ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะคุมตัวขึ้นรถ นักข่าวก็ได้สอบถาม นายยุทธพล อีกครั้งว่าจนถึงตอนนี้สำนึกผิดหรือไม่ และอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตยังไงบ้าง นายยุทธพล บอกว่า “ผมขอโทษพ่อแม่น้อง และพี่ ๆ ของน้องด้วย ผมจะไปชดใช้กรรมในคุกแล้ว “

ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปจริงๆเลย ก็เพราะ ต้องการเงิน เนื่องจากคิดว่า ผู้เสียชีวิตจะมีเงินเยอะ เห็นมีรถขับ แต่จริงๆน้องเขาไม่ได้มีเงินเยอะอะไร พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า  เริ่มวางแผนคิดๆไว้ตอนที่ได้เจอกับผู้เสียชีวิตที่สวนลุมพินี และลงมือก่อเหตุในวันดังกล่าวเลย 

นายยุทธพล ยังบอกอีกว่า ตอนนี้เสียใจมาก และหากย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่ทำ ส่วนตัวอยากขออโหสิกรรมกับผู้ตายด้วย พร้อมทั้งอยากบอกหรือเตือนไปถึงกลุ่มสาวอาชีพพิเศษนี้ว่า งานนี้เสี่ยงอันตรายมาก เพราะมีมิจฉาชีพเยอะ

ด้านความความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.เกรียติศักดิ์ มิตรปราสาท  ผู้กำกับสภ.คลองหลวง บอกว่า จากการสอบปากคำ นายยุทธพล ให้การรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในการนำเจ้าหน้าที่ไปรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งรถและการงมโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต รวมถึงดัมเบล โซ่ และสร้อยคอของผู้เสียชีวิต จนได้พยานหลักฐานมาครบถ้วน

สำหรับ ดัมเบล และโซ่ ก็เป็นหลักฐานที่ ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า หลังจากที่ทำร้ายร่างกายน้องกอหญ้าแล้ว ขณะนั้น ผู้ต้องหาคิดว่า น้องกอหญ้า ยังไม่เสียชีวิต ยังมีลักษณะกระตุกอยู่จึงต้องการถ่วงน้ำเพื่อให้เสียชีวิตจริงๆ โดยใช้ดัมเบลและโซ่ขนาดเล็กมาล็อกคอไว้ แล้วทิ้งถ่วงน้ำ ทั้งนี้ก็ทำให้สร้อยของผู้เสียชีวิตน่าจะขาดติดมากับโซ่ด้วย

ส่วนพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ และกล้องวงจรปิด และพยานหลักฐานอื่นๆค่อนข้างจะครบถ้วนเช่นกัน ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าดูพฤติกรรมผู้ต้องหา เพราะเกรงว่าจะมีภาวะเครียดหรือฆ่าตัวตาย แต่ปรากฎว่าสภาพจิตใจยังปกติ ไม่มีภาวะวิตกจริต

ทั้งนี้จะไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะพยานหลักฐานครบถ้วน และผู้ต้องหาไม่ประสงค์ที่ไปทำแผน รวมถึงเมื่อวานนี้มีภาพความโกรธแค้นของฝั่งผู้เสียีชวิตด้วย ประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆค่อนข้างครบถ้วน โดยเฉพาะนิติวิทยาศาสตร์ จึงสามารถที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ แม้อนาคตผู้ต้องหาจะปฏิเสธข้อกล่าวหาก็ตาม

ทั้งนี้ สรุปว่าหลังสอบปากคำ พนักงานสอบสวนได้ แจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมด 4 ข้อหา ดังนี้