Site icon บางแสน

ขุมทรัพย์ฐานอำนาจรามคำแหงในสายตา”รศ.คิม ไชยแสนสุข”

logoline

เกาะติดข่าวสาร>> คมชัดลึก ออนไลน์

หลังจากที่ “รศ.คิม ไชยแสนสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.)” แถลงชี้แจงความเป็นมาเป็นไปของเรื่องราวที่ทำให้ตนต้องถูกไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เหตุผลหลักที่ “รศ.คิม”

เชื่อว่าคำสั่งไล่ออกจากราชการไม่เป็นธรรม เนื่องจากผลพวงทางการเมืองในและนอกมหาวิทยาลัย เพราะรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่นักแสวงหาผลประโยชน์ต้องการ ขณะเดียวกันยังเป็นฐานอำนาจที่ใครๆ อยากลองขึ้นนั่งตำแหน่ง “อธิการบดี”

 “รศ.คิม” เป็นอธิการบดีคนที่ 8 เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 และจะหมดวาระเดือนมิถุนายน 2554 โดยตลอดระยะเวลา 3 ปี 6 เดือน ผลงานการบริหารงานเด่นๆ โดนใจ และเข้าตาประชาคมรามคำแหง เริ่มตั้งแต่การประกาศชัดเจน ไม่นำมหาวิทยาลัยยุ่งเกี่ยวอยู่ใต้อำนาจการเมือง เป็นมหาวิทยาลัยอิสระ เป็นของประชาชน ที่พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนมากกว่าจะเป็นสมบัติของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

 “หลายครั้งที่มีปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยอันเป็นผลมาจากการเมือง จะพบว่าเด็กรามคำแหงจะเข้าไปช่วยแก้วิกฤติปัญหาการเมือง ประเทศให้รอดมาได้ แต่นั่นเป็นการรับใช้การเมืองที่ทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองโดยบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าของใคร หรือเป็นฐานอำนาจให้ใคร การเลือกตั้งเพื่อเป็นอธิการบดี ม.ร. จึงเป็นสิ่งที่หลายฝักหลายฝ่ายอยากเข้ามามีส่วนร่วมและอยากขึ้นตำแหน่งนี้ เพราะนั่นหมายถึงฐานอำนาจที่ได้มาโดยไม่ต้องทำอะไร”

 ขุมทรัพย์ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี การจัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้างอาคาร การเปิดหลักสูตรพิเศษ (ปริญญาโทและปริญญาเอก) ขยายโอกาสทางการศึกษา เปิดสำนักวิทยาบริการ 24 ภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงไปต่างชาติ ซึ่งทุกการดำเนินการล้วนสร้างรายได้จำนวนเงินมหาศาล สาเหตุหลักที่ทำให้ใครๆ ก็อยากเป็นอธิการบดี ม.ร. “รศ.คิม” อธิบายว่ามาจากผลประโยชน์ที่มีมากมายของรามคำแหง และฐานอำนาจ เช่น ม.ร.เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษา บัณฑิตรามคำแหงจำนวนมาก

  หากคุมมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ หลายคนอาจมองว่าเป็นการ “กุมอำนาจ” หรือการเปิดสำนักวิทยบริการจัดการเรียนการสอนในภูมิภาค 24 แห่ง เรื่องเหล่านี้ล้วนสร้างรายได้ให้แก่มหาวิทยาลัยทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง สร้างอาคารเรียน อาคารปฏิบัติการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ซึ่งการดำเนินงานทุกอย่างภายในมหาวิทยาลัย อธิการบดีย่อมรับทราบ และผ่านคำสั่งจากอธิการบดี หากคนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดี เพื่อเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ มหาวิทยาลัยจะกลายเป็นขุมทรัพย์ได้เป็นอย่างดียิ่ง

 “ผมสั่งระงับก่อสร้างทุกอย่างที่ไม่มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอน 3 ปีกว่าๆ ที่ดำเนินงานมา ไม่มีการอนุมติในการสร้างตึกอาคารเรียนใหม่ๆ มีเพียงการก่อสร้างต่อยอดจากของเก่า เพราะผมรู้ดีกว่าการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด หากไม่มีผลประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเท่ากับเป็นการเอางบประมาณไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันการต่อสู้ยาเสพติดทั้งในและบริเวณรอบมหาวิทยาลัย อาจทำให้คนบางกลุ่มขาดรายได้ การทำงานของผมอาจไม่ถูกใจคนทุกคน แต่ผมเชื่อว่าถูกใจประชาคมรามคำแหง”

 การดำเนินงานหลายเรื่องของ “รศ.คิม” อาจไปขัดแข้งขัดขาผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ อย่าง โครงการหอพักสีขาว ปราบปรามยาเสพติด อบายมุขทุกชนิด จัดการเรียนการสอน เน้นสอนให้นักศึกษาไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของใคร เรียนรู้ ฝึกให้เข้าใจปรัชญา แก่นแท้ของชีวิต รู้จักการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นผ่านกิจกรรมจิตอาสา ปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้นักศึกษาพร้อมออกไปรับใช้สังคม ซึ่งการสอนแบบนี้ทำให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นตัวของตัวเอง รู้จักแยกแยะ และไม่หลงไปในทางที่ไม่ดี

 “ผลประโยชน์ อำนาจ” เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการ แต่สองสิ่งนี้ รศ.คิม บอกทิ้งท้ายว่าควรเป็นสิ่งตอบแทนที่ได้รับมาจากการทำงาน การทำดี และทำประโยชน์เพื่อสังคม ไม่ใช่ได้มาโดยการโกงกิน ทุจริต

Exit mobile version