เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
“สมปอง” ตกผลึกแล้ว รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหน ไม่ท้อ แต่มองเป็นความท้าทาย ไม่ได้ออกงานถี่เหมือนเดิม เปรียบชีวิตเหมือนทำชาเลนจ์ แต่ขอโอกาสอย่าแบนตน เชื่อได้รู้จักตนถึงไม่รักก็เกลียดไม่ลง ลั่นลูกเพจไม่ให้มีแฟนตอนนี้ ส่วนเรื่อง “เจ๊ติ๋ม” ขอเก็บปาก
หลังจากที่มีกระแสดรามากับ “ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ถึงขั้นติ๋ม ทีวีพูล ประกาศตัดขาด ไม่ขอร่วมงานด้วยอีกต่อไป ก็ทำให้ข่าวคราวเงียบหายไปเดือนกว่าๆ ล่าสุด “สมปอง นครไธสง” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ออกอีเวนต์งาน “เมืองปันสุข เมืองไฉไล” Be the Leader Be the Future ณ หอประชุมใหญ่ Audiotorium อาคาร 9 ชั้น 2 บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานใหญ่แจ้งวัฒนะ เจ้าตัวยอมรับว่าการผันตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ได้เป็นตัวเอง เจอคนน้อยลง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงา
“สักเดือนกว่าๆ ครับ พอดีซุ่มทำผลิตภัณฑ์อยู่ครับ จะออกต้นเดือนเมษายนครับ ก็เลยไม่ค่อยได้ออกงานอะไรเท่าไหร่ครับ ก็ชอบนะครับ พอผันมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์มันก็ได้อยู่กับช่องตัวเอง เพจสมปองนครไธสง ได้เป็นตัวเอง ได้พักผ่อน ได้พักเสียง ผมเสียงแหบมาตั้งแต่ 4-5 ปีตั้งแต่เป็นพระ ออกมาก็แหบหนักกว่าเดิม เพราะเวลาร้องเพลงต้องตะเบงมาก ทีมงานก็จะดุว่าอย่าตะเบงเยอะ ให้ฝึกออกมาจากท้อง ผมก็ค่อยๆ ฝึกอยู่ครับ หลายๆ อย่างก็ค่อยๆ ที่จะเรียนรู้
งานที่เจอผู้คนอาจจะน้อยลง อย่างวันนี้ก็จะตื่นเต้นนิดหนึ่ง เตรียมตัวเป็นอาทิตย์เลยว่าจะพูดอะไรยังไงดี ตอนแรกคิดว่าจะเป็นงานบรรยายด้วย เพราะตอนเป็นพระบรรยายมันก็จะง่าย ใครก็อยากฟังเรา แต่พอเป็นฆราวาสญาติโยมที่ศีลใกล้เคียงกัน ทุกอย่างเหมือนกันมันก็จะต้องทำการบ้านเยอะครับ แต่ไม่เหงาครับ มันก็มีอะไรให้ทำ อย่างเพิ่งไปถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง กับงานแฟนมีตสมปองมาที่บางแสน ก็ค่อยๆ วางโปรเจกต์ วางโปรดักส์อะไรต่างๆ มันก็มีอะไรให้ทำ เราก็ได้ทำในเส้นทางของตัวเอง ช่องของตัวเองมากขึ้นครับ
ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปรับตัวนะ น่าจะใช้ชีวิตได้เลย แต่พอออกมายอมรับว่าแต่ละอย่างมันต้องปรับตัว มารยาทในสังคม การวางตัว การพูด การอะไรต่างๆ มันก็ต้องเรียนรู้เหมือนกันครับ ก็ปรับตัวได้ดีนะครับ”
ตกผลึกแล้ว รู้เส้นทางชีวิตจะไปทางไหน สอนคนอื่นมาเยอะก็เอามาสอนตัวเอง
“สอนคนมาเยอะครับตอนเป็นพระ ก็ได้เอามาใช้ตอนนี้แหละครับ (หัวเราะ) ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป 5 พยางค์ให้เขาท่อง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แล้วหลายๆ อย่างมันก็ผ่านไปครับ แต่ก็อยู่บนความเป็นจริง และทำให้มันถูกต้องครับ อะไรที่มันผิดพลาดพลั้งไป เพื่อนก็จะเตือน หรือคนที่รักเรา ครูบาอาจารย์เราก็จะมีความห่วงใยมา และตัวเราเองก็ตกผลึกในการที่จะรู้ว่าเส้นทางชีวิตเราต้องไปในทางไหน ให้มันถูกต้องมากขึ้น อะไรที่สอนคนอื่นไว้ ก็เอามาสอนตัวเองเยอะขึ้น มันก็ทำให้ผ่านไปได้ครับ
ถามว่าท้อไหม ผมสนุกมากเลย เพราะตั้งแต่สึกก็เลยคิดว่าจะแถลงข่าวตอนสึก แล้วใครจะมา แต่ก็มากันเต็มไปหมด หลาย 10 ช่อง แม้กระทั่งวันนี้หลายๆ ท่านก็ให้เกียรติผม ยอมรับว่ามันค่อนข้างจะเกินกว่าที่เราคาดหมายมาเยอะมากนะครับ ไม่คิดว่าชีวิตเราจะได้รับความสนใจ ได้รับสิ่งดีๆ หรือแม้กระทั่งคำติ คำว่าอะไรต่างๆ มันก็เป็นความท้าทาย ชาเลนจ์เราว่าจะต้องทำให้ดีขึ้น ผมสนุกตรงที่ได้เรียนรู้ ได้ขอโทษอะไรที่ผิดพลาด และได้กำลังใจกลับมา ผมว่าชีวิตคนๆ นึงที่เกิดมา ตอนเป็นพระก็ไม่คิดว่าจะมีงานขนาดนั้น ออกมาก็ไม่คิดว่าเราจะมีเส้นทางได้เจอสื่อมวลชน ได้เจอพี่ๆ ได้เจอเพื่อน หรือมีโอกาสได้ทำธุรกิจ ผมว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องท้อ ก็ไม่ท้อครับ”
สนุกได้เรียนรู้งานในวงการ
“ผมว่าวงการบันเทิงสนุกนะครับ เป็นอะไรที่เรารัก เพราะหนังก็จะทำอยู่ครับ เพลงก็ชอบที่จะร้องอยู่ อาจจะไม่ได้เพราะ ไม่ได้เป็นนักร้องอาชีพ แต่เจอนักร้องก็ค่อยๆ ครูพักลักจำเรียนรู้ ผมว่ามันสนุกตรงได้เรียนรู้ และวงการบันเทิงก็ทำให้คนมีความสุข หนัง เพลง ธุรกิจการค้า นักข่าวอะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันก็ทำให้คนได้มีความสุขถ้าเราดูเป็น เราพิจารณาเป็น และเอามาปรับใช้ในชีวิตเราด้วย อันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ ควรไปเส้นทางที่ถูกต้อง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าที่จะมาคิดว่าทำดีไหมนะ หรือจะไม่ทำ คนเขาว่ามาเราจะทำต่อไหม ผมว่ารีบๆ ทำเถอะครับ เหมือนน้องที่เสียชีวิตไป เขาก็ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง เราก็เคยดูผลงานเขา ผมว่าชีวิตผมก็ได้ทำอะไรหลายอย่าง ฉะนั้นไม่ท้อหรอกครับ แล้วก็สนุกที่ได้ทำ”
ไม่กลัวไร้จุดยืน
“ไม่หรอกครับ ผมว่าทุกคนแยกแยะออกนะครับ ดูในคอมเมนต์อะไรต่างๆ เขาก็จะมีทั้งสองฝ่ายอยู่แล้วครับ ให้กำลังใจ ต่อว่า แนะนำ ติ เป็นเรื่องธรรมดา ผมว่าบางทีคนที่ไม่ชอบติดตามมากกว่าคนที่ชอบด้วยนะ คนที่ติก็เหมือนเขาชี้ทางเรา บอกเรามากกว่า ผมชอบการเคลียร์แล้วไปต่อ ผมว่ามันท้าทาย มันมีความสุข มันสนุกตรงนี้ครับ”
ถูกมองซุกสีกา วงการสีเทา เป็นความบันเทิง ลูกเพจไม่ให้มีแฟน
“อันนี้บันเทิงครับ หลายอย่างมันบันเทิงจริงๆ เพราะมันไม่มี การพนันนี่ผมตลกนะครับ เพราะผมไม่ยุ่งการพนันอยู่แล้ว สีเทาก็ไม่เอาครับ แต่ถ้าใครจะทำก็ไม่ว่านะครับ สมมติผมคบเพื่อน มีเพื่อนขาวล้วน ดำล้วน เทา ผมว่ามันก็เป็นเรื่องราวเส้นทางชีวิตของเขา แต่สำหรับเรารู้สึกว่าเราไม่ไปสีเทา ไม่ไปการพนัน ไม่ไปยาเสพติด ก็บวชมา 30 ปี ทั้งพระ ทั้งเณรบวกกัน มันก็จะตลกหลายอย่าง เท็จ 100% ก็มีครับ (หัวเราะ) เรื่องที่ไม่เท็จ 100% ก็คงมีบ้าง เรื่องนั่งตักอะไรพวกนี้ (หัวเราะ) ภาพมันก็ชัดอยู่ ส่วนใหญ่ก็เพื่อนครับ เมื่อวานผมไปทานก๋วยเตี๋ยวก็เพื่อนๆ กัน คนก็มอง คนก็คิดได้แหละ แต่สำหรับเราคือเพื่อน ส่วนเรื่องแฟนนี่ลูกเพจยังไม่ให้มีครับ”
ยังไม่ถูกเรียกชี้แจง กรณีที่ดินรุกป่าสงวนฯ ว่ากันไปตามกฎหมาย
“ไม่ครับ มันก็ตามกฎหมายนะครับ อันนี้เรามีพี่ทนายที่ให้คำปรึกษา คือก็ดูแลตรงนี้ให้เลย ก็ว่าไปตามกฎหมายเลยครับ ถามว่ากลัวไหมก็ไม่เลยครับ ถ้ากฎหมายว่ายังไง ผมประชาชนคนไทยอยู่แล้วก็ว่ากันตามนั้นเลย ผมอยากจะเคลียร์ด้วยอย่าง 100% เวลาไปไหนให้มันองอาจ กล้ามองกล้อง กล้ามองสื่อ กล้ามองประชาชน กล้าที่จะบอก จะพูด ทุกอย่างก็ตามนั้นเลยครับ จะอะไรยังไงก็ตามกฎหมายเลย คดีจะสิ้นสุดตรงไหนอันนี้ไม่ทราบเลยครับ เพราะยังไม่ได้มีอะไรมาหาผมเลย อาจจะมีข่าวอื่นๆ มาเยอะครับ”
ขอโอกาสอย่าแบนตน
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอโอกาสนะครับ ถ้าจะให้โอกาส หรือถ้าจะบอกว่าเราหยิ่ง ก็ไม่หรอก ผมมีช่องทางของผม อันนั้นผมว่าไม่ขนาดนั้นครับ ผมว่าเราก็เป็นสัตว์สังคมนะ เราไปสังคมไหนแล้วเป็นที่ต้อนรับ เราก็ดีใจ ฉะนั้นแล้วถ้าทุกๆ วงการที่ให้โอกาสก็ขอบคุณนะครับ จริงๆ ตั้งแต่ตอนเป็นพระเขาก็ให้โอกาสมาตลอด นิมนต์มาตลอด ตอนนี้ก็ถือว่าได้โอกาสหลายสิ่งหลายอย่าง สำหรับใครที่อาจจะไม่ได้แฮปปี้เท่าไหร่ ก็เข้าใจ และเคารพในตรงนั้นครับ แต่จริงๆ ถ้าได้รู้จักมักคุ้นกัน ผมว่าถ้าไม่รักผมก็คงไม่เกลียดผมหรอก อย่างน้อยผมคิดว่ามีพื้นฐานที่คิดดี ทำดี พูดดี แต่ถ้ามันมีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ ก็พร้อมจะปรับปรุงแก้ไขครับ ตอนนี้ก็ปรับเยอะ แก้เยอะเลยครับ”
งดตอบเรื่อง “ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย
“อันนี้ผมขออนุญาตแล้วกันครับ ไม่อยากเอ่ยแล้วครับ (หัวเราะ) จริงๆ ก็นิ่งๆ เยอะแล้วครับ ก็เป็นพี่ที่น่ารักครับ น่ารักทุกท่านแหละครับ”