วันจันทร์ ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
‘อภิสิทธิ์’ซัดเพื่อไทยก้าวไม่พ้น‘ชินวัตร’
ระวังรัฐประหาร
อย่ามีพฤติกรรมเอื้อครอบครัว-พวกพ้อง
ฝ่าฝืนธรรมาภิบาล-ออกกม.นิรโทษกรรม
แนะ‘บิ๊กตู่’เปิดใจรับฟังแนวคิดคนรุ่นใหม่
ฝ่ายค้านผนึกพรรคเล็กเปิดเวทีถล่มรัฐบาล
8ปีปชช.เดือดร้อนสาหัส-จ้องซื้อแต่อาวุธ
‘บิ๊กตู่’ควงบิ๊กป้อมเปิดวันแรงงานแห่งชาติ
สยบข่าวลือนายกฯคนนอกหากเกิดอุบัติเหตุ
นายกฯบิ๊กตู่ เกี่ยวก้อย “บิ๊กป้อม” เปิดงานวันแรงงานแห่งชาติสยบข่าวนายกฯคนนอก ด้าน “สุชาติ” งงข่าวนายกฯ คนนอก เชื่อไม่มีสาระ-ไม่ใช่เรื่องจริง ยัน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” คุยกันดี ด้านฝ่ายค้านเปิดเวทีรุมถล่มรัฐบาล โหนกระแสนายกฯสำรอง เป็นระเบิดเวลาลูกใหม่รอวันปะทุ “อภิสิทธิ์” ซัด “เพื่อไทย”ก้าวไม่พ้น“ครอบครัวชินวัตร”รับหลายฝ่ายกังวลหากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอาจเกิดรัฐประหารอีก
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯ สำรอง ว่า ตนเองก็งงเช่นกัน แต่โฆษกพรรคฯ ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนแล้ว ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น จึงไม่อยากคิดอะไร ถ้าถามว่ากระแสข่าวมาจากไหน ต้องถามว่า สื่อไปเอาข้อมูลมาจากไหน ผู้สื่อข่าวตอบนายสุชาติว่า “มีข้อเสนอจากคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 แต่ก็ไปสอดคล้องกับท่าทีของพรรคการเมืองหนึ่งที่สนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”
นายสุชาติ จึงตอบผู้สื่อข่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ ไม่มีใครคิดเรื่องนี้ ก็ต้องกลับไปถามคนให้ข่าว หรือคนที่อยู่พรรคการเมืองนั้นว่า คิดจากอะไร ในส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ชี้แจงไปแล้ว และพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครตอบ เพราะมองว่าไม่มีสาระ ไม่ใช่เรื่องจริง
ส่วนข่าวนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น นายสุชาติ เห็นว่า ผู้ใหญ่คงไม่ได้คิด เพราะก็ไม่รู้ว่าคนพูดมีเครดิตขนาดไหน และย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น นายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเดินทางมากระทรวงแรงงานวันนี้ ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกัน และตนเองก็อยู่ด้วย โดยได้มีการพูดคุยกัน
“ผมคิดว่าไม่ใช่ และถ้าใครพูดคนหนึ่ง หรือสื่อพูดแล้วไปคิดตามหมดนั้น ไม่ได้หรอก ประเทศจะอยู่อย่างไร ซึ่งเราต้องมีความสามัคคี เพื่อให้ประเทศได้ก้าวผ่านไป” นายสุชาติ กล่าว
เหน็บธรรมนัสช่วยสอนด้วย
เมื่อถามว่า ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย พูดถึงนายสุชาติ ที่ไปรับประทานอาหารกับพรรคเล็ก พร้อมระบุว่า “รมต.เฮ้ง ยังต้องเรียนรู้ดูแลพรรคเล็กอีกเยอะ” นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ตนก็ได้ดูอยู่ ยอมรับว่า วิทยายุทธของตนเองอาจจะน้อยกว่า
“ถ้าเจอก็ต้องสอนผมหน่อย ซึ่งการไปทานข้าวนั้น ผมรู้จักหลายคนก่อนเป็น ส.ส.อีก มีความสนิทสนมกันอยู่แล้ว และพรรคเล็กก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว มีอะไรก็คุยกันได้ บรรยากาศไม่มีอะไร แต่เมื่อมีภาพหลุดไป ผมก็ไม่ปฏิเสธ เพราะมันคือเรื่องจริง เรากินข้าวกันได้ เป็นผู้แทน ถ้ากินข้าวกันไม่ได้ก็ไม่ใช่เพื่อนกัน” นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ผ่านไป 2 วัน พรรคเล็กก็ไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทย นายสุชาติ กล่าวว่า เห็นมีอยู่คนเดียว คนอื่นไม่ได้ไป แต่พรรคเล็กทานกับตน 15-16 คน
ส่วนที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล ไปขอข้อมูลฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ นายสุชาติ กล่าวว่า ขอใช้คำว่า อาพิเชษฐ เพราะรู้จักกันมานาน อาพิเชษฐ อายุ 79 ปีแล้ว เป็นรัฐมนตรีมา มีวุฒิภาวะไม่แพ้ใคร และเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ การที่เดินอะไรเกี่ยวกับการเมือง เพราะเชื่อว่ามีจุดยืนบางอย่าง แต่สุดท้ายในทางการเมือง มีมุมมองของมารยาททางการเมือง จึงเชื่อว่าในเรื่องนี้ไม่มีอะไร การที่นายพิเชษฐไปรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อไทย ตนก็เคยไปเหมือนกัน ก็เป็นเพื่อนกัน รู้จักกันตั้งแต่ปี 50 ขอให้สื่อสบายใจ
ขอให้รอดูวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามย้ำว่า แต่นายพิเชษฐ เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ ตอบว่า นายพิเชษฐ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเยอะมาก มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้รับคำแนะนำจากนายพิเชษฐหลายเรื่อง ก็แล้วแต่บุคคล แต่ตนกับนายพิเชษฐสนิทกัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหญ่ เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถรู้จักเพื่อนทุกคนได้ แต่สำหรับตนเอง ให้ความเคารพทุกคน เพราะตนเป็นเด็ก
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในเสียงของพรรคเล็กที่จะสนับสนุนการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า พรรคเล็กบอกแล้วว่า ขอดูข้อมูลการอภิปราย และดูว่าน้ำหนักเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่า การเป็นผู้แทนราษฎรก็มาจากเสียงประชาชน ถ้า ส.ส.พรรคเล็กจะตัดสินใจวันนี้ หรือจะพูดในอนาคตที่ยังไม่เห็น ก็ไม่มีใครกล้าพูดผูกมัดตัวเอง ซึ่งหลักการพรรคเล็กก็พูดแล้วว่า อยู่พรรคร่วมรัฐบาล และบางคนก็พูดว่า กับนายกฯ ก็ไม่ได้มีประเด็นกันอยู่แล้ว ส่วนถ้ากระทบใครก็ชี้แจงแล้วกัน ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น พรรคเล็กมีผู้แทนที่มีศักยภาพก็เยอะ เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองในตอนนี้ที่ค่อนข้างอ่อนไหว เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า รอเปิดสภาฯ และทุกคนซ่อนมีดไว้อยู่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ก็อาจจินตนาการไปเอง สื่อลองไปถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า วันนี้มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ แต่คนที่พูดไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลพูด ก็จะน่ากลัว “ท่านก็เป็นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล เพราะตอนที่ท่านออกไป ท่านก็พูดว่าสนับสนุนรัฐบาล ก็ต้องเป็นไปตามสิ่งที่ท่านพูด เพราะตอนที่ท่านและสส.ออกไป ก็พูดกันชัดเจนในวันนั้นว่า ออกไปก็ยังสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่พูดวันนั้นกับวันนี้ มันต้องสะท้อนให้เห็นว่า วันที่ท่านออกไปแล้วบอกว่าสนับสนุนรัฐบาล เป็นอย่างนั้นหรือไม่ แต่ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้” นายสุชาติ กล่าว
บิ๊กป้อมเกาะไหล่“น้องตู่”รูดซิปปาก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00น.ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงาน เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ระหว่างนั้นรอเปิดงานได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เดินทางมาถึงก่อนและเข้าไปนั่งในห้องพักรับรอง โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมกระทรวงแรงงานบริเวณที่จัดงานพร้อมกัน โดยระหว่างเดินทางเข้าห้องประชุม พล.อ.ประวิตร ได้เดินเกาะไหล่ พล.อ.ประยุทธ์
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมงาน พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นการเมืองเลย
ฝ่ายค้านเดินหน้าคุยพรรคเล็ก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคเล็ก เพื่อเสนอแนวทางในการโหวตร่วมมกับฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ฟังข้อเสนอเขาแล้วดูเป็นประโยชน์ ซึ่งวัตถุประสงค์ของเราต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเล็ก เห็นพ้องกับข้อมูลของเราอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าพูดคุยกันได้ในมุมของเราถือว่าเป็นประโยชน์และพรรคเล็กเองอาจจะคิดว่าการที่เขา ช่วยโหวตน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ได้ เพราะวันนี้บ้านเมืองเกิดวิกฤตประชาธิปไตยเสื่อมประเทศประชาชนสิ้นหวัง ถ้าทุกฝ่ายมองอย่างนี้ตนถือว่าเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการนัดหมายที่ชัดเจน แต่มีการติดต่อประสานมา เราก็รับข้อเสนอในการที่จะพูดคุย เพราะตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นประโยชน์
เดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่า การกินเลี้ยงกับพรรคเล็กของเลขาธิการพรรคพท.ได้พูดคุยกันในประเด็นใดบ้าง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคพท. กล่าวว่า ในการสนทนานายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 พูดถึงความอึดอัดใจที่มีต่อการแสดงความเห็นโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเซ็นสัญญาจ้างในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ จึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเรา ถึงขนาดปรารภว่า ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าในความเสียหายที่เกิดขึ้น ท่านถึงกับพูดว่าจะไม่ยกมือสนับสนุน ถ้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีญัตติเรื่องนี้เข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม การติดต่อประสานงานกับพรรคเล็ก หัวหน้าพรรค พท.ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสานเบื้องต้นว่า จะมีการพูดคุยหรือไม่มีการพูดคุยกัน หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะนำเสนอให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า สังคมมองเป็นเกมปั่นราคากล้วย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลายคนอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่ตนมองว่าหากเขามีเจตนาที่ดีกับประเทศจริงๆ ถือว่าเขาทำโจ่งแจ้งไม่ได้ทำลับๆ ล่อๆ เขาประกาศว่าเขาอยากช่วยในเรื่องที่เห็นว่าเป็นความเสียหาย ซึ่งงการประกาศเช่นนี้หมายถึงเขาสัญญากับประชาชนว่าเขาจะทำ ดังนั้น ถ้าเขาไม่ทำแล้วไปเข้าสมมติฐานว่าเป็นการปั่นราคา เขาจะเสียหายเอง เขาคงไม่คิดฆ่าตัวตายทางการเมือง เพราะจะเป็นการเล่นการเมืองครั้งสุดท้ายของเขาเลย จึงเชื่อว่าเขาต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงๆ
พร้อมคุยกับก๊วน”ธรรมนัส”
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะมีการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ศท.ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 208 เสียง การจะมีเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งต้องใช้238 เสียง ดังนั้น การแนวทางการแสวงหาเสียง นอกจากใช้ข้อมูลแล้ว การติดต่อประสานงานกับพรรคที่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง เราแสวงหาโดยไม่ปฏิเสธที่จะเข้าไปพบปะพูดคุยอยู่แล้ว แต่จะเป็นจังหวะไหนค่อยดูกันอีกครั้ง ถ้าได้เสียงจากพรรค ศท.ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผลอๆ อาจจะมีการตัดสินใจก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยก็ได้ หากกฎหมายลูกทั้ง 2ฉบับ ผ่านวาระ 3 ประมาณกลางเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้น ช่วงกลางเดือน มิถุนายนจะเป็นช่วงที่จะมีการตัดสินใจหลายเรื่อง หากนายกฯ ต้องการรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และคิดว่าท่านออกไปแล้วจะมีคนเข้ามาทำหน้าที่ได้ดีกว่า หรือสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ท่านอาจจะตัดสินใจในช่วงเวลานี้เลย ซึ่งง่ายที่สุดคือการลาออก
‘พิเชษฐ์’บอกข้อมูลไหลมาเพียบ
นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม16 กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่ม16 แสดงจุดยืนจะโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในกรณีการประมูลระบบท่อส่งน้ำมนพื้นที่อีอีซีโดยไม่โปร่งใสนั้น ปรากฎว่ามีผู้ส่งข้อมูลความน่าสงสัยเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมาให้ตนจำนวนมาก ทราบว่าในการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อพิจารณาทบทวนมติเรื่องกาพิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองผลการคัดเลือกเอกชนดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เมื่อวันที่14มี.ค.2565 มีกรรมการร่วมประชุมเพียง 9คน จาก12คน โดยที่ประชุมลงมติยืนยันให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างเป็นผู้ชนะประมูลโครงการด้วยคะแนน 6ต่อ3 ใน3เสียงนั้น มี2เสียงขอให้รอคำพิพากษาศาลปกครองตามที่มีผู้ไปร้องคัดค้านการประมูลโครงการ อีก1เสียงลงมติงดออกเสียง และมีผู้ไม่เข้าร่วมประชุม3เสียง เพราะไม่อยากเสี่ยงติดคุกในการไปร่วมลงมติ
นัดคุยกลุ่ม16-ศก.ไทยสัปดาห์หน้า
“ในสัปดาห์หน้านพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้นัดกลุ่ม16 และพรรคเศรษฐกิจไทย หารือถึงข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีการพูดคุยถึงประเด็นความน่าสงสัยโครงการระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซีด้วย แต่ยังไม่กำหนดชัดเจนจะนัดหารือวันใด ผมมองว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่แม้กลุ่ม16 เป็นฝ่ายรัฐบาล จะไปพูดคุยกับฝ่ายค้าน เพราะอยากให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาว่ามีความเข้มข้นในการตรวจสอบรัฐบาล แม้จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นด้วยกับรัฐบาลทุกเรื่อง ต้องรอดูข้อมูลฝ่ายค้าน ถ้ามีข้อมูลหนักแน่นก็พร้อมยกมือสวน เพื่อเรียกศรัทธาประชาชนในระบบรัฐสภากลับมา หลังขาดความเชื่อมั่นกรณีสภาล่มซ้ำซาก
ฝ่ายค้านเปิดเวทียำรัฐบาลบิ๊กตู่
ที่โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ จ.ชลบุรี จากนั้นได้มีการเสวนาของ ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาธิปไตยเสื่อม หมายถึง ระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้ ซึ่งระบบแบบนี้ทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่สนใจที่จะตอบสนองประชาชน เพราะมี ส.ว. 250 คนคอยบสนับสนุน ไม่ต้องง้อ ส.ส. หรือฟังเสียงประชาชน รัฐบาลเผด็จการไม่ได้การยอมรับจากคนทั่วโลก
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่งผลให้ไม่มีคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถมาร่วมทำงานกับรัฐบาล ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ สำรอง หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายกฯปัจจุบันหรือลูกพี่ ก็ไม่หวั่นทั้งคู่ เพราะเป็นก็ยิ่งพัง ทำไมเรายังพูดว่า2คนนี้จะเป็นนายกฯอีก เพราะ2คนนี้ ตั้งสว.250 คนขึ้นมา รอให้ฝ่ายค้านชนะเยอะๆได้เสียงเกินสว.รับรอง 2คนนี้ ไม่ได้เป็นนายกฯและจะหยุดสร้างความเสียหายให้ประเทศเสียที
8ปีทำประชาชนเดือดร้อนหนัก
น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ประชาธิปไตยของประเทศกำลังเสื่อมถอย เรามองเห็นรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพ แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง บังคับใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยถดถอย
น.ส.เบญจา ระบุว่า เราเห็นพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก 8 ปีที่ผ่านมา เป็นทศวรรษที่สูญหายของคนทั้งประเทศ เราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ไม่เห็นความพยายามประนีประนอมกับประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมามีการต่อสู้ทางการเมือง มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ติดคุก โควิด- 19 ก็ทำให้สูญเสียไปจำนวนมาก การแก้ปัญหาเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 4 เรื่อง ที่เป็นกลไกของความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญ คือ 1.การมีส.ว. 250 คน เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เป็นการออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง 2.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีทหารเป็นหลัก 3.ให้องค์กรอิสระเป็นที่อยู่ของข้าราชการเกษียณ อำนาจล้น ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล 4.แก้ยากเพราะเต็มไปด้วยเงื่อนปม และกับดัก ส่วนประชาธิปไตยเสื่อม คือแก้ไขในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองเท่านั้น สิ่งใดที่เสียประโยชน์ ส่วนประเทศโทรมนั้น คือ เจ๊งทั้งแผ่นดิน เกิดหนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 18 ปี การลงทุนติดลบ ค่าจ้างแรงงานต่ำไม่ทำตามนโยบาย ขอให้พิจารณาว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าจะเลือกเขาอีกหรือไม่ ปัญหาทั้งหมดพวกเราไม่ต้องเดือดร้อนใจ รัฐบาลชุดนี้เกือบจะหมดอายุ เกือบจะไปแล้ว พวกเราที่อยู่บนเวทีจะทำหน้าที่เป็นรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
สับรัฐบาลจ้องซื้อแต่อาวุธ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไม่เคยทำตามนโยบายที่ตนเองได้หาเสียงไว้ พอมิลลิมีชื่อเสียงก็รีบโหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยจะเอาผิดต่างๆนานา รู้หรือไม่ว่าซอร์ฟเพาเวอร์ คืออะไร ไม่ใช่แค่จะมาเกาะโหนกระแส คือบุคลิกของผู้นำ ที่ไม่เน้นทำ แต่เน้นเกาะกระแส ยืนยันว่า ทหารมาเป็นรัฐบาลไม่ได้ ต้องให้คนที่เป็นนักบริหารเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจประเทศจึงจะไปได้ ไม่ใช่เอาแต่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ประเทศไทยมีทรัพยากรจำนวนมากที่สามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ แต่หากรัฐบาลนี้ยังเป็นรัฐบาล และฝ่ายค้านที่นั่งตรงนี้ยังต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีกสัก 2 ปี ประเทศไทยพังแน่นอน จึงพูดเผื่อไว้ว่า หากมีการเลือกตั้งเมื่อใด ขอให้พวกท่านเลือกพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้
ขณะที่ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า การเมืองจะเปลี่ยนแปลงในอีกไม่นาน พี่น้องนักประชาธิปไตยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตยเราเสื่อมมานานแล้ว มีรัฐประหารบ่อยครั้ง จนเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทำให้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศกำลังพัฒนา ผู้นำเผด็จการไม่เห็นหัวประชาชน เพราะไม่ได้มาจากฉันทามติประชาชน เขียนกติกาให้มีอำนาจอยู่ต่อ และไม่ทำตามสัญญาที่จะปราบโกง ไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง และปฏิรูปการเมือง เรียกว่าตระบัดสัตย์ และยังสร้างรัฐสภากึ่งเผด็จการด้วย
“ เรามีผู้นำขาดวิสัยทัศน์ความรู้ความสามารถ เราต้องมีผู้นำที่มีความสามารถพิเศษ ยุคนี้วิกฤติทุกอย่าง เชื่อว่าไม่เกินเดือน มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออก คือข่าววงใน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ข่มขืนใจพวกเรามานาน เรายังจะอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อหรือออกไป” นายนิคม ระบุ
“มาร์ค”ยำพท.ก้าวไม่พ้น”ชินวัตร”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูปสภาที่3ถึงกรณีที่หลายคนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่มีการมองท่าทีของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชู นส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ขึ้นมาแล้วหวังว่าจะเกิดแลนด์สไลด์ ถ้าพรรคเพื่อไทยมาในลักษณะนี้ นส.แพทองธาร มาจะเอานายทักษิณกลับบ้าน ก็อาจจะมีการรัฐประหารเกิดใหม่อีกรอบ ว่า ต้องยอมรับว่าความกังวลตรงนี้มีแน่นอน เพราะเกิดความรู้สึกว่าในที่สุดพรรคเพื่อไทย ก็ยังก้าวไม่พ้นครอบครัวชินวัตร ทั้งนี้สมมุติว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง คนในครอบครัวมาดำรงตำแหน่งอีก ลำพังตรงนั้นก็ไม่เป็นไรถ้าประชาชนเลือก เพียงแต่ว่าอย่าย้อนกลับไปสู่ พฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ ให้ครอบครัว ให้พวกพ้องหรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแนวคิดเรื่องการนิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์ ยังมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไม่เปิดใจกับคนรุ่นใหม่ และแนะนำให้เริ่มรับฟังปัญหาต่างๆก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาในวันข้างหน้า