารภาพถึงเหตุผลจริง ๆ ที่เขาเลิกกับเธอ โดยบีกล่าวขอโทษและยอมรับว่าจริง ๆ เขาต้องการเลิกกับเธอมาสักพักแล้ว เพราะเขาเพิ่งเริ่มเดตกับผู้หญิงอีกคน และคิดว่ามันคงจะง่ายกว่าถ้าเธอคิดว่าเขาเป็นคนงี่เง่า ที่หงุดหงิดใส่เธอเรื่องการกิน
 
        ส่วนเหตุผลที่เขาแทบไม่แตะต้องอาหารในมื้อนั้น ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนกินน้อย แต่จริง ๆ แล้วเขานัดเดตซ้อนระหว่างเอกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เขาต้องการจะไปดินเนอร์กับสาวใหม่ต่อ เลยหาข้ออ้างที่จะไม่กินของหวานหรือทำกิจกรรมใด ๆ กับเอต่อ เพื่อที่จะรีบไปหาผู้หญิงคนใหม่
 
        ทั้งนี้ เอยอมรับว่าหลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ เธอก็คงขอพักใจจากการเดตใครก็ตามไปอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะมูฟออนจากผู้ชายคนนี้

        ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจาก เดอะซัน

Exit mobile version