“สายตรง กูรู พระยอดธง บอย มีนบุรี”
♦♦♦ มงคล แสนสุข หรือ บอย มีนบุรี สนใจพระเครื่องมาตั้งแต่เด็ก บ้านขายพระเครื่องอยู่ในวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ คุณตาเป็นเซียนพระรุ่นเก่า ส่วนตัวเป็นคนชอบค้นคว้าศึกษาประวัติศาสตร์ เมืองกรุงเก่าอยุธยาโดยเฉพาะพระยอดธงทองคำ
♦♦♦ พระยอดธงสมัยอยุธยานั้นจะแบ่งยุคเป็น 3 ยุค จะไม่เหมือนกับพระกรุทั่วๆไป ยกตัวอย่างเช่น พระกรุเนื้อชิน เช่น พระหูยานหรือพระมเหศวรนั้น นักเล่นรู้กันดีว่ามีการสร้างมาแค่เพียงครั้งเดียว ซึ่งไม่เหมือนกับพระยอดธง ซึ่งมีการสร้างมาทุกยุคทุกช่วงยุคสมัย จนถึงปัจจุบัน เช่น อยุธยาจะแบ่งเป็นยุค ต้น/กลาง/ปลาย/กรุงธนบุรี/รัตนโกสินทร์ /จนถึงยุครัชกาลเป็นต้น พระแต่ละยุคจะดูได้และแตกต่างกันในเรื่องของศิลปะและกรรมวิธีการสร้างที่แตกต่างกัน เพราะวิวัฒนาการสร้างคนละช่วงเวลา นั้นหมายถึงความเจริญของเครื่องมือเทคนิคการหลอมการสร้างในแต่ละช่วงยุคได้มีการพัฒนา ร่วมไปถึงหลายๆอย่างที่เป็นองค์ประกอบ เช่น การหล่อและการแต่งของช่างในแต่ละยุคแต่ละสมัยดูได้จากศิลปะของพระองค์นั้นๆว่าอยู่ในช่วงยุคใด พระยอดธงมีการสร้างหลายเนื้อเช่น ทองคำ,สำริด,เงิน บ่งบอกถึงฐานะและศักดินาของผู้สร้างมีทั้งศิลปะช่างหลวง และช่างชาวบ้าน
♦♦♦ ในสมัยอยุธยานั้น มีการแบ่งชั้นวรรณะลำดับฐานะกันก็จะสร้างเนื้อโลหะที่แตกต่างกันไป เรื่องเนื้อทองคำที่หามาสร้างพระมีหลักฐานในพงศาวดาร ในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกษฐ์ ใน พ.ศ. 2289-2291 เกณฑ์ไพร่พลจำนวน 2 พันคน ร่อนทองคำ ที่บางสะพานเพราะเชื่อว่าทองคำบางสะพานเป็นทองนพเก้า(ทองธรรมชาติ)เพราะไม่ผ่านการถลุงด้วยความร้อนจึงมีความบริสุทธิ์มากความบริสุทธิ์ถึง 100% และเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ทนสิทธิ์ในตัว และยังพบเจอเนื้อทองคำเปอร์เซ็นต์สูงในพระยุคต้น/ยุคกลางและเนื้อทองคำเปอร์เซ็นต์ต่ำมักพบเจอในพระยุคปลาย เช่น ยุคราชวงค์บ้านพูลหลวง อาจเป็นเพราะว่าช่วงนั้นข้าวยากหมากแพงบ้านเมืองอยู่ในสภาวะศึกสงคราม โลหะหายากเป็นของมีค่ารวมไปถึงการหลอมได้มีการพัฒนามากกว่าในยุคต้นจึงได้มีการนำโลหะอื่นมาผสมเจือจางกับทองคำ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่พบเจอ แต่พระที่เป็นเนื้อทองนพคุณ/นพเก้า/บางสะพานนั้นพบเจอได้ยากมากเพราะเป็นเนื้อทองคำที่เหนือกว่าทองคำ พบเจอพระยอดธงเนื้อทองคำ 100 องค์จะเจอองค์ที่เป็นเนื้อทองนพเก้า 1 องค์ต่อ 100 องค์ โดยในสมัยนี้ พิสูจน์ได้โดยการนำพระไปยิ่งเปอร์เซ็นต์
♦♦♦ ในการพิจารณาพระยอดธงนั้นเดือยล่างเป็นจุดชี้ชัดได้ว่าพระองค์นั้นเป็นพระที่สร้างในยุคใดเนื่องจากกรรมวิธีหล่อในแต่ละยุคไม่เหมือนกัน พระในสมัยนั้นทำทีละองค์โดยการปั้นหุ่นเทียนขึ้นมา และแต่งทีละองค์ จะดูได้จากเดือยพระที่เป็นทางน้ำ เดือยพระจะออกไปในทางทรงสี่เหลี่ยมออกแบนกลมจะไม่ปรากฏเดือยกลมสวยๆส่วนใหญ่เดือยกลมสวยๆจะเป็นพระยุคหลังแบบยุคกรุงธนบุรี เพราะมีการหล่อแบบเป็นช่อๆแบบพระกริ่งสร้างแบบทีละจำนวนมากในการเทเพียงครั้งเดียว และด้านข้างพระจะไม่มีตะเข็บข้างใน “สมัยยุคของอยุธยา” พระที่มีตะเข็บข้างพบเจอในยุคของสมัยกรุงธนบุรี พระมีตะเข็บที่พบเจอส่วนใหญ่เป็นพระใหม่ๆสร้างทีหลังหรือพระโรงงานเพราะเนื่องจากตะเข็บข้างองค์พระเกิดจากรอยประกบบล็อคเกิดจากการถอดพิมพ์พระเหมือนพระกริ่งนั้นเอง เพราะสร้างจากการปั้นขึ้นมาทีละองค์จึงไม่มีรอยตะเข็บข้างองค์พระ
♦♦♦ ในยุคสมัยของอยุธยาจะเอาบล็อกยางจากไหนมาถอดพิมพ์ อันนี้ตลกนะครับ ผิวพระในสมัยก่อนยุคต้นหล่อมาไม่สวยและพระไม่ค่อยได้แต่งมากมายเหมือนในพระยุคกลาง/ยุคปลาย ต่อมาในยุคกลางช่างจึงเริ่มใช้วิธีแต่งในหุ่นเทียน ขึ้นหุ่นมาทีละองค์แบบเดิมเหมือนยุคต้นแล้วมาแต่งเส้นสายลายในหุ่นเทียนเวลาแต่งหุ่นพระช่างก็จับตรงเดือยหุ่นพระคือทางน้ำนี่แหละครับเพื่อจะได้ทำงานสะดวกเดือยจึงไม่มีทางกลมสวยไปได้เพราะโดนมือบีบจับอยู่ในการแต่งหุ่นหากเป็นพระที่ไม่ได้แต่งอาจพบเจอในบางองค์ที่เดือยค่อนข้างออกไปทางทรงกลม (เดือยคือทางน้ำ) แล้วนำมาหล่อแบบโบราณเสร็จแล้วช่างนำมาแต่งผิวและสิ่วมืออีกทีเพื่อความคมชัดและแต่งผิวในสมัยนั้นยังไม่มีกระดาษทรายในสมัยโบราณช่างจะใช้หินละเอียดเกลาผิวแล้วใช้เชื่อกป่าน/ปอทำเป็นคันธนูนำมาจุ่มน้ำแล้วนำมาขัดผิวให้เรียบแต่จะปรากฏริ้วร่องรอยเชื่อกปานและรอยหินละเอียดในบางองค์ไม่มากก็น้อยยิ่งเป็นพระเนื้อทองคำช่างที่สร้างให้ความสำคัญสูงเพราะเป็นงานละเอียดในการสร้างพระให้กับเจ้านาย/บุคคลสำคัญ/พระผิวจะเนียนมากไม่ว่าจะเป็นรอยสิ่วที่คมชัดเจนขององค์พระ ช่างในแต่ละยุคการสร้างก็จะแตกต่างกันไป พระแต่ละองค์ก็จะแตกต่างกันไป ตั้งแต่สมัยยุคอยุธยา/ยุคต้น/กลาง/ปลายจนถึงสมัยกรุงธนบุรี/รัตนโกสินทร์/ยุครัชกาล/เพราะสมัยอยุธยานั้นเรืองอำนาจและอิทธิพล มีพระอยุธยาฝากบรรจุกรุเกือบทั่วประเทศ แต่ภาคอื่นๆก็มีการสร้างพระยอดธงนะครับไม่ใช่จะมีแต่ภาคกลางอยุธยา เช่น ทางภาคใต้ก็จะพบพระยอดธงศิลปะนครศรีธรรมราช ทางภาคเหนือ ก็จะพบพระยอดธงเชียงแสนและยุครัชกาลเมืองเหนือฯ แต่มีน้อยส่วนใหญ่จะเจอแต่ศิลปะภาคกลางเพราะอยุธยาเรืองอำนาจแผ่อิทธิพลไปทั่วประเทศเพราะความรุ่งเรืองและมั่งคั่งในอาณาจักร