Site icon บางแสน

ปักหมุดเที่ยวคาเฟ่สไตล์สุดชิคที่ชลบุรี

1-1.jpg

เมื่อพูดถึง ชลบุรี คิดว่าหลายคนคงเดินทางไปเที่ยวบ่อยมาก ด้วยโลเคชั่นที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ซึ่งชลบุรี ไม่ได้มีแค่ทะเล แต่ยังมีสถานที่พวกร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรม ใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นทางเลือกมากขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามเส้นทางท่องเที่ยวในแบบ Stylecation ชวนเที่ยวไทย..แบบที่ใช่สไตล์ที่ชอบ ซึ่งตามโปรแกรมการเดินทางจะพาไปคาเฟ่ 4 ร้าน ที่มีหลากหลายสไตล์เหมาะมากกับใครที่หลงใหลการเสพบรรยากาศของคาเฟ่ที่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหาร มุมถ่ายรูปสวยๆ  ชักช้าอยู่ใยแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวชลบุรีกัน

เริ่มกันที่ อ.บางละมุง หลายคนอาจจะไม่คุ้นว่าอยู่ส่วนไหนของชลบุรี แต่ต้องถึงบางอ้อแน่นอนเมื่อเอ่ยถึงเมืองพัทยา เทศบาลนครแหลมฉบัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นของบางละมุง แหล่งชุกชุมของสถานที่เที่ยวบันเทิง ร้านอาหารมากมาย เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เรียกได้คักคักตลอดทั้งวันทั้งคืน

บรรยากาศร้านร้ 3 Mermaids Cafe & Restaurant

เรามาถึงร้าน 3 Mermaids Cafe & Restaurant ร้านที่ใช้ธีมนางเงือก ในการตกแต่งให้บรรยากาศภายในเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกใต้ท้องทะเล ตรงส่วนกลางร้านเรียกได้เป็นไฮไลท์เพราะมีการสร้างประติมากรรมนางเงือก ใบหน้ารูปไข่ ผิวสีขาวนวล แต่งแต้มพวงแก้มสีชมพูสดใส คิ้วโก่งโค้งรับกับดวงตากลมโตสีฟ้า ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ส่วนผมนั้นถูกรังสรรค์เป็นสีเขียวประดับด้วยดอกไม้สีชมพู ทำให้ดูมีความลึกลับ แต่สัมผัสได้ถึงความใจดี ด้วยมือที่ยื่นออกมาคอยต้อนรับลูกค้า ซึ่งรูปปั้นนางเงือกนี้ สามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนมือได้ด้วยนะ บรรยากาศภายในร้านบอกเลยว่าคนค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่ชอบตรงที่ร้านมีการแบ่งสัดส่วนของมุมคาเฟ่ มุมร้านอาหารก็มีให้เลือกแบบในห้องแอร์ หรือด้านนอกที่จะเป็นรังนก รับบรรยากาศของลมทะเล เพราะทำเลร้านคือติดทะเลเลยจ้า

โซนรังนก นั่งทานพร้อมรับลมทะเลเย็นๆ

ช่วงค่ำใครยังไม่รู้จะไปไหนดี แต่มาทะเลทั้งทีหากอยากเปิดประสบการณ์ตกหมึก ให้ลองไปที่  Tappia Floating Cafe Pattaya เป็นคาเฟ่ในรูปแบบของแพลอยน้ำซึ่งต้องนั่งเรือสปีดโบ๊ทจากท่าลงเรือแหลมบาลีฮายเพียง 10 นาทีก็ถึง เราเลือกมาเวลากลางคืนที่มีปรอยฝนพร่ำลงมานิดๆ รับกับลมทะเลที่พัดโชยเข้ามาเย็นสบาย ในร้านแบ่งเป็นชั้นล่าง ที่มีมุมบาร์ ดนตรีสด และชั้นบนที่นั่งชิวๆ เห็นวิวแบบ 360 องศา มีหลากหลายมุมให้เลือกนั่ง

มุมตกหมึกที่ Tappia Floating Cafe Pattaya จะนั่งหรือจะยืนก็ตามสะดวก
มุมถ่ายรูปร้าน Tappia Floating Cafe Pattaya

ส่วนคณะเราไม่รีรอตรงดิ่งไปที่กิจกรรมตกหมึกทันที เจ้าหน้าที่ที่ดูแลก็สอนวิธีใช้เบ็ดซึ่งง่ายกว่าที่คิด แต่กระแสน้ำค่อนข้างแรง ทำให้มีโอกาสที่หมึกจะไม่ติดเบ็ด ไม่ลองก็ไม่รู้เลือกมุมที่ถูกใจหย่อนเบ็ดลงไป จากนั้นก็กระตุกเบ็ดเป็นจังหวะๆ เวลาผ่านไปได้สักพักเราก็ได้ยินเสียงปรบมือเมื่อคนในคณะตกหมึกได้แล้ว จากนั้นทางร้านก็จะนำไปจัดการนำมาเสิร์ฟเป็นหมึกซาชิมิ รสชาตินี่บอกเลยว่าสด อร่อย หวานกรุบกรอบ  ลิ้มรสหมึกสดกันจนอิ่ม เราก็พร้อมเข้านอนที่ โรงแรมดีวารี จอมเทียน โรงแรมเก่าที่มีความเก๋า เพราะการรีโนเวทใหม่ วิวทะเล และราคาจับต้องได้

เมนูซาชิมิหมึกสด อันโอชะ

เช้าอีกวัน เราจะมุ่งหน้าไปยังในตัวเมืองชลบุรี เพื่อไปร้านคาเฟ่ยอดฮิตที่อินฟลูเอนเซอร์  อินสตาแกรมเมอร์ทั้งหลายนิยมมาถ่ายรูปสวยๆ อวดความน่ารักบนโซเชียล เริ่มกันที่ร้าน Nomisuke Ramen ตั้งบนหาดวอนนภาบางแสน ทำเลร้านอยู่ตรงมุมถนนพอดี  เป็นร้าน Outdoor ที่มีการตกแต่งแนวคล้ายกับเราอยู่บนถนนในประเทศญี่ปุ่น ทั้งป้ายจราจร ตัวอักษร  ถ่ายรูปได้เพลินๆ ส่วนอาหารก็ทั้งประเภทกินเล่น  หรือเป็นพวก ราเมน และเครื่องดื่ม จะบอกว่าเรามาวันธรรมดาคนอาจจะบางตา แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือช่วงวันหยุดยาว อาจจะต้องหาช่วงเวลาเหมาะมาเลยนะ เพราะคนจะเยอะมาก

ร้านคาเฟ่ญี่ปุ่น Nomisuke Ramen สไตล์คาวาอิเนะ
เดินข้ามถนนญี่ปุ่น ที่หาดวอนนภา บางแสน

ไปต่อกันที่ LOF LAND คาเฟ่แห่งใหม่ล่าสุดของชลบุรีที่มาแนวคิด ประตูวาร์ปสู่ดินแดนมหัศจรรย์ กับการเนรมิตพื้นที่ผสมผสานธรรมชาติ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ซึ่งโซนการก่อสร้างของโครงการมีหลัก 6 โซน A-F บนพื้นที่กว่า 24 ไร่ ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จเพียงโซน A ที่จัดเป็นคาเฟ่ทะลุสู่โลกอวกาศ ซึ่งโซนต่างๆก็คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในปี 2566-2567 นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความเป็นโลกเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ

ประตูทางเข้าพาเราสู่โลกอวกาศ
การออกแบบประตูแบบที่อยู่ในยานอวกาศ

กลับมาที่โซน A เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าทางเดินลงค่อนข้างลาดชัน ต้องระมัดระวังอาจจะล้มได้ ที่นี่นับว่าบรรยากาศดี พื้นที่โล่งปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี ตัดกับภาพวิวเบื้องหน้าที่เป็นแกรนด์แคนยอนคีรี หรือ แกรนด์แคนยอนชลบุรี ซึ่งเป็นเหมืองเก่าอายุกว่า 100 ปี มุมยอดฮิตที่จะพลาดไม่ได้คือ มุมหน้าผาจำลองที่มีน้ำตกไหลลงมา พร้อมกับหินผาทอดยาว อีกจุดคือยานอวกาศ ที่มีการสร้างให้เป็นห้องน้ำ หากมองผิวเผินคือไม่รู้เลยว่าเรากำลังเข้าห้องน้ำอยู่ในยานอวกาศ คลายร้อนดับกระหายที่มุมคาเฟ่เล็กๆ ก่อนจะเดินทางกันต่อ

มุมถ่ายรูปกับห้องน้ำ

มายังจุดสุดท้ายที่ ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เสริมมงคลก่อนกลับเมืองกรุง ศาลเจ้าแห่งนี้มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมลวดลายแบบจีน หลังคาเป็นเชิงซ้อนลดหลั่นลงมาตามระดับ ด้านบนประดับมังกร ลวดลายของเสาคือมังกร ตัวยาวที่เลื้อยพันรอบเสาสวยงาม ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือ วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ซึ่งมีนัยความหมายว่าเป็นที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลาย ความอลังการของวิหาร นอกจากการตกแต่งด้วยลวดลายที่พริ้วไหวดังสายน้ำ สีสันจัดจ้านที่เป็นมงคลแล้ว ยังมีการประดับด้วยรูปปั้นมังกรมากถึง 2,840 ตัว ที่เราจะเห็นตามกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดิน งดงาม ตรงกลางคือรูปปั้นขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ สีทองอล่าม และเทพเจ้าจีนองค์ต่างๆที่ประดิษฐานอยู่ในอาคารที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกกราบไหว้ได้ตามศรัทธา

มุมหน้าหน้าหินจำลอง
ร้านคาเฟ่น่ารักๆ
ทิวทัศน์แกรนด์แคนยอนชลบุรี
ผาหินถ่ายรูปเก๋ๆ

จบทริปแบบชิวๆ เอาจริงชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่มาได้ทุกครั้งทุกโอกาส และเลือกเที่ยวได้ตามสไตล์ ยิ่งใครที่ชอบเที่ยวแบบสโลวไลฟ์ ไปเรื่อยๆชอบนั่งคาเฟ่ ปักหมุดมาชลบุรีได้เลย

ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ
บรรยากาศในศาลเจ้า

Exit mobile version