เข้าสู่วันที่ 4 ของการระดมค้นหากำลังพล 23 ชีวิตที่สูญหายจากเหตุ ร.ล.สุโขทัย สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 ถูกคลื่นซัดอับปางห่างฝั่ง 19 ไมล์ทะเล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. กำลังพลทั้ง 105 นาย กลับบ้านไปแล้ว 58 นาย รักษาตัวที่โรงพยาบาล 18 นายเสียชีวิต 6 นาย แพทย์และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจยืนยันอัตลักษณ์เรียบร้อยแล้ว เตรียมมอบศพให้ญาติรับกลับไปประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ ส่วนกองทัพเรือส่ง ร.อ.บางระจัน พร้อมยานสำรวจใต้น้ำ Sea Fox ลงพื้นที่สำรวจและถ่ายภาพใต้น้ำจุดเรือจมเตรียมวางแผนกู้เรือ ขณะที่ญาติผู้สูญหายยังเกาะติดการค้นหาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังว่าจะพบร่างผู้สูญหายหรือพบผู้รอดชีวิตเพิ่ม
ญาติเครียดยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22ธ.ค. ที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย บริเวณท่าเรือประจวบฯ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ญาติผู้สูญหายกว่า 50 คน มาปักหลักรอฟังผลการค้นหาผู้สูญหายตั้งแต่เช้า เจ้าหน้าที่จัดให้นั่งแยกกันเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มญาติกำลังพล ร.ล.สุโขทัย กลุ่มญาตินาวิกโยธินและทหารกองเรือยุทธการชายฝั่ง แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าสลด และส่วนใหญ่มีผู้มีสีหน้าวิตกกังวล เนื่องจากการค้นหาผู้สูญหายดำเนินการมาเป็นวันที่ 4 แต่ยังไม่มีวี่แววจะพบผู้สูญหายเพิ่มเติม ส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือติดตามข่าวสารจากสื่อโซเชียลและคนใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง มีเจ้าหน้าที่ชุดเยียวยาจิตใจจากกรมสุขภาพจิตเข้าไปพูดคุยเพื่อให้คลายกังวล
ทหารสำรวจพื้นที่เก็บข้อมูลกู้เรือ
ขณะเดียวกัน ร.ล.บางระจันที่มาพร้อมกับยานสำรวจใต้น้ำ “Sea Fox” เดินทางมาจากกองบังคับการ ป้อมพระจุลฯ จ.สมุทรปราการ ถึงยังท่าเรือประจวบฯตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ กระทั่งเวลา 08.00 น. เคลื่อนเรือออกไปยังจุดที่ ร.ล.สุโขทัยอับปางลงกลางทะเลอ่าวไทย ปฏิบัติการสำรวจพื้นที่ และสภาพ ร.ล.สุโขทัยที่จมอยู่ใต้น้ำ เพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาวางแผนกู้เรือต่อไป
ระดมค้นหาถึงสุราษฎร์ธานี
พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) เปิดเผยว่า กองทัพเรือปรับแผนค้นหาผู้สูญหายใช้ ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.กระบุรี ร.ล.นราธิวาส เรือ ต.114 เรือ ต.270 เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือและสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวม 6 ลำ อากาศยานไร้คนขับ UAV 1 ระบบ และกำลังสนับสนุนจาก ศรชล.ภาค 1 ที่ส่งเรือและเจ็ตสกีมาร่วมค้นหาอีกกว่า 10 ลำ ขยับแนวรัศมีการค้นหาลงไปทางใต้ถึงพื้นที่เขต อ.หลังสวน จ.ชุมพร รอยต่อ จ.สุราษฎร์ธานี
ญาติร่ำไห้บวงสรวงหวังพบที่เหลือ
ที่ชายทะเลแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากท่าเรือประจวบฯราว 3 กม. ญาติของพลฯชัยชนะ ช่างวาด 1 ในผู้สูญหาย ตั้งโต๊ะบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางทะเลให้เปิดทางให้พบพลฯชัยชนะ น.ส.อรพรรณ ทองสา ลูกพี่ลูกน้องของพลฯชัยชนะ หรือเบส กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนและครอบครัวอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พี่ชายเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับครอบครัวตนตั้งแต่เล็กๆ เป็นคนตัวเล็กขี้หนาว ว่ายน้ำไม่แข็ง ไม่รู้ว่าหลังเป็นทหารแล้วว่ายน้ำเก่งหรือยัง ใกล้ปลดประจำการแล้ว อยากรับราชการทหารเรือต่อเพื่อเป็นนายสิบ ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันคือช่วงก่อนขึ้นเรือจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยกระทั่งทราบข่าวตนและครอบครัวมาติดตามข่าวที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย ตั้งแต่วันแรก “ที่มาทำพิธีวันนี้เพราะไม่สามารถขึ้นเรือ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยค้นหาได้ มันหลายวันแล้วเราเป็นห่วงพี่มาก วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ และยังหวังจะได้พบพี่” น.ส.อรพรรณร่ำไห้ทิ้งท้ายอย่างกลั้นอารมณ์ไม่อยู่
กำลังกว่า 500 คนค้นหาต่อเนื่อง
ที่ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค อาทิ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จ.ชุมพร ชุดปฏิบัติการ V DL กรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ กองการบินทหารเรือ มณฑลทหารบกที่ 44 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 หน่วยกู้ภัยปะทิว หน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี เจ็ตสกีผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมพร 20 ลำ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง กว่า 500 คน ระดมกำลังออกค้นหาผู้สูญหายทั้งทางบกและทางทะเลมากตลอดแนวชายฝั่ง จ.ประจวบ คีรีขันธ์ จนถึง จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทางกว่า 222 กม. เป็นวันที่ 2 ใช้โดรน เรือตรวจการณ์ และเฮลิคอปเตอร์ของทหารและ ตชด. รวม 3 ลำ ช่วยค้นหาทางอากาศ ขณะเดียวกัน เรือประมงเอกชนราว 50 ลำ ร่วมค้นหาตามแนวชายฝั่ง โดยเรือประมงน้ำลึกที่ออกหาปลาในพื้นที่นับพันลำ พร้อมช่วยสอดส่องผู้สูญหายในทะเล
เรือประมงพบโดมเรดาร์เรือ
ต่อมา น.ส.ราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแม รับแจ้งจากเครือข่ายชาวประมงพบทุ่นกลมสีขาวขนาดใหญ่น้ำหนักร่วม 10 ตัน ลอยอยู่กลางทะเลเขตรอยต่อ อ.ละแม กับ อ.หลังสวน ห่างจากฝั่งกว่า 10 กม. และห่างจากจุด ร.ล.สุโขทัยอับปาง ประมาณ 80 กม. พร้อมส่งภาพทางไลน์มาให้ดู ตรวจสอบพบว่าเป็นโดมเรดาห์ขนาดใหญ่มีระบบสื่อสารและเครื่องอิเล็กทรอนิกส์อยู่ภายใน ติดตั้งบนยอดเสา ร.ล.สุโขทัย รายงานให้นายอำเภอละแมและหน่วยงานเกี่ยวข้องทราบ เรือประมงกำลังลากโดมเรดาห์ดังกล่าวเข้าฝั่งที่ปากน้ำหลังสวน คาดจะมาถึงในช่วงเย็น นอกจากนี้ยังพบแพชูชีพ 1 แพ ลอยทะเลหน้าอำเภอละแม ห่างฝั่ง 15 กม. ชาวประมงนำมาไว้ที่คลองละแมแล้ว
เจอแต่อุปกรณ์ชูชีพไม่พบร่าง
นายสุวรรณเนาว์ แสนสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร กล่าวว่า เมื่อช่วงสายได้รับแจ้งจากเรือประมงพบแพชูชีพ 1 แพ ลอยอยู่บริเวณหลักแก๊สใกล้เกาะกุลา อ.สวี ห่างจุดเรืออับปางประมาณ 50 กม. และพบเสื้อชูชีพ 1 ตัว ลอยห่างแพชูชีพราว 500 เมตร ตรวจสอบพบว่าเป็นของ ร.ล.สุโขทัย เก็บไว้เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป รายงานแจ้งอีกว่าเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. เรือประมงอวนลาก พบแพชูชีพ 1 แพ มีข้อความว่า “ร.ล.สุโขทัย NO.3” ลอยกลางทะเลห่างฝั่ง อ.ละแม ประมาณ 20-30 กม. เรือประมงอีกลำพบแพชูชีพ 1 แพ ลอยอยู่ใกล้เกาะพิทักษ์ อ.หลังสวน และในตอนค่ำ นายศราวุธ พัดทรัพย์ ประธานกู้ชีพกู้ภัยปะทิว สมาคมนักข่าว จ.ชุมพร พบกางเกงวอร์มสีกรมท่าแถบสีแดงและหมวกสีดำ ถูกคลื่นซัดติดหาดทุ่งซาง อ.ปะทิว ทำให้มียอดพบแพชูชีพในพื้นที่ จ.ชุมแพ รวม 4 แพ เสื้อชูชีพ 1 ตัว โดมเรดาห์ 1 โดม ยังไม่พบผู้สูญหายแม้แต่รายเดียว
พบศพเน่าเฟะลอยทะเลสุราษฎร์
เช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก.สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งจากชาวประมงพบศพลอยติดอยู่บริเวณเกาะเสร็จ ต.พุมเรียง นำกำลังพร้อมประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา ไปสอบสวน พบศพลอยอยู่ห่างเกาะเสร็จ 4 กม. นำศพเข้าฝั่งเพื่อตรวจสอบพบผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วนานกว่า 10 วัน พ.ต.อ.อรุณพงษ์กล่าวว่า ศพที่เจอเชื่อว่าเป็นศพเดียวกับที่ได้รับแจ้งจากชาวประมงเมื่อเช้าวานนี้ แต่สภาพอากาศมีคลื่นสูงลมแรง ทำให้การค้นหาและกู้ร่างไม่สำเร็จ ส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.ไชยา รอญาติมาติดต่อเพราะไม่พบเอกสารประจำตัวใดๆ
ฟันธงไม่ใช่ศพ ทร.ที่สูญหาย
พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.1 กล่าวถึงศพที่พบบริเวณแหลมซุย-เกาะเสร็จ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ว่า จากการตรวจพิสูจน์ศพที่พบนั้นไม่ใช่ร่างของกำลังพลผู้สูญหาย เนื่องจากผู้เสียชีวิตรายนี้คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 8 วันแล้ว และเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตไม่ใช่เครื่องแบบของทหารด้วย ส่วนแผนการค้นหาจะขยายวงกว้างไปถึงพื้นที่ของทัพเรือภาคที่ 2 และ 3 ใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นไปตามการคำนวณของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ หรือ “ซาร์แมพ” มีความเป็นไปได้ที่ผู้สูญหายลอยไปถึงพื้นที่โซนนั้น เนื่องจากพบอุปกรณ์ภายใน ร.ล.สุโขทัยลอยไปถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร เช่น โดมโซนาร์ที่ติดบนหัวเรือ เสื้อชูชีพรวมถึงแพชูชีพที่ส่งจากเฮลิคอปเตอร์ตั้งแต่วันแรก เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้เกาะ แต่ยังไม่พบกำลังพลที่สูญหายอยู่บริเวณโดยรอบแต่อย่างใด
แบ่งโซนค้นหา 11 พื้นที่
ด้าน พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงแผนการปฏิบัติการค้นหากำลังพล ร.ล.สุโขทัยที่อับปาง ว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือสั่งการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานและประสานกองทัพอากาศ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และหน่วยงานอื่นๆเข้าร่วมค้นหา พื้นที่ปฏิบัติการคำนวณจากทิศทางกระแสน้ำ กระแสลม บริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพล ร.ล.สุโขทัย แบ่งพื้นที่ปฏิบัติการเป็น 11 พื้นที่ มีเรือและอากาศยานรับผิดชอบค้นหาดังนี้ ร.ล.ตากสิน อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 5 ร.ล.นเรศวร พื้นที่ค้นหาที่ 9 และทำหน้าที่ควบคุมอากาศยาน ร.ล.กระบุรี พื้นที่ค้นหาที่ 10 และ 11 ร.ล.นราธิวาส พื้นที่ค้นหาที่ 12 เรือ ต.114 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง เรือ ต.270 พื้นที่ค้นหาที่ 14 ส่วนปฏิบัติการของอากาศยาน มีเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย ของทัพเรือภาคที่ 1-3 ค้นหาในพื้นที่ 6 และ 10 มีเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำซีฮอว์ค และเฮลิคอปเตอร์ EC-725 ส่งกำลังบำรุงพื้นที่ปฏิบัติการ
ตัวเลขสูญหายนิ่งอยู่ 23 ราย
พล.ร.อ.ปกครองกล่าวว่า นอกจากนี้มีกำลังทางเรือของหน่วยงานต่างๆใน ศรชล.ได้แก่ ตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง ร่วมปฏิบัติการค้นหาพื้นที่บริเวณชายฝั่ง ส่วนการสำรวจใต้น้ำ กองทัพเรือสั่งการให้กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการนำยานสำรวจใต้น้ำของร.ล.บางระจัน บันทึกภาพใต้น้ำ บริเวณ ร.ล.สุโขทัยอับปาง ค้นหาร่างกำลังพลที่อาจติดค้างอยู่ในเรือ และตรวจหารอยรั่วของน้ำมันที่อาจเกิดการรั่วไหล สรุปยอดกำลังพลบน ร.ล.สุโขทัย จำนวน 105 นาย ช่วยเหลือได้ 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย สูญหาย 23 นาย
น้ำตานองรับร่างทหารกล้า
เที่ยงวันเดียวกัน ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธา ธรรมสถานบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานที่พิสูจน์อัตลักษณ์กำลังพลทั้ง 6 นาย ได้แก่ ร.ท.สามารถ แก้วผลึก ตำแหน่งสรั่งกล ร.ล.สุโขทัย พ.จ.อ.อัชชา แก้วสุพรรณ์ ช่างโซนาร์ ร.ล.สุโขทัย พ.จ.อ.อำนาจ พิมที สังกัด สอ.รฝ. จ.อ.จักร์พงศ์ พูลผล ช่างโซนาร์ ร.ล.สุโขทัย พลฯอัครเดช โพธิ์บัติ พลเรือ ร.ล.สุโขทัย และ พ.จ.อ.สมเกียรติ หมายชอบ สังกัดกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งพิสูจน์อัตลักษณ์และชันสูตรเสร็จสิ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 ธ.ค. แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำทั้งหมด ญาติผู้เสียชีวิตมีสีหน้าเศร้าสลด น้ำตาคลอเบ้า นำหลักฐานมาติดต่อขอรับศพ หนึ่งในนั้นคือภรรยาของ พ.จ.อ.อำนาจ ที่มาพร้อมกับลูกชายเป็นทหารเรือ เดินกอดภาพผู้ตายด้วยสีหน้าเศร้าซึมเข้าไปยื่นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ขอออกใบมรณบัตร พอเจ้าหน้าที่มอบสิ่งของติดตัวผู้ตาย ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จากนั้นญาติๆถือภาพถ่าย กระถางธูป เดินนำร่างผู้เสียชีวิต บรรจุในโลงสีขาว คลุมด้วยธงชาติ ขึ้นรถตู้ของมูลนิธิรวม 6 คัน มีรถตำรวจทางหลวงนำขบวนเดินทางไปยังกองบิน 5 โดยทหารกองเกียรติยศพร้อมพระสงฆ์ 3 รูปเดินนำหีบศพขึ้นเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ เดินทางไปยังสนามบินอู่ตะเภา
“บิ๊กตู่” บินด่วนร่วมพิธีรับศพสมเกียรติ
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเฮลิคอปเตอร์ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ผู้นำหน่วยกำลังรบทางเรือ นายธวัชชัย ศรีทอง ผวจ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อนทหาร และประชาชน เฝ้ารอรับร่าง 6 วีรชนทหารเรือถูกลำเลียงโดยเครื่องบิน C-130 บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ กองทัพเรือได้จัดทหารกองเกียรติยศให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ชักแถวลำเลียงโลงศพลงจากเครื่องบิน ขึ้นท้ายรถฮัมวี่ เดินทางสู่ฌาปนสถาน กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืน ผู้เสียชีวิตทั้งหมดได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ปลอบญาติให้รออย่างมีความหวัง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐ มนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลและครอบครัวผู้สูญหายในศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพล ร.ล.สุโขทัย บริเวณสโมสรสัญญาบัตร กองเรือยุทธการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้สูญหาย ว่าได้ติดตามข่าวตั้งแต่วันแรก รัฐบาลและกองทัพเรือจะให้ความช่วยเหลือในการค้นหาผู้สูญหายอย่างเต็มที่ ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตจะช่วยเหลือตามสิทธิที่จะได้รับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากให้ทุกครอบครัวรอคอยการค้นหาอย่างมีความหวัง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ เพื่อร่วมในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพกำลังพล 6 นาย
นายกฯ ประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ
ที่ฌาปนสถานกองทัพเรือ เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประกอบพิธีหลวงอาบศพทหารเรือกล้าทั้ง 6 นาย มีนายธวัชชัย ศรีทอง ผวจ.ชลบุรี เป็นผู้อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ไปวางหน้าหีบศพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์และวงศ์ตระกูล ก่อนประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพ มีผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ครอบครัว และเพื่อนทหารร่วมพิธีอย่างคับคั่งนับร้อยคน
ก้าวไกลจี้ถามเรือหลวงอับปาง
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดของนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางทะเลว่า มีไทม์ไลน์ตั้งแต่เวลา น้ำเข้าเรือจนถึงเรือจมสู่ท้องทะเลอย่างไร อุปกรณ์การช่วยเหลือให้กำลังพลรอดชีวิตมีอะไรบ้าง ขอความช่วยเหลือหน่วยงานใดบ้าง มีภารกิจจำเป็นอะไรต้องออกเรือช่วงเวลามรสุม ใครต้องรับผิดชอบกับการสูญเสียกำลังพล
แจงคลื่นแรงช่วยเหลือลำบาก
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 18 ธ.ค. ศูนย์อำนวยการกองทัพเรือได้รับรายงานการเกิดเหตุ วันดังกล่าวสภาพอากาศคลื่นลมแรง มีน้ำเข้ามาตัวเรือบางส่วน ส่งผลไปถึงเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ไม่สามารถควบคุมเรือได้ น้ำเข้าตัวเรืออย่างรวดเร็ว เวลา 18.40 น. เรือเอียง 60 องศา สั่งการให้เข้าช่วยเหลือ แต่สภาพคลื่นลมเวลานั้น ทำให้เรือกระบุรีถึงเรือหลวงสุโขทัยเวลา 20.40 น. ส่วนอุปกรณ์ช่วยชีวิตเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ชูชีพส่วนบุคคล แพชูชีพ แต่แพชูชีพปล่อยไม่ได้เพราะคลื่นทะเลแรง เฮลิคอปเตอร์ที่ไปช่วยก็ทำได้ยาก เพราะเรือและเสากระโดงโคลงเคลง การตั้งข้อสังเกตเรือหลวงสุโขทัยมีเสื้อชูชีพครบหรือไม่ ได้สั่งให้ตรวจสอบชี้แจงต่อสังคม
โวยนายกฯไม่เหลียวแลกำลังพล
จากนั้นเป็นกระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีกรมอุตุนิยมวิทยา มีหน้าที่พยากรณ์อากาศ แต่เรือหลวงสุโขทัยออกเดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ 1 วัน ก่อนเกิดเหตุการณ์ และวันเกิดเหตุ 18 ธ.ค. ที่มีคลื่นลมสูงถึงสเต็ป 6 ต้องถามว่า กองทัพเรือ เหตุใดปล่อยเรือรบหลวงสุโขทัยออกมาลาดตระเวน เพราะไม่มีความจำเป็น ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยาได้เตือนหรือไม่ว่า มีพายุ คลื่นลมขนาดใหญ่ เพราะไม่ได้มีเฉพาะเรือหลวงที่ล่ม มีเรือพาณิชย์และเรือประมง 2-3 ลำ ที่ล่มในเหตุการณ์นี้ สาเหตุที่เครื่องยนต์ดับ มาจากเครื่องยนต์ที่ใช้ปั่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเอ็มทียู เป็นเรื่องรุ่นเดียวกับที่จะใส่ในเรือดำน้ำลำแรก ที่กำลังต่ออยู่ในประเทศจีน อยากถามว่า ขนาดเรือที่อยู่บนน้ำยังเกิดความสูญเสียขนาดนี้ ถ้าใต้น้ำใครจะรับผิดชอบ ตั้งแต่เกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยไปเยี่ยมกำลังพล ตรวจดูสถานการณ์ เหตุใดนายกฯไม่สนใจเรื่องนี้
โต้แทน “บิ๊กตู่” ไม่ทอดทิ้งลูกน้อง
พล.อ.ชัยชาญชี้แจงว่า เรือหลวงสุโขทัยอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมีภัยพิบัติทางทะเล กองทัพเรือต้องส่งเรือหลวงที่มีประสิทธิภาพไปช่วยเหลือประชาชนที่อาจประสบภัยพิบัติทางทะเล ก่อนออกปฏิบัติการกองทัพเรือศึกษาสภาพอากาศ วางแผน ประเมินสถานการณ์ว่า ปฏิบัติภารกิจได้หรือไม่ เมื่อประเมินแล้วสามารถปฏิบัติภารกิจได้ แต่เมื่อพบคลื่นลมแรง พยายามหลบลมแรง แต่ด้วยสภาพอากาศ เรือจึงไม่ได้เข้ามาในพื้นที่บางสะพาน ส่วนเรื่องเครื่องผลิตไฟฟ้าเอ็มทียูบนเรือหลวงสุโขทัยที่เป็นรุ่นเดียวกับที่จะใส่ในเรือดำน้ำนั้น กองทัพเรือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นเอ็มทียูของจีน ทางกองทัพเรือได้ตั้งคณะกรรมการศึกษารายละเอียดถึงประสิทธิภาพของเครื่อง เพื่อมาวิเคราะห์อีกครั้ง จะต้องได้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้ในเรือดำน้ำ ส่วนการไปเยี่ยมกำลังพลและติดตามสถานการณ์นั้น นายกฯได้ติดตามสั่งการตลอดให้ดูแลชีวิตและความปลอดภัยกำลังพลกองทัพเรือทุกคน มอบหมายให้ตนติดตามสถานการณ์ เยี่ยมครอบครัวกำลังพลและช่วยเหลือ
เสนาธิการ ทร.แจงเป็นเหตุสุดวิสัย
บ่ายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการทหาร (กมธ.ทหาร) สภาผู้แทนราษฎร พิจารณากรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เชิญ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ. หลังการประชุม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และโฆษก กมธ.ทหาร กล่าวว่า กมธ.ขอข้อมูลบันทึกการซ่อมบำรุงย้อนหลังของเรือหลวงสุโขทัย การใช้งบประมาณซ่อมแซม บันทึกข้อมูลการประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้การเรือหลวงสุโขทัย ในวันที่ 18 ธ.ค.จนถึงเวลาเรืออับปาง ข้อมูลอุทกศาสตร์และบันทึกจำนวนชูชีพย้อนหลัง 7 วัน มีเพียงพอต่อกำลังพลหรือไม่ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเรือพังจากจุดใดต้องกู้เรือให้ได้ก่อน เสนาธิการทหารเรือชี้แจงว่า เป็นเหตุสุดวิสัย เพราะคลื่นสูง 4-5 เมตร มีการประคับประคองเรือถึงที่สุดแล้ว
ปูดกองทัพมีคำสั่งห้ามเรือจม
นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า กองทัพเรือยังชี้แจงถึงการเข้าช่วยเหลือของเรือหลวงกระบุรีและเรืออื่นๆว่า ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้เพราะคลื่นสูงมาก ผู้การเรือหลวงสุโขทัยแจ้งว่า เรือเอียง 60-80 องศา การอยู่บนเรือจะปลอดภัยกว่าอยู่บนผิวน้ำ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ก็บินต่ำไม่ได้เพราะลมแรง จากการประเมินเบื้องต้น ผบ.ทร.ผู้การเรือหลวงสุโขทัย มีความเป็นห่วงตัวเรือมากพอสมควร เพราะในกองทัพเรือมีคำสั่งว่าเรือจมไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรือหลักกองทัพ ทำให้กำลังพลและผู้การเรือหลวงสุโขทัยปกป้องเรือจนลืมคิดถึงชีวิตตัวเอง โอกาสที่กำลังพลที่สูญหายจะมีชีวิตรอดคงมีน้อยเพราะผ่านมาหลายวัน แม้มีเสื้อชูชีพแต่การทำงานอาจมีประสิทธิภาพต่ำ ลงอุณหภูมิน้ำทะเลหนาวเย็น แต่ภาวนาให้พบผู้รอดชีวิต
ทร.โต้ไม่มีคำสั่งห้ามเรือจม
พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวเรื่องกำลังพลที่อาจติดอยู่ในเรือที่อับปางว่า จากการตรวจสอบก่อนที่เรืออับปางกำลังพลทั้งหมดขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่ไม่จมน้ำแล้ว ขณะนี้หมู่เรือที่เข้าไปสำรวจและกู้เรือไปถึงพื้นที่แล้ว ได้ส่งยานลงไปสำรวจความเสียหายและค้นหากำลังพลที่อาจถูกพลังน้ำดูดลงไป ส่วนการสำรวจจุดที่เรืออับปาง ได้แบ่งพื้นที่สำรวจกว้างยาว 20 ไมล์ทะเล ใช้อากาศยานเป็นเครื่องมือหลักลาดตระเวน พบสิ่งของที่มาจากเรือหลวงสุโขทัยและซากเรืออื่นๆ เป็นการพิสูจน์ว่า การค้นหามีทิศทางถูกต้องจะดำเนินการต่อไป ส่วนการตั้งคณะกรรม การตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น กำลังดำเนินการอยู่ ต้องทำให้ความจริงปรากฏถึงสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ตั้งแต่รับราชการมา 35-36 ปี ไม่เคยเจอเหตุลักษณะนี้ เมื่อถามว่า เหตุเรือสุโขทัยอับปางมีคำสั่ง “นาย” ไม่ให้เรือจมใช่หรือไม่ พล.ร.อ.ชลธิศตอบว่า ไม่จริง ในขั้นนี้จะเสนอข้อเท็จจริงเท่านั้น ความเห็นต่างๆไม่ขอพูดถึง