หลังนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ จากพรรคภูมิใจไทย ออกมาสร้างกระแสกดดันขู่ถอนตัวจากรัฐบาลหากร่าง พ.ร.บ.กัญชงกัญชาไม่ผ่าน จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกอาการไม่พอใจ ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องรีบเบรกว่าให้ฟังจากปากหัวหน้าพรรคเท่านั้น
“ลุงป้อม” ท้องเสียลาวง ครม.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขอลาประชุมเนื่องจากยังอ่อนเพลียจากอาการท้องเสียตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ทั้งนี้ก่อนเข้าประชุม นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และคณะผู้บริหาร อว. เข้าพบนายกฯเสนอโครงการเชื่อมโยงข้อมูลชุมชนกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Thailand Community Big Data :TCD) ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T) มหาวิทยาลัยสู่ตำบล ฐานข้อมูลชุมชนของประเทศขนาดใหญ่ ข้อมูลการเกษตรในพื้นที่ ข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น ต่อมานายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์การแสดงผลงานการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน โดยใช้เทคโนโลยี IoT ยกระดับแรงงานภาคเกษตรให้เป็น Smart Farmer ภายใต้โครงการ 1 จังหวัด 1 โครงการ 1 หลักสูตร
“บิ๊กตู่” งดจ้อตอบคำถามสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประชุม ครม. นายกฯไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ เพียงแต่กล่าวทักทาย “สวัสดี” มีนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกฯขอบคุณทุกฝ่าย ทุกส่วนราชการ ที่สนับสนุนข้อมูลในการอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 และขอให้ทุกส่วนราชการไปสร้างความเข้าใจต่อเนื่อง และเร่งขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
“หนู” ดีดปาก “ครูแก้ว” ขู่ถอนตัว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขอให้การเมืองเบาๆลง หลังนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคภูมิใจไทย ขู่ถอนตัวจากรัฐบาลหากร่าง พ.ร.บ.กัญชงกัญชาไม่ผ่านสภาว่า นายศุภชัยไปพูดในพื้นที่ ทั้งตนและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค โทรศัพท์ไปบอกแล้ว เข้าใจว่าเป็นการพูดในฐานะ ส.ส. เป็นไปตามบริบทเวลานั้น แต่เรื่องการร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมาชิกคนอื่นไม่ต้องมาพูด ให้ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียวว่าจะมีท่าทีอย่างไรกับการร่วมรัฐบาล
แค่องค์ลงตอนเจอแฟนคลับ
เมื่อถามว่าทำให้นายกฯระแวงหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คนเป็นผู้แทน และอยู่ในพื้นที่มีความเก๋าเกม บางทีก็องค์ลง เหมือนตนเวลาปราศรัยก็ต้องมีอะไรตอบสนอง เหมือนชกมวยยังต้องมีปี่พาทย์ อย่าไปคิดมาก ไม่มีการขู่กันจะไปขู่ทำไม ใครจะไปกล้าขู่หรือต่อรองนายกฯ เวลาเดินผ่านนายกฯยังต้องก้มแล้วก้มอีก ค้อมหลังแล้วค้อมหลังอีก เวลาทำงานพูดกันด้วยเหตุผล นายกฯก็ไม่เคยขู่พรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจะตำหนิอะไรก็เป็นในฐานะผู้ใหญ่ เช่น เวลาตนให้สัมภาษณ์อะไรแล้วมีอารมณ์ นายกฯก็เตือนพูดอะไรต้องนึกถึงคนฟังด้วย อย่าว่าแต่นายกฯ อธิบดีตนยังไม่กล้าขู่เลย เรามีมารยาท วัฒนธรรม ประเพณีอยู่แล้ว พูดกันดีๆดีกว่า
“ศุภชัย” โยนบาปสื่อหน้าตาเฉย
ที่ จ.นครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนของสื่อ ที่กล่าวไปหมายถึงพรรคเราตั้งใจผลักดันให้รัฐบาลปลดล็อกกัญชา ตามที่เคยแถลงกับประชาชนไว้ แต่ไม่ได้เป็นการขู่รัฐบาล หรือต่อรองรัฐบาล ไม่ได้มีความขัดแย้งเรื่องการเมือง แต่เป็นการพูดให้เห็นถึงความตั้งใจในการผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการแก้กฎหมายให้สมบูรณ์แบบ มั่นใจว่าสภาฯจะพิจารณาผ่านไปด้วยดี ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย เมื่อกฎหมายทุกอย่างสมบูรณ์ ประชาชน รวมถึงวิสาหกิจชุมชน จะได้รับประโยชน์มากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในอนาคต
“สนธยา” ไม่จบปมงัดข้อ “เฮ้ง”
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯแสดงความเป็นห่วงปัญหาความขัดแย้งการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรีว่า ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างสูงที่เป็นห่วง ตนให้ความเคารพ พล.อ.ประยุทธ์สูงสุดอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ต้องเอาความจริงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาพูดกัน สิ่งที่ออกมาอาจทำให้คนรู้สึกว่าเกิดความแตกแยกไม่สามัคคีกันในพื้นที่ ต้องพูดกันว่าจริงๆแล้วมันมีอะไรให้ชัดเจน เพราะไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองทะเลาะกัน เรื่องผลประโยชน์ หรืออำนาจ แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว ต้องพูดคุยกันว่าเป็นความจริง ความเท็จ หรือนิทาน และคงไม่ต้องคุยกันส่วนตัวกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรคพลังประชารัฐ เรื่องนี้เป็นความเป็นห่วงของผู้ใหญ่และคนในพื้นที่ ว่าจะเกิดปัญหาความแตกแยกขึ้นในพื้นที่ ฉะนั้นมาพูดกันถึงข้อเท็จจริง
มั่นใจผลงานไม่ต้องพูดมาก
นายสนธยากล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความคิดเห็นและแนวทางการทำงานที่แตกต่างกันมากกว่า ต่างคนต่างมีทาง วิธีการของตัวเอง ตนเลือกจะอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่โกหก อย่าเอาเรื่องที่เป็นสิ่งปรุงแต่งหรือเรื่องโกหกมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อถามว่าตอนนี้เหมือนบ้านใหญ่ต้องรับศึกหนัก นายสนธยาตอบว่า เราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำงานมายาวนาน จะเป็นเครื่องวัดได้ ข้อเท็จจริงมันมีอยู่ เราคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ความจริงกับนิทานมันคนละเรื่อง นิทานคือการปรุงแต่งเพื่อให้ดูพิสดารน่าฟัง ความจริงอย่างไรคือความจริง จะนานแค่ไหนก็ยังเป็นความจริง เหมือนภาษิตที่ว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ชาวชลบุรีทราบดีว่าใครทำงานจริงในพื้นที่ มีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ยึดมั่นคำกล่าวของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ว่าคนเราเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ยืนยันเรายึดมั่นหลัก 3 กตัญญู คือ กตัญญูต่อแผ่นดิน กตัญญูต่อถิ่นเกิด และกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ คนชลบุรีทราบดี
“เสี่ยเฮ้ง” ลั่นจบแล้วไม่เคลียร์
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค พปชร. กล่าวว่า ความขัดแย้งกับนายสนธยา คุณปลื้ม ไม่มีอะไรแล้ว ถ้าเป้าหมายเดียวกันเพื่อสนับสนุนผู้นำและพรรคการเมืองเดียวกัน ก็อยู่ด้วยกันเท่านั้น ถ้าอยู่กันคนละพรรคก็ต้องแข่งขันกันไม่จำเป็นต้องเคลียร์กัน เราเคยอยู่ด้วยกันมา ไม่ได้ทะเลาะกันอย่างที่หลายคนพูด ยืนยันไม่ถึงขนาดนั้น บางครั้งอาจเป็นเรื่องมองกันคนละมุม ทำให้บางคนน้อยอกน้อยใจ ความจริงเราเหมือนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันเหมือนการทำธุรกิจ ถ้าบริหารไม่ตรงกัน ต่างคนต่างออกไปอยู่กันคนละบริษัท แต่ความเป็นพี่น้องยังอยู่ อย่าลืมว่านักการเมืองไม่มีใครจะร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ วันนี้หัวหน้าพรรคให้โอกาส มีโอกาสจากนายกฯ ตนก็ต้องยืนอยู่ตรงนี้ การเตรียมตัวผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ได้ปรึกษานายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม มาตลอด แต่ไม่ได้ปรึกษากับนายสนธยา เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
ปัดถือหางน้องชาย “กำนันเป๊าะ”
เมื่อถามว่า ถูกมองว่าเป็นศึกสายเลือด “คุณปลื้ม” เพราะนายสมชาติ คุณปลื้ม น้องชายของนายสมชาย คุณปลื้ม ย้ายมาอยู่กับกลุ่มนายสุชาติ นายสุชาติตอบว่า “สมัยก่อนผมเป็นเด็กที่สุด อยู่กับนายสมชาย คุณปลื้ม บิดาของนายสนธยา ผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกันผมให้ความนับถือทุกคน วันหนึ่งในทางการเมืองมีแค่ตำแหน่งเดียวใน ต. แสนสุข นายสมชาติลงสมัครนายกเทศบาลเมืองแสนสุข แข่งกับน้องชายคนเล็กของนายสนธยา ในเมื่อเขามาหาและให้กำลังใจเราก็ต้องตอบรับ ยืนยันว่าไม่บานปลายกลายเป็นศึกสายเลือด”
“โรม” โต้ใครจะกล้ากลับมาให้อุ้ม
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ข้อมูลการอภิปรายเรื่อง พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดสืบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ที่ต้องลี้ภัยไปออสเตรเลียว่า เพราะข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย แต่หากรัฐบาลอยาก ทราบว่าเป็นใครบ้าง พร้อมจะให้ข้อมูล แต่รัฐบาลยืนกระต่ายขาเดียว ที่บอกว่าให้กลับมานั้น คำถามคือใครจะกล้ากลับ เราเห็นการอุ้มหาย การเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี หรือคนที่พยายามดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้วยดี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับความปลอดภัยอยู่ดี บางทีการเริ่มต้นสู่กระบวนการที่ปลอดภัยมากที่สุด คือต้องเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าทั้ง 3 ป. มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“คงชีพ” ยัน “ประวิตร” ไม่มีเอี่ยว
พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ ยืนยันแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ประกันตัว พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ หากมีชื่อบุคคลตามกล่าวอ้าง หรือมีข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลัง และผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขอให้เปิดเผยหลักฐานและข้อมูลจริงทั้งหมดออกมา จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด รัฐบาลยังคงมุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับการสานต่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จนได้รับการจัดระดับให้เป็นประเทศที่เห็นถึง ความพยายามแก้ปัญหา
ผบ.ตร.รับปากจะดูแลอย่างดี
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า สั่งการให้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันไม่พบเรื่องการดำเนินคดีแจ้งความ พล.ต.ต.ปวีณ หากใครมีข้อมูลให้ส่งมา ขอตอบในนามตำรวจ 2 แสนกว่านาย ว่าหากกลับมาจะดูแลความปลอดภัยให้ กลัวอะไรก็มาบอกกัน รับรองว่าไม่มีเรื่อง ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครไปทำอะไรตำรวจดูแลได้อยู่แล้ว ตรวจสอบแล้ว พล.ต.ต.ปวีณไม่มีหมายจับ ไม่ได้ถูกดำเนินคดี ไม่ทราบสถานะพลเมืองของ พล.ต.ต.ปวีณที่ออสเตรเลีย ข่าวที่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ฟ้อง พล.ต.ต.ปวีณนั้น ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการ แจ้งความดำเนินคดีอะไร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ได้ฟ้องร้อง พล.ต.ต.ปวีณในนามองค์กร ไม่ทราบว่ากลัวอะไร ถ้าจะกลับมาก็บอกกันล่วงหน้าเดี๋ยวจัดการให้ ในฐานะหนึ่งในทีมสืบสวนสอบสวนคดีโรฮีนจา คดีนี้ไม่มีแรงกดดันอะไร คดีนี้ผู้ต้องหาเป็นร้อย พนักงานสอบสวนเยอะมาก มีอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน มีรอง ผบ.ตร.ดูแล คนเป็นร้อยทำคดีนี้ ไม่เห็นใครบอกว่าโดนขู่อะไร
คมนาคมตั้งป้อมฟัด มท.ต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า กรณีความขัดแย้งระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวง มหาดไทย ต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) ที่ยังไม่นำเรื่องกลับเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ล่าสุดกระทรวงคมนาคมเตรียมข้อมูลไว้โต้แย้งใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.จุดยืนคัดค้านการขยายสัมปทานไปถึงปี 2602 หรือ 30 ปี 2.ข้อกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีการจ้างติดตั้งระบบ และจ้างเดินรถครบถ้วนหรือไม่ การว่าจ้างเอกชนรายเดิม โดยไม่เปิด แข่งขันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐและประชาชน จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (กฎหมายฮั้ว) ปัจจุบันการว่าจ้างติดตั้ง ระบบนี้สร้างภาระหนี้แล้ว 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ กทม.ว่าจ้าง KT เดินรถ โดยไม่ผ่าน ความเห็นชอบของสภา กทม. ที่ก่อหนี้อีก 17,000 ล้านบาท รวมหนี้ทั้ง 2 ส่วน 37,000 ล้านบาท และ 3.เรื่องประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ จากกรณีค่าโดยสาร ตามโมเดลของ MRT มีราคาสูงสุด 42 บาท ไม่นับรวมผลการศึกษา ที่ระบุชัดเจนว่าหากรัฐดำเนินการ เดินรถหลังสิ้นสุดสัมปทานเอง รัฐจะมีกระแสเงินสดเหลือกว่า 435,132 ล้านบาท สามารถนำเงินส่วนนี้ มาช่วยอุดหนุนให้ค่าโดยสารถูกลงได้อีก
พท.ย้ำไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมือ
วันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านการเมือง รัฐธรรมนูญ ความเป็นประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลูก 2 ฉบับของพรรคเพื่อไทย โดยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีสาระสำคัญคือการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เอาคะแนนรวมทั้งประเทศหารด้วย 100 จะได้คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จากนั้นเอาคะแนนรวมที่พรรคการเมืองได้รับหารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน จะได้ว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าไร ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประเด็นสำคัญที่เสนอแก้ไข คือบทบัญญัติกรณีการยินยอมให้บุคคลภายนอกครอบงำ ควบคุมสั่งการ ที่เป็นความผิดถึงขั้นยุบพรรค พรรคเห็นว่าการครอบงำ ควบคุม และสั่งการ ต้องมีความชัดเจน เพื่อมิให้เกิดการตีความให้วุ่นวาย ต้องทำความกระจ่างเรื่องนี้ว่าการขอคำปรึกษาหารือกับบุคคลต่างๆควรถือเป็นเรื่องปกติ หากพรรคยังมีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ ไม่ควรเป็นการครอบงำ ควบคุม สั่งการ ไม่ให้ใช้มาตรานี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนปัจจุบัน
ยุบพรรคต้องมีหลักฐานแน่น
นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า รวมถึงเสนอให้ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำนโยบายต้องแสดงที่มาของรายได้ ความคุ้มค่า ความเสี่ยง เพราะไม่มีผลเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ เห็นได้จากการเสนอนโยบายพรรคการเมืองที่ผ่านมา ไม่สามารถทำได้จริง จึงให้เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการนำเสนอ และเป็นวิจารณญาณของประชาชนในการตรวจสอบ ส่วนการยุบพรรค ไม่ควรยุบกันง่ายๆ ต้องเป็นกรณีสำคัญจริงๆ ต้องมีพยานหลักฐานเป็นประจักษ์ ไม่ใช้การเลิกหรือยุบพรรค เป็นประโยชน์หรือเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ส.ว.ให้ผ่านเฉพาะร่างฯ ครม.
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวจะให้ผ่านเฉพาะร่างฯที่เสนอโดยรัฐบาลเท่านั้น ส่วนร่างที่เสนอโดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หรือ ส.ส.ฝ่ายค้าน จะไม่ให้ผ่าน โดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทย เพราะไปแก้ไขเปิดช่องให้คนนอกแทรกแซงครอบงำพรรคได้ เป็นการฉวยโอกาสลักไก่ เพื่อผลประโยชน์คนนอก ถือว่าน่าเกลียด ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าไม่ถือเป็นการครอบงำ ถ้าการให้คำปรึกษาเป็นเพียงการเสนอแนะ แต่อำนาจการตัดสินใจยังคงอยู่กับพรรคนั้น เป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง ไม่คิดเคารพกติกากฎหมาย
ฉะ พท.หาช่องให้คนนอกแทรก
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวจะให้ผ่านเฉพาะร่างที่เสนอโดย ครม.เท่านั้น ร่างที่เสนอจากส่วนอื่นคงไม่ให้ผ่าน เพราะมองแล้วร่างที่เสนอโดย ครม.มีความครอบคลุม เป็นกลางมากที่สุด แต่ร่างที่เสนอโดย ส.ส.ทำเพื่อประโยชน์ของพรรค การเมือง อย่างร่างฯพรรคเพื่อไทย มีการเปิดช่องให้คนนอกมาแทรกแซงได้ ดูแล้วไปไกลเกินไป ข้ออ้างฟังแล้วไม่มีน้ำหนัก เปิดช่องให้คนนอก นอมินี นายทุนแทรกแซงชักใยอยู่เบื้องหลังได้ การอ้างเหตุผลป้องกันการกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่ามีการกลั่นแกล้งจริงหรือไม่ การแก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ ต้องทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะสถานการณ์ขณะนี้มีโอกาสยุบสภาได้ตลอดเวลา เพราะมีปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลมาก ถ้ายุบสภาขณะที่กฎหมายลูกไม่เสร็จ ยิ่งยุ่งกันใหญ่
พปชร.พร้อมเต็มที่ถก ก.ม.ลูก
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการประชุม ส.ส.พรรค มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำชับ ส.ส.ให้เข้าร่วมประชุมสภาอย่างพร้อมเพรียง นายไพบูลย์กล่าวว่า การพิจารณาร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง 2 ฉบับ เชื่อจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เดินทางไปถึงพรรค หลังการประชุมเสร็จสิ้น หลังจากช่วงเช้ามีอาการอ่อนเพลียจากอาการท้องเสีย จนต้องลาการประชุม ครม. ซึ่ง พล.อ. ประวิตรมีสีหน้าสดชื่น บรรดาแกนนำพรรคได้ไปต้อนรับ
“สมชัย” ยื่น 7 หมื่นชื่อริบดาบ ส.ว.
ช่วงบ่ายที่รัฐสภา คณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี นำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุญส่ง ชเลธร ผอ.หลักสูตรผู้นำ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต นำรายชื่อประชาชน 70,500 ชื่อ ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ไม่เห็นความจำเป็นที่ ส.ว.ต้องมาโหวตเลือกนายกฯ ควรคืนหลักการสากลให้ประชาชน เราใช้เวลารวบรวมรายชื่อกว่า 2 เดือน ได้รายชื่อ 8 หมื่นรายชื่อ แต่ขอส่งรายชื่อขั้นต้นก่อน 70,500 รายชื่อ หวังว่าจะได้รับการบรรจุระเบียบวาระในสมัยประชุมหน้า แต่การร่วมลงชื่อยังดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ
ปิดถนนสกัดม็อบบุกทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ระหว่างการประชุม ครม. มีกลุ่มผู้ชุมนุม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย สหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) ที่มาติดตามมติ ครม.อนุมัติงบฉุกเฉินฯ 2 พันล้านบาท เพื่อใช้ในกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่มาขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเลิกดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีชุมนุมวันที่ 20 ม.ค.-3 ก.พ. รอบทำเนียบฯ และกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ที่มาขอให้รัฐบาลใช้งบกลางเยียวยาผลกระทบจากโควิด รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือให้นายกฯอยู่ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังปิดถนนพิษณุโลก ใช้แผงเหล็กและรั้วลวดหนามหีบเพลง วางเป็นแนวป้องกันอย่างแน่นหนา ไม่ให้เข้ามาประชิดรั้วทำเนียบฯ ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐถึงแยกสวนมิสกวัน และถนนราชดำเนิน ตั้งแต่แยกสวนมิสกวันถึงแยกมัฆวานรังสรรค์
ตร.ขนตู้คอนเทนเนอร์วางกั้น
จากนั้นเวลา 15.00 น. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มโรนินฝั่งธนไม่เอาเผด็จการ นัดรวมตัวกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อขับไล่รัฐบาล แต่ต่อมาได้ย้ายสถานที่ไปชุมนุมที่บริเวณแยกสนามม้านางเลิ้ง ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่สวมชุดสีดำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรึงกำลังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ 6 ตู้ มาวางบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ และนำรั้วเหล็กตั้ง 2 ชั้น ร้อยด้วยลวดสลิงและลวดหนามหีบเพลงปิดทับอีกชั้น ขณะที่ด้านแยกมัฆวาน เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดสะพานมัฆวานฯเช่นกัน
ให้ประกัน “เพนกวิน–อานนท์”
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความ เพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ตามที่คณะทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชีวารักษ์ นายอานนท์ นำภา จำเลยในหลายคดีที่ก่อนหน้านี้ถูกหมายขังอยู่ในเรือนจำ วันนี้ศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันทั้งคู่ ในคดีที่อยู่ศาลอาญาทุกคดี ประมาณ 9-10 คดี อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้งสองยังมี คำสั่งหมายขังในศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยารอการปล่อยอยู่ และคณะทนายความจะดำเนินการยื่นประกันต่อไปในวันต่อไป หลักทรัพย์รวมกัน 2 ล้านบาท