บางแสน ชลบุรี

1658828288059.jpg

สกู๊ป : “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม โอลิมปิก 2016 โมเมนต์เปลี่ยนชีวิต

สาวน้อยร่างบาง ท่าทางเงียบขรึม ถ้ามองจากภายนอกอาจดูเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่รักและมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับลมและทะเล“ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม นักกีฬาวินด์เซิร์ฟทีมชาติไทย เกิดและโตในย่านชายหาดบางแสน คุ้นเคยกับน้ำทะเลมาตั้งแต่เด็กๆ  

 ความหลงใหลในท้องทะเล ความรักในกีฬาวินด์เซิร์ฟ และความมุ่งมั่น ทำให้เธอเริ่มต้นการเป็นนักกีฬาทีมชาติได้อย่างสวยหรู 3 ปีแรกมีเหรียญรางวัลตลอด แต่หลังจากนั้นเธอห่างหายจากความสำเร็จจนเหมือนคนไม่รู้จักกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ที่ทำให้เธอถอดใจยอมแพ้ไปก่อน จนกระทั่งเธอได้สิทธิ์เข้าร่วมโอลิมปิก 2016 ซึ่งนั่นเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า ที่ทำให้เส้นทางการเป็นนักกีฬาของ ดาว ได้กลับมารู้จักกับความสำเร็จอีกครั้ง

แพสชั่นที่ชื่นชอบทะเล จุดเริ่มต้นสู่ทีมชาติ

ว่ากันตามตรงวินด์เซิร์ฟไม่ใช่กีฬาที่นิยมในไทย ทำให้มีนักกีฬาน้อย ซึ่งเกือบทั้งหมดมีพื้นเพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับทะเลตั้งแต่เกิดกันทุกคน สำหรับ ดาว ก็เช่นกัน เธอหลงรักทะเลเอามาก ๆ ตอนเด็ก ๆ ทุกครั้งในยามว่างเธอมักจะจับกลุ่มกับเพื่อน ๆ ไปเล่นน้ำทะเล ท้าลมท้าแดดกันเป็นประจำ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาเธอมาอยู่ในเส้นทางนักกีฬาจนถึงทุกวันนี้

“หนูชอบทะเลมาก ๆ อยากเล่นน้ำ ถ้าอยู่แต่บ้านจะหาเวลามายากเพราะว่าพ่อแม่ก็ทำงาน ส่วนเรื่องที่ทำให้รู้จักกีฬาวินด์เซิร์ฟ เพราะมันมีอยู่ใกล้ ๆ บ้าน มีสอนในโรงเรียนด้วย แล้วก็มี อ.ท่านหนึ่ง เขากำลังหานักกีฬาอยู่ เลยชวนหนูไปเล่น เราเองก็อยากลอง เลยไปพร้อมเพื่อน ครั้งแรกที่เล่นเหมือนยังเด็กก็ไม่เคยคิดถึงว่าจะต้องติดทีมชาติ”

“เด็กๆไม่เคยมองเรื่องความสวยงามเลยค่ะ เจอลมเจอแดดหนูทนได้หมด ขอแค่ได้เล่นกับเพื่อน พออยู่ทะเลบ่อย ๆ ก็ชิน โตขึ้นถึงเริ่มหัดทาครีมกันแดด ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นคนรักสวยรักงามก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก”

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเร็วแล้วจบไป

ครั้งหนึ่งในช่วงหลังติดเยาวชนทีมชาติใหม่ ๆ เธอเคยก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดในรุ่นมาแล้ว การันตีผลงาน ด้วยเหรียญทองเอเชียนยูธเกมส์ 2009 ต่อด้วย เหรียญทองยูธโอลิมปิก 2010 และเหรียญเงินเยาวชนโลก 2011

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ดูมีความหวังเพื่อต่อยอดในการเดินทางเส้นนี้ แต่หลังจากนั้นนอกจากเหรียญทองซีเกมส์ และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2014 แล้ว เธอไม่เคยขยับเข้าใกล้โพเดียมในเวทีระดับโลกอีกเลย จนกระทั่งได้ไปเปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล

หลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว เธอสามารถกลับไปยืนอยู่ในระดับโลกได้อีกครั้ง ปี 2017 กวาดแชมป์รายการใหญ่ได้ถึง 3 รายการ คือ แชมป์โลก, แชมป์เอเชีย และซีเกมส์ แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่เธอได้เรียนรู้ในปี 2016 จนทำให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง

โอลิมปิก 2016 โมเมนต์ที่เปลี่ยนให้ ดาว เป็นคนใหม่

ปี 2016 เธอควอลิฟายผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรกในชีวิต การแข่งในครั้งนั้นเธอจบอันดับ 18 จากทั้งหมด 26 คน ดาว บอกว่าเธอไปแข่งครั้งนั้นตื่นเต้นแต่ไม่ได้คาดหวังเรื่องเหรียญรางวัล แต่สิ่งทีเธอได้รับกลับคืนมานอกจากความภูมิใจที่ได้ร่วมแข่งขันแล้ว เธอยังได้ทัศนคติใหม่ ๆ ที่ทำให้เธอกล้าท้าทายตัวเองมากขึ้น

 “โอลิมปิกครั้งแรก 2016 ที่บราซิล สำหรับหนูมันเกินฝันมากๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำให้เต็มที่ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว แต่พอแข่งจบมันก็มีเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเราเล่นไม่ดี เล่นไม่ได้เลย แต่มีบางรอบที่เราเข้าอันดับดีมาก คือที่ 7 และที่ 2 ซึ่งไม่คิดว่าจะเข้าดีได้ถึงแม้ว่าเป็นแค่ 2 รอบแต่มันภูมิใจมากๆ”

 “หลังจากนั้นเราก็ได้ปรับเปลี่ยน อันดับแรกเลยคือเปลี่ยนความคิดตัวเอง พยายามมากขึ้น ตั้งใจมากขึ้นในทุก ๆ สนาม คิดตลอดเวลาแข่งขันว่าเราสู้ได้นะ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองก่อน ต่อให้ผลมันจะออกว่ายังไงเราถือว่าทำเต็มที่ ที่สุดแล้วค่ะ 

ปลุกความเชื่อมั่น

หลังจากปรับเปลี่ยนระบบการคิดของตัวเองใหม่ เธอก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งรีสตาร์ทกลับมาทำงานได้ไหลลื่นอีกครั้ง เพราะหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว เธอจูนเครื่องติดและกลับมายืนอยู่บนโพเดียมของความสำเร็จได้อีกครั้ง ในปี 2017 ถือว่าเป็นปีทองของเธอเลยก็ไม่ผิด จัดการกวาด 3 แชมป์รายการใหญ่ แชมป์โลก, แชมป์เอเชีย และซีเกมส์ 

“เพราะประสบการณ์โอลิมปิก 2016 ที่ทำให้เราโตขึ้นลบความกลัวต่าง ๆ ออกไปจากใจได้หมด ก่อนหน้านั้นเวลาแข่งเริ่มต้นไม่ดีก็มักจะถอดใจเร็วเกินไป เวลาเจอกับคู่แข่งที่เราไม่เคยชนะ ก็จะคิดแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเราไม่เคยชนะอยู่แล้ว เหมือนยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง เป็นความคิดที่ปลอบใจตัวเองก่อนจะแข่ง แต่พอคิดได้เราก็ไม่กลัวใครอีกแล้ว ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเข้าเส้นชัย ถึงจะเคยแพ้มาก่อนเราจะพยายามเพื่อเอาชนะเขาให้ได้”

“ถึงแม้จะชนะแค่บางรอบ แต่ก็แสดงว่ามีความสามารถสูสีกัน ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดและการฝึกซ้อม” แชมป์โลกวินด์เซิร์ฟ ปี 2017 ทิ้งท้าย

โอลิมปิกสมัยที่ 2 กับทัศนคติที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม

โอลิมปิก เกมส์ โตเกียว 2020 ดาวผ่านการควอลิฟายได้อีกครั้ง หนนี้ทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม จบในอันดับที่ 17 จากนักกีฬาทั้งหมด 27 คน แม้ต้องเจอกับสภาพอากาศลมแรงที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองก็ตาม

“โอลิมปิกครั้งที่2 ของดาว จบอันดับที่ 17 จาก 27 คน (โอลิมปิกครั้งแรกที่ริโอ จบอันดับที่18 จาก 26 คน) ดาวได้สู้เต็มที่ทุกรอบ แต่คลื่นลมอาจจะไม่เป็นใจซักเท่าไหร่ ดาวถนัดลมเบามากกว่า การแข่งขันครั้งนี้ ดาวรู้สึกพอใจในผลงานมาก ๆ ค่ะ ไม่เสียใจอะไรเลยเพราะดาวได้สู้เต็มที่ทุกรอบ ลมแรง คลื่นใหญ่ ดาวก็รู้สึกว่าตัวเองเล่นได้ดีขึ้น ปกติหางแถวเลยถ้าลมแรง ๆ เคยเล่นไม่จบก็มี ครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่สนุก ท้าทายมากๆ แถมได้โชว์ความสามารถเต็มที่ เพื่อน ๆ ต่างชาติก็ชมว่าเล่นลมแรงได้แล้วขอบคุณทุก ๆ กำลังใจนะคะ ไว้สู้ใหม่ครั้งต่อไปค่ะ” นี่คือสิ่งที่นักวินด์เซิร์ฟหญิงทีมชาติไทยโพสต์เอาไว้ในอินสตาแกรมของเธอหลังจบการแข่งขันโอลิมปิกสมัยที่ 2 ซึ่งเธอให้คำมั่นสัญญาว่าจะฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวสำหรับโอลิมปิกครั้งต่อไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2024

ปัญหาและอุปสรรคของนักกีฬาแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดอย่าดูถูกตัวเอง เมื่อลงแข่งขันพร้อมกัน แต่ละคนมีทุกอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเราเองผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนักเหมือนกับคนอื่น ทำไมเราจะต้องกลัวเขาด้วยล่ะ บทเรียนจากเรื่องราวของดาวแสดงให้เห็นแล้วว่าจงเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะการที่เราเอาชนะความกลัวในใจของตัวเองได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

เรื่องล่าสุด