Site icon บางแสน

สสส. – นิด้า – เทศบาลเมืองแสนสุข ถอดบทเรียน 1 ปี ชายหาดบางแสน แหล่งท่องเที่ยวปลอดอบายมุข – สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

สสส. - นิด้า - เทศบาลเมืองแสนสุข ถอดบทเรียน 1 ปี ชายหาดบางแสน แหล่งท่องเที่ยวปลอดอบายมุข thaihealth

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

สสส. - นิด้า - เทศบาลเมืองแสนสุข ถอดบทเรียน 1 ปี ชายหาดบางแสน แหล่งท่องเที่ยวปลอดอบายมุข thaihealth

สสส. – นิด้า – เทศบาลเมืองแสนสุข ถอดบทเรียน 1 ปี ชายหาดบางแสน พบผู้ค้าชายหาดให้ความร่วมมือหยุดขายเหล้า-บุหรี่ เกือบ 100% ดันพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวต้นแบบเชิงรุก สร้างชายหาดปลอดอบายมุขทั่วประเทศ

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ร่วมกับ นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี และ ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร อาจารย์สาขาอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว คณะจัดการท่องเที่ยวสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ภายหลังกิจกรรม “ถอดบทเรียนแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบส่งเสริมลดปัจจัยเสี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ” พร้อมเตรียมขยายโมลเดลต้นแบบสู่แหล่งท่องเที่ยวปลอดอบายมุขภาคอื่นๆ ต่อไป

นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ชายหาดบางแสนได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 1 ปี จากความร่วมมือของเทศบาลตำบลแสนสุข จ.ชลบุรี และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พบว่าผู้ประกอบการ ผู้ค้า และนักท่องเที่ยว ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการริมชายหาดที่มีการติดป้ายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ และยังมีส่วนในการให้ความรู้สร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวด้วย โดยผลลัพธ์ 1 ปีที่ผ่านมา พบความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลดีต่อสุขภาวะ ดังนี้ 1.เทศบาลแสนสุขมีแนวทางจัดการและพัฒนาให้เกิดกิจกรรมการจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดอบายมุข 2.เทศบาลแสนสุขมีเกณฑ์การประเมินและจัดทำเกณฑ์การปฏิบัติที่เหมาะสมในเขตการท่องเที่ยวชายหาด 3.ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่บางแสนมีแนวทางปฏิบัติและสร้างจิตสำนึกลดปัจจัยเสี่ยงจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบในพื้นที่ท่องเที่ยวชายหาด และ 4.ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบน้อยลง

“ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนควรมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างปลอดภัย อากาศสะอาด เพราะไม่มีควันบุหรี่มารบกวน ซึ่งข้อมูลปี 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง 9,435 คน/ปี และยังเป็นพื้นที่สำหรับทุกครอบครัวที่จะรู้สึกปลอดภัยเพราะไม่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งลดโอกาสจะพบผู้ที่เมาแล้วก่อความรำคาญบนหาดบางแสนอีกด้วย” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมาพบเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองแสนสุข ผู้ประกอบการร้านค้าที่จดทะเบียนกับเทศบาล เข้าใจและเห็นความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ในพื้นที่ชายหาดมากขึ้น และให้ความร่วมมืองดจำหน่ายเกือบ 100% ส่วนการต่อต้านมาตรการเหล่านี้พบว่ามีจำนวนน้อยลง ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเริ่มมีความตระหนักรู้ และเข้าใจถึงมาตรการของพื้นที่มากขึ้น

“ชายหาดบางแสน จัดจุดให้บริการสูบบุหรี่ไว้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนผู้อื่นที่มาท่องเที่ยว เราพบว่าหลังดำเนินการรณรงค์ขอความร่วมมืออย่างจริงจัง พบการฝ่าฝืนสูบบุหรี่นอกพื้นที่อนุญาต ประมาณ 10-15% และพบว่ามีการลักลอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตอนกลางคืนหลังเก็บเตียงและที่นั่งประมาณ 20% โดยแอบใช้ภาชนะอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงแทน เสนอให้รัฐบาลช่วยประชาสัมพันธ์ ในเรื่องการห้ามดื่มและห้ามสูบในชายหาดทั่วประเทศ และเพิ่มกำลังผู้ตรวจให้มากขึ้น เช่น ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการปรับตามกฎหมาย กรณีพบคนฝ่าฝืน” นายณรงค์ชัย กล่าว

ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร อาจารย์สาขาอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว คณะจัดการท่องเที่ยว นิด้า กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้ลดน้อยลง แต่ยังพบว่าชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยังมีประชาชนชนเดินทางมาจำนวนมากเพราะอยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร ซึ่งการถอดบทเรียน 1 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าร้านค้าหลายแห่งมีรายได้น้อยลงประมาณ 10 – 20% จากรายได้ทั้งหมด แต่หากชี้วัดเรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ พบว่ามีคดีทะเลาะวิวาทลดลงจากเดิมที่เคยเกิด 10 – 20 คดี/วัน ปัจจุบันลดลงเกินครึ่งหรือไม่มีเลย และยังพบว่าอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับน้อยลง ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้มีครอบครัวเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่เพิ่มขึ้น เพราะไว้วางใจเรื่องความปลอดภัยทางชีวิต สุขภาพ ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม

Exit mobile version