หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมี่ยมอย่าง “เดนทิสเต้” (Dentiste) ที่นอกจากจะต้องการเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคคนไทยแล้ว ยังตั้งเป้าผลักดันแบรนด์สู่แบรนด์ระดับโลก (Global Brand) แต่การจะปลุกปั้นแบรนด์ไทยสู่แบรนด์ระดับโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีทั้งเรื่องความชอบ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทว่าสำหรับ เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กลับเชื่อว่า “ยิ่งท้าทาย ยิ่งต้องทำ” ในครึ่งปีหลังนี้ จึงวางแผนบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มอีก 3 ประเทศ “อังกฤษ-ฝรั่งเศส-อเมริกา” เพื่อก้าวสู่แบรนด์ระดับโลกให้ได้ภายใน 3 ปี
5 เดือนแรกตลาด ตปท. โต 100% ลุยปักหมุด 3 เมืองใหญ่
เพราะหมายมั่นดันแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก หรือออรัลแคร์สัญชาติไทยผงาดเป็น Global Brand ทำให้ เดนทิสเต้ ลุยทำตลาดต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายใน 17 ประเทศทั่วโลก และสร้างรายได้ให้บริษัทเป็นสัดส่วน 50% จากยอดขายรวมทั้งบริษัทคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท โดยมาจากประเทศเกาหลี 40% กัมพูชา 15% และที่เหลือ 45%
ขณะที่ยอดขายของเดนทิสเต้ในต่างประเทศใน 5 เดือนแรกของปีนี้ เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป จำกัด บอกว่า เติบโต 100% เมื่อเทียบกับ 5 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา โดยตลาดที่เติบโตมากคือ เกาหลี และญี่ปุ่น เพราะแคมเปญที่ทำประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งยังจ้างพรีเซนเตอร์ญี่ปุ่นมาทำตลาดและสร้างการจดจำแบรนด์ด้วยค่าตัวถึง 18 ล้านบาท
ส่งผลให้ Next Step การบุกตลาดในเวทีโลกจากนี้ เดนทิสเต้จึงวางแผนบุกต่อ แต่จะเน้นตลาดที่มีความท้าทายอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกาอย่างจริงจังมากขึ้น โดย เภสัชกร ดร.แสงสุข บอกว่า เหตุผลสำคัญที่เลือกทำตลาด 3 ประเทศนี้ เพราะต้องการปักหมุดเมืองใหญ่ ซึ่งหากทำได้สำเร็จตามแผน ก็หมายความว่าจะช่วยให้เดนทิสเต้ขยับสู่แบรนด์ระดับโลกได้สำเร็จ
“ผมไม่ค่อยเน้นตัวเลข ผมอยากโตในส่วนที่ผมอยากจะโต และอะไรที่สร้างความท้าทาย ผมจะทำ เช่น ตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ยาก โดยเฉพาะการพาแบรนด์ไทยไปเจาะตลาดในอังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกา”
ไม่เน้นทุ่มเงิน ขอเจาะตลาดแบบนิชมาร์เก็ต
หากพูดถึงการบุกตลาดอเมริกา ไม่ใช่ตลาดใหม่ เพราะเดนทิสเต้ได้เข้ามาทำตลาด 10 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ทำตลาดจริงจัง ทำให้ยอดขายยังน้อย ประมาณ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น ปีนี้จึงเริ่มรุกตลาดนี้มากขึ้น โดยเริ่มจากการศึกษาตลาดเชิงลึกว่าลูกค้าชอบผลิตภัณฑ์ไหม ส่วนการทำตลาด เภสัชกร ดร.แสงสุข ขอใช้วิธีเจาะตลาดเล็กๆ (Minority) หรือตลาดเฉพาะ (Niche Market) อย่างกลุ่มคนไทย กัมพูชา ลาว และเม็กซิกัน มากกว่าจะทุ่มเงินมหาศาลโปรโมทแบรนด์ เพราะคนกลุ่มนี้ในอเมริกามีอยู่ถึง 100 ล้านคน โดยเป็นคนไทยกว่า 9 แสนคน ลาว 2 ล้านคน เวียดนาม 4 ล้านคน และที่สำคัญคนกลุ่มนี้รู้จักคุ้นเคยกับแบรนด์เดนทิสเต้อยู่แล้ว โดยจะใช้ช่องทางดิจิทัลทำตลาด และแจกสินค้าตัวอย่าง
“ปกติตลาดออรัลแคร์ทั่วโลกจะพูดเรื่อง Functional เป็นหลัก แต่ยังไม่มีแบรนด์ไหนหยิบ Emotional มาพูด ซึ่ง Core Brand ของเดนทิสเต้คือ การสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภคทุกโมเมนต์ โดยจะดึงจุดแข็งนี้มาสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ผ่านอีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ” เภสัชกร ดร.แสงสุข บอกถึงวิธีการเจาะตลาดในอเมริกา
ส่ง 2 ผลิตภัณฑ์ ขยายฐานเจาะกลุ่ม Gen 40+
ส่วนการทำตลาดในไทย ครึ่งปีหลังนี้ เดนทิสเต้จะเน้นขยายตลาดใหม่ๆ ที่คนอื่นมองข้ามมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ กลุ่ม Gen 40+ หรือผู้บริโภคที่มีอายุ 40 ปีขึ้น เพราะคนเป็นกลุ่มมีปัญหาสุขภาพช่องปากหลายอย่าง ทั้งฟันสึก ฟันบาง เสียวฟัน ฟันกร่อน และเหงือกอักเสบ จึงต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสูง โดยจะเน้นรุกตลาด 2 ผลิตภัณฑ์ คือ Repaire และ Remin หลังจากได้วางตลาดไปก่อนหน้านี้ ผ่านการแนะนำของหมอฟัน รวมถึงบล็อกเกอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ควบคู่กับการจัดสัมมนาให้กับทันตแพทย์ เภสัชกร และร้านขายยา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE