บางแสน ชลบุรี

565000010542901.jpg

จะเป็นอย่างไรถ้าหากมี “เมืองอัจฉริยะ” ยกระดับชีวิตคนไทย กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ในงาน “Thailand Smart City Expo 2022”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การพัฒนาเมืองมีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการใช้ชีวิตของประชาชน ภายใต้ความทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว รวมไปถึงแนวโน้มการขยายตัวของประชากรในเขตเมือง ทำให้เกิดแนวคิดในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ขึ้น เพื่อยกระดับให้เป็นเมืองมีความน่าอยู่ มีคุณภาพชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ดี ตอบสนองความต้องการในการสร้างคุณภาพชีวิตของคนให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (เอ็น.ซี.ซี.) ผู้จัดงาน Thailand Smart City Expo 2022 เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทยนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพราะจะช่วยลดความแออัดของประชากรในเขตเมืองใหญ่ โดยกระจายความเจริญออกไปยังพื้นที่โดยรอบ ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยตามอัตลักษณ์ทางสังคมของเมือง พร้อมทั้งกำหนดโซนพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดความเหมาะสม

รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่และเมืองอัจฉริยะ โดยบรรจุไว้ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยังยืน ซึ่งที่ผ่านมามีชุมชน และเมืองในพื้นที่ต่างๆ ยื่นข้อเสนอแผนพัฒนาเมืองทั้งสิ้น 61 ข้อเสนอฯ ใน 33 จังหวัด และมีเมืองที่ได้รับการประกาศเป็นเมืองอัจฉริยะแล้ว 30 พื้นที่ อาทิ สามย่านสมาร์ทซิตี้ เมืองอัจฉริยะย่านพระราม 4 เมืองอัจฉริยะจังหวัดพิษณุโลก เมืองน่านสู่เมืองอัจฉริยะ ขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ แสนสุขสมาร์ทซิตี้ จ.ชลบุรี ยะลาเมืองอัจฉริยะฯ เป็นต้น

สำหรับการพัฒนาเมืองสมาร์ทซิตี้นั้นในแต่ละพื้นที่ผู้พัฒนาเมืองก็จะดึงเอาความต้องการของคนในพื้นที่ โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ของพื้นที่ โดยเฉพาะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ แหล่งที่อยู่อาศัย พื้นที่เฉพาะ เพื่อพัฒนาและอนุรักษ์ในเขตเมือง เช่น เขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เขตนวัตกรรม พื้นที่พิเศษเพื่อการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี มรดกทางสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์และวิถีชีวิตพื้นถิ่น รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบสำคัญของเมืองที่ดี ซึ่งใน 7 ด้าน ประกอบด้วย

1.สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment)
2.การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) 
3.การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living)c 
4.พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)
5.พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) 
6.เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) 
7.การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) 

ในแต่ละเมืองก็จะมีแนวคิดการจัดการเมืองและประยุกต์ใช้นวัตกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น “ยะลาเมืองอัจฉริยะเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน” ที่เสนอโดยเทศบาลนครยะลา นั้น จะเน้นระบบอัจฉริยะใน 4 ด้าน ได้แก่ 

1. ด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Environment)
2.ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy)
3. ด้านการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Govermance)
4.ด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) โดยมีแนวทางขับเคลื่อน ดังนี้ 

1.การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสื่อสารโทรคมนาคม (City Backbone)

2.การบูรณาการระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีอยู่เดิม

3.การยกระดับขีดความสามารถ และสมรรถนะของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั้งระบบ


4.การติดตั้งอุปกรณ์ และ นวัตกรรมเพิ่มเติม โดยประโยชน์ที่จะได้รับคือ การยกระดับมาตรฐานด้านการจัดการความมั่นคงปลอดภัย และลดภาพด้านลบของเมืองในเรื่องความไม่มั่นคงปลอดภัย “ให้คนนอกยะลาเห็นเมืองยะลาอย่างที่คนยะลาเห็น” ยกระดับยะลาสู่เมืองคุณภาพชีวิตมาตรฐานสากล” และสร้างจุดขายเพื่อทวงคืนบทบาทการเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการลงทุนแห่งภูมิภาค “สร้างยะลาสู่เมืองเข้มแข็งในอดีต และเข้มแข็งยิ่งขึ้นในศตวรรษที่ 21” เป็นต้น


“การที่จะพัฒนาแต่ละพื้นที่ ผู้พัฒนาเมืองหรือผู้นำชุมชน จำเป็นต้องนำองค์ความรู้ของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่เชื่อมโยงความต้องการ และอัตลักษณ์ชุมชน โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยเข้ามาจัดการอย่างเป็นระบบ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จึงร่วมมือกับ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (เอ็น.ซี.ซี.) จัดงาน Thailand Smart City Expo 2022 งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับนานาชาติด้านเมืองอัจฉริยะ เพื่อให้ผู้พัฒนาเมืองหรือผู้นำชุมชนสามารถหาความรู้ หาแนวคิดในการพัฒนาพื้นของตนเอง รวมถึงหานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ การจัดงานครั้งนี้ ได้ดึงพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วทุกมุมโลก มาให้ความรู้ และจุดประกายแนวคิดการพัฒนาเมืองโดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมให้สอดรับกับอัตลักษณ์ของแต่ละเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย.–2 ธ.ค. 2565 ในรูปแบบไฮบริด มีการจัดแสดงครอบคลุม 7 กลุ่มประเภทสินค้า รวมกว่า 150 บูธ ได้แก่ ระบบจัดการด้านพลังงาน ระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ ระบบโรงงานอุตสาหกรรมและร้านค้าปลีก ระบบด้านสุขภาพและโรงพยาบาล ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบขนส่งและยานยนต์ และระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยผู้ประกอบการชั้นนำ อาทิ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) , บริษัท โคเน่ จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด, บริษัทซีนเนอร์ยี่ เทคโนโลยี จำกัด, บจก. แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) , บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ , บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด, บจก. อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) , บจก. ฟูจิ อิเลคทริค (ประเทศไทย) , บจก. ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี ฯลฯ

ภายในงานนอกจากรวบรวมสินค้าและนวัตกรรม เทคโนโลยีฯ มาจัดแสดงแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ สัมมนาจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 5G ครอบคลุมทุกด้านในการใช้ชีวิต การให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ สร้างเครือข่าย แบ่งปันความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญในหลายอุตสาหกรรม การจัดแสดงหุ่นยนต์อัจฉริยะ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับ Metaverse กับเทคโนโลยี AR และ 3D Interactive ผ่านแอปพลิเคชัน “Graffity Mappers” รวมถึงการมอบรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ซึ่งเป็นรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติสำหรับผู้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อการบริการประชาชน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมงาน Thailand Smart City Expo 2022 ได้ ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.–2 ธ.ค. 65 ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สอบถามเพิ่มเติม 02-229-3525 Email: [email protected] หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://thailandsmartcityexpo.com/

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *

เรื่องล่าสุด