20 ที่เที่ยวใหม่ ๆ ฉบับปี 2566 มีทั้งวิวสวย บรรยากาศดี ของกินแน่น ๆ

          รวมที่เที่ยวใหม่ ๆ ฉบับอัปเดตปี 2566 มีทั้งที่เที่ยวภูเขา ทะเล หอชมเมือง สกายวอล์ก และตลาดของกินจุก ๆ ถึงบางแห่งเปิดมานานแล้วแต่ก็อยากชวนให้ไปเยือน

          หลังจากที่เราเคยแนะนำ ที่เที่ยวใหม่ ๆ กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ขอหยิบเอาสถานที่ท่องเที่ยวในไทยแห่งใหม่มาฝากกันบ้าง มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดตัวไม่นาน หรือบางแห่งก็เปิดมานานหลายปีแล้ว แต่ค่อย ๆ เผยโฉมให้กับนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้รู้จัก เอาเป็นว่าหากคุณยังไม่รู้ว่าวันว่างจะไปท่องเที่ยวที่ไหนดี ก็ลองตามเรามาลัดเลาะประเทศไทยในจังหวัดต่าง ๆ ดูนะ เริ่มกันที่…

1. สวนปทุมวนานุรักษ์ กรุงเทพมหานคร

          สวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ข้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิปทุมวนานุรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และกรุงเทพมหานคร พื้นที่รวม 27 ไร่ ประกอบด้วย สวนหย่อมที่ออกแบบให้เป็นรูปเลข ๙ ไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9, บึงรับน้ำ พื้นที่บำบัดน้ำเสีย (จำลองพื้นที่บำบัดตามธรรมชาติ) และลานกิจกรรม ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่นันทนาการ พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายได้

2. จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต กรุงเทพมหานคร

          ตลาดนัดกลางคืนสุดฮอตของนักกินและนักช้อป ตั้งอยู่บริเวณสวนสนุกแดนเนรมิตเก่า ห่างจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ไม่เกิน 1 กิโลเมตร ที่นี่ตกแต่งด้วยบรรยากาศสไตล์แคมปิ้ง พร้อมกับรถคลาสสิก แบ่งพื้นที่เป็นโซนตลาดนัด โซนวินเทจรูม โซนของตกแต่งบ้าน โซนนั่งชิล และมีร้านค้ากว่า 1,200 ร้านค้า หลากหลายรูปแบบ ทั้งร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ของแฮนด์เมด และร้านขายของตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจ ไปจนถึงร้านอาหารทั้งคาวและหวาน รวมถึงสตรีตฟู้ดต่าง ๆ และด้วยทำเลที่เดินทางสะดวก สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT จากนั้นเดินต่ออีกไม่ไกลก็ถึงตลาดแล้ว

3. หอชมเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

          หอชมเมืองวิว 360 องศา ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีปากน้ำ มีลักษณะเป็นอาคารสูงประมาณ 179 เมตร ภายในอาคารประกอบด้วยส่วนนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองสมุทรปราการทั้งหมด (เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ) ชั้นบนสุดเป็นหอคอยสำหรับชมวิวเมือง ที่มองเห็นทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร พื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า ป้อมพระจุลจอมเกล้า และพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ นอกอาคารเป็นสวนบรรยากาศร่มรื่น มีจุดถ่ายรูปกับไดโนเสาร์ รถไฟเก่า แถมในช่วงกลางคืนอาคารหอชมเมืองสมุทรปราการยังมีการประดับไฟหลากสีสวยงามระยิบระยับ

4. สกายวอล์กวัดหงษ์ทอง จังหวัดฉะเชิงเทรา

          วัดกลางทะเลที่มีชื่อเสียงในเขตรอยต่อจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง  ในพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทย บริเวณป่าชายเลน โดดเด่นด้วยเจดีย์สีทองอร่าม ซึ่งเป็นที่บรรจุพระธาตุอรหันต์ในทะเล ไฮไลต์นอกจากพระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชาประภากรณ์ปราชญ์ศรนิลอนุสรณ์ ก็คือ Sea Walk (ซีวอล์ก) หรือทางเดินลงทะเล ความยาว 40 เมตร กว้าง 3 เมตร รองรับน้ำหนักได้ประมาณ 200 คน และอาคารกตัญญู อาคาร 12 ชั้น ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่กลางทะเล สามารถมองเห็นถึงจังหวัดชลบุรีและสมุทรปราการในระยะไกลได้ มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ได้แก่ ค่ารองเท้า Sea Walk หมุนเวียน คู่ละ 30 บาท ซื้อใหม่ คู่ละ 60 บาท  และค่าบำรุงลิฟต์ ขึ้นอาคารกตัญญู คนละ 20 บาท

5. ตลาดปลาบางแสน จังหวัดชลบุรี

          ที่เที่ยวบางแสนน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนข้าวหลาม อำเภอเมืองชลบุรี เป็นตลาดปลาสไตล์ญี่ปุ่นที่เหมือนยกเมืองญี่ปุ่นเล็ก ๆ มาไว้ ไม่ว่าจะเป็นถนน โคมไฟ เสาโทริอิ ตู้โทรศัพท์ ต้นซากุระ สถานีรถไฟฟ้าจำลอง มุมถ่ายรูปต่าง ๆ แถมยังเป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสด ๆ รวมถึงมีบริการปรุงสุก ต้ม นึ่ง เผา ให้เสร็จสรรพ และยังมีร้านขายอาหารญี่ปุ่นหลากหลาย เช่น ทาโกะยากิ เซมเบ้ ซูชิ ซาชิมิ ข้าวหน้าต่าง ๆ โซบะ ราเมน และขนมญี่ปุ่น เป็นต้น สามารถเลือกช้อปเลือกชิมกันได้

6. ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน (โซนใหม่) จังหวัดชลบุรี

          แหล่งเรียนรู้โลกใต้ทะเลที่เปิดโซนใหม่ให้ชมแบบไม่เป็นทางการ (Soft Opening) เพื่อทดสอบระบบยังชีพของสิ่งมีชีวิตทางทะเล ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยบูรพา ไม่ไกลจากชายหาดบางแสน จัดแสดงทั้งสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล และศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน หรือ bangsaen Aquarium ซึ่งเป็นโซนใหม่ที่จัดแสดงทั้งระบบนิเวศ แนวปะการัง ตู้จัดแสดงทรงกระบอกขนาดใหญ่ (Cylinder Tank) ส่วนจัดแสดงขนาดใหญ่ (Big Tank) และทางเดินลอดใต้อุโมงค์ ความยาว 37 เมตร เป็นต้น

7. สกายวอล์ก อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง

         สกายวอล์กเขาแหลมหญ้า ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ส่วนหนึ่งของเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สามารถเดินเที่ยวเลียบทะเล พร้อมชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยช่วงที่เป็นเวิ้งทางเดินกระจกจะมีมุมแบ็กกราวนด์เป็นวิวทะเลสวยงาม

8. อ่าวกระทิง จังหวัดจันทบุรี

          หาดสวย บรรยากาศเงียบสงบ ตั้งอยู่ภายในวนอุทยานแห่งชาติเขาแหลมสิงห์ ตำบลบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ เป็นหาดทรายลักษณะสีเหลืองนวล ความยาว 800 เมตร มีความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว กิจกรรมที่สามารถทำได้ เช่น เล่นน้ำทะเล ถ่ายภาพ เดินชมธรรมชาติ และปิกนิก มีบ้านพักและพื้นที่ให้กางเต็นท์ได้

9. อุทยานแห่งชาติหาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

          อุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 76 ของประเทศไทย พื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบแนวชายฝั่งทะเลและแนวชายฝั่งยกตัว ลักษณะพื้นที่ค่อย ๆ ลาดลง บนฝั่งมีทิวสนทะเลและสนประดิพัทธ์ขนานกับทะเล มีเกาะเล็ก ๆ 2 เกาะ คือ เกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ ทั้ง 2 เกาะเชื่อมติดกัน นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำดูปะการังใต้ท้องทะเล หรือเที่ยวเล่นและกางเต็นท์พักแรมริมหาดวนกร

10. สะพานชมกวาง จังหวัดชุมพร

          แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ตั้งอยู่ในตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร ใกล้กับโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ (แก้มลิงชุมพร) ติดสะพานไม้เคี่ยม เป็นสะพานแขวนทอดจากฝั่งโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ฯ ไปยังชายป่า ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงกวางพันธุ์รูซ่า ที่ถูกนำมาไว้ในพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร (สมัยนั้น) เห็นว่าพื้นที่นี้เหมาะสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของกวาง จึงประสานกับกรมปศุสัตว์ ขอกวาง 10 ตัวมาเลี้ยง ปัจจุบันมีกวางอาศัยอยู่กว่า 100 ตัว นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและให้อาหารกวางได้ที่ศาลากลางน้ำ

11. หอชมฟ้า Bota Sky Tower จังหวัดนครศรีธรรมราช

          หอชมฟ้า Bota Sky Tower หรือที่เรียกกันว่า หอชมฟ้าวลัยลักษณ์ ตั้งอยู่ภายในอุทยานพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากอำเภอท่าศาลาไม่เกิน 10 กิโลเมตร จุดเด่นอยู่ที่ระดับความสูง 25 เมตร จากพื้นดิน และก่อสร้างเป็นรูปหกเหลี่ยม พร้อมกับสะพานแขวนโอบล้อมด้วยต้นยางนาขนาดใหญ่ มองออกไปเห็นวิวได้แบบ 360 องศา นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาเส้นทางธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมนั่งรถรางชมวิว ชมโรงเรือนไม้ และชมโดมกระบองเพชรด้วย

12. ทะเลแหวกหนวดมังกร จังหวัดพังงา

          ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของน้ำขึ้นและน้ำลง พัดพาเอาเม็ดทรายมาบรรจบกันไว้ ทำให้มองเห็นเป็นสันทรายทอดตัวเป็นแนวยาวเชื่อมต่อถึงกัน ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ ทะเลแหวกหนวดมังกร จังหวัดพังงา อยู่ระหว่างเกาะระและเกาะทุ่งนางดำ อำเภอคุระบุรี ในช่วงที่น้ำลงเต็มที่จะมีความยาวเกือบ 4 กิโลเมตร และเป็นผืนทรายกว้างเป็นริ้ว ๆ เหมือนกับหนวดของมังกร ประกอบกับบนเกาะทุ่งนางดำนั้นมีวิหารเซียน 1 ใน 3 แห่งของประเทศไทย ซึ่งซินแสบอกว่าจุดที่ตั้งวิหารเซียนที่เกาะทุ่งนางดำคือส่วนหัวของพญามังกร จึงได้ตั้งชื่อว่า ทะเลแหวกหนวดมังกร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เดอะมอแกน อีโค่ วิลเลจ รีสอร์ท โทรศัพท์ 08-1895-6186

13. เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย จังหวัดสตูล

          สถานที่ท่องเที่ยวสตูลในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา อยู่บริเวณเขาโต๊ะหงาย ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงธรรมชาติ โดยเฉพาะด้านธรณีวิทยา เพราะพบรอยสัมผัสของหินที่มีอายุแตกต่างกัน 2 ยุค คือหินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน อายุประมาณ 541-485 ล้านปี และหินปูนยุคออร์โดวิเชียน อายุประมาณ 485-444 ล้านปี โดยรอยสัมผัสของหินดังกล่าวเกิดจากการเลื่อนตัวของเปลือกโลก มีความชัดเจนมาก เสมือนเป็นเขตข้ามกาลเวลาที่เราสามารถก้าวข้ามจากยุคแคมเบรียนไปสู่ยุคออร์โดวิเชียนได้เพียงก้าวเดียว นอกจากนี้บริเวณเขตข้ามกาลเวลายังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม รวมถึงมีสะพานที่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติทอดยาวเลียบชายฝั่งไปจนถึงที่ทำการอุทยานให้ได้เดินชมธรรมชาติด้วย

14. เขาล่องเรือตาหมื่น จังหวัดพิษณุโลก

          ภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาที่ต้องปีนป่ายขึ้นไปถึงจะพบกับความงามด้านบน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัย เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทาย เพราะบริเวณส่วนยอดของภูเขาจะมีลักษณะเป็นแนวหินแหลมคล้ายใบหอกสลับซับซ้อน ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยมีกิจกรรมสำหรับขาลุยทั้งแบบ One Day Trip และค้างคืน ไม่ว่าจะเป็นการปีนป่ายขึ้นไปเพื่อพิชิตยอดเขาล่องเรือตาหมื่น ชมวิวภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา และยังมีพื้นที่ให้กางเต็นท์พักแรม อีกทั้งยังมีกิจกรรมมุดถ้ำสุดมันส์ ณ ถ้ำเดือน ถ้ำดาว บ้านมุง ให้ได้ไปร่วมสนุกกันด้วย ซึ่งต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก พิชิตยอดเขาล่องเรือตาหมื่นอัญมณีแห่งบ้านมุง (Khaolongruatamuen)

15. บ้านห้วยโทน จังหวัดน่าน

          หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขา ในตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ ชาวบ้านดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย พึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ซึ่งนอกจากธรรมชาติที่งดงาม จุดชมวิว และทะเลหมอกแล้ว บ้านห้วยโทนยังเป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่น เช่น พริกหวาน องุ่น สตรอว์เบอร์รีสด และกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักให้กับชุมชนนี้ ทั้งนี้ หากขึ้นมาเที่ยวที่บ้านห้วยโทนในช่วงหน้าฝนจะได้ชมนาข้าวขั้นบันไดเขียวขจี มองไปทางไหนก็เขียวชอุ่มชุ่มชื่นสดชื่นสุด ๆ ที่นี่มีบ้านพักของชาวบ้านที่จัดทำเป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวและพื้นที่สำหรับกางเต็นท์บริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านห้วยโทน

16. กาดบะป๊าว จังหวัดเชียงใหม่

          ตลาดนัดชุมชนเชิงท่องเที่ยวในสวนมะพร้าว ย่านฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ก่อนถึงสี่แยกรวมโชค เข้าซอยก่อนถึงปั๊มคาลเท็กซ์ บรรยากาศร่มรื่นสบาย ๆ ที่นี่เป็นทั้งแหล่งรวมของกินพื้นเมือง ของกินโบราณ เครื่องประดับ สินค้าแฮนด์เมด งานคราฟต์ และต้นไม้ต่าง ๆ ในราคาย่อมเยา แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบเลย

17. สกายวอล์กผาเงา สามแผ่นดิน จังหวัดเชียงราย

          แลนด์มาร์กของอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บนไหล่เขาด้านทิศเหนือของพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ วัดพระธาตุผาเงา กับพื้นกระจกใสมองทะลุไปถึงพื้นด้านล่าง มีระยะทางเดินยาวถึง 70 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงจากพื้นดิน 25 เมตร บนหน้าผาสูง หันไปทางแม่น้ำโขง วิวมุมกว้าง ให้ไปถ่ายรูปมุมสวยของเชียงแสน แม่น้ำโขง และฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว รวมถึงเมียนมา แบบไกลลิบ ๆ โดยการเข้าชมสกายวอล์กผาเงา สามแผ่นดิน จะจำกัดรอบละ 100 คน

18. ถนนลอยฟ้าภูเก้าง้อม จังหวัดเลย

          ภูเก้าง้อม หรือที่เรียกว่า โค้งเลข 9 เป็นถนนลอยฟ้า หรือถนนหมายเลข 2113 เส้นด่านซ้าย-นาแห้ว อยู่ในตำบลนามาลา อำเภอนาแห้ว ถนนจะลัดเลาะตามภูเขาคดโค้ง ทางขึ้น-ลงค่อนข้างชัน (ขับขี่อย่างระมัดระวัง) สองฟากฝั่งเป็นวิวป่าไม้ ขุนเขาสุดลูกตา และบางวันที่อากาศเป็นใจจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาได้อย่างงดงาม โดยจะมีจุดให้แวะถ่ายรูปดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ ด้วย

19. สกายวอล์กภูแอ่น จังหวัดหนองบัวลำภู

          สกายวอล์กภูแอ่น (ภูแอ่น Skywalk) ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคํา ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจุดชมวิวทั้งภูเขาและแม่น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ โอบล้อมด้วยผืนป่าอันสมบูรณ์ แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน เพื่อจะได้แสงสวย ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาติดต่อรับบัตรคิวเข้าชมสกายวอล์กภูแอ่นได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ จอดรถในที่ทำการอุทยาน จะมีรถรับ-ส่งขึ้นไปยังสกายวอล์ก

20. จุดชมวิวผาพญากูปรี จังหวัดศรีสะเกษ

          จุดชมวิวสวยที่ตั้งอยู่ในตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ อยู่ติดกับเทือกเขาพนมดงรัก ไม่ไกลจากชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านชายแดนช่องสะงำ สามารถชมวิวทิวทัศน์จากริมหน้าผาสูง มองเห็นทั้งทิวเขาและอ่างเก็บน้ำห้วยสำราญ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เป็นสายน้ำหลักของจังหวัดได้สุดสายตา มีรูปปั้นกูปรีขนาดใหญ่ สัตว์ป่าสงวนที่เคยมีผู้พบเห็นในป่าบริเวณนี้ พร้อมกับสวนหินโบราณอายุนับร้อยล้านปีที่จัดเอาไว้อย่างสวยงาม