เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
อุบลราชธานี-วอนช่วยเด็กพิการแต่กำเนิด อาศัยในกรงขังมานาน 15 ปี ป้องกันไม่ให้น้องได้รับบาดเจ็บจากการเดินไปมา ขณะนี้ ได้รับความลำบาก เพราะครอบครัวแทบไม่มีรายได้ซื้อของใช้จำเป็นให้น้อง เพราะโรคระบาด
เรื่องราวชวนสลดใจครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นโดยนายชูศักดิ์ สุทธิรารักษ์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เขต 1 อำเภอเขมราฐ นำนายสุรัตน์ จันทสาร กำนันตำบลเขมราฐ และ ผู้ใหญ่บ้านแสนสุข ตำบลเขมราฐ อ.เขมราฐ เข้าเยี่ยมครอบครัวนายชัยราช เหล่าลี อายุ 48 ปี ที่บ้านเลขที่ 19/1 ซอย 5 บ้านแสนสุข หมู่ 22 ต.เขมราฐ ซึ่งบ้านพักเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงสภาพเก่า
ด้านล่างมีการทำกรงอลูมิเนียม 2 คูณ 2 เมตร ใช้ขังน้องนุ่น อายุ 15 ปี บุตรสาวที่มีอาการพิการทางสมอง และส่งเสียงร้องครวญครางออมาเป็นระยะ เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องอยู่ในกรงขังตลอด
นายชัยราช เหล่าลี ผู้เป็นพ่อของน้องนุ่นเล่าว่า ตนมีลูก 3 คน โดยคนโตมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนคนเล็กกำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ส่วนน้องนุ่น เป็นลูกคนที่สอง มีอาการพิการทางสมองมาตั้งแต่กำเนิด พูดไม่ได้ มีแต่ส่งเสียงร้องฟังไม่ได้ศัพท์ ตนและเมียต้องช่วยกันดูแลประคบประหงม มาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันมีอายุ 15 ปีแล้ว
พ่อของน้องนุ่น เล่าด้วยความทุกข์ใจว่า อาการพิการทางสมองที่เป็นมาแต่กำเนิด ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พอน้องนุ่นโตขึ้นมาตามวัย ก็ประสบปัญหาคือ เมื่อคืบคลานไปไหนมาไหน ก็จะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากสิ่งของขีดข่วน หรือตกจากที่สูงบ้าง ตอนแรกทำเป็นกรงไม้ไว้ให้อยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเวลาเผลอ
ช่วงนั้น ตนและเมียก็ต้องพาน้องนุ่น เข้ารับการตรวจรักษาและรับยากับโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในตัวจังหวัดเป็นประจำทุกเดือน เพื่อประคับประคองหวังบุตรสาวอาจมีโอกาสดีขึ้น กระทั่งเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา คุณหมอประจำตัวน้องนุ่นที่ให้การรักษา ก็แจ้งให้ทราบว่า ไม่สามารถช่วยให้น้องนุ่น กลับมามีอาการปกติเหมือนคนทั่วไป
หลังจากนั้น ก็ต้องดูแลตามยถากรรม มีนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ คุณพุ่ม มอบเงินช่วยเหลือแบบปีเว้นปีๆละ 5,000 บาท รวมทั้งเงินช่วยเหลือผู้พิการจากรัฐบาลเดือนละ 800 บาท ส่วนตนมีที่นา 4 ไร่ ก็ใช้ประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวเรื่อยมา เมื่อว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา ก็จะมารับจ้างแบกหามสินค้าขึ้นลงท่าเรือข้ามฝากระหว่างแม่น้ำโขงที่อำเภอเขมราฐ ส่วนเมียต้องอยู่คอยดูแลน้องนุ่น และลูกอีกคนที่กำลังเรียนหนังสือ
นายชัยราช เล่าต่อว่า พอเกิดการระบาดของไวรัสโควิด19 มีการปิดประเทศ ทำให้การค้าขายระหว่างไทยและลาวผ่านแม่น้ำโขง ต้องหยุดลง ไม่มีสินค้าขึ้นลงที่ท่าน้ำ ทำให้รายได้จากการรับจ้างแบกของวันละ 300-400 บาท หายไป ต้องไปทำงานรับจ้างอย่างอื่นที่มีรายได้ไม่แน่นอน และมีงานให้ทำเดือนละไม่กี่วัน ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายซื้อของใช้จำเป็นให้กับน้องนุ่น บุตรสาว
ยังโชคดีที่ผ่านมา นายชูศักดิ์ สุทธิรารักษ์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เขต 1 อำเภอเขมราฐ ทราบถึงความทุกข์ยากของครอบครัว ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยมอบเงินส่วนตัว พร้อมซื้อของใช้จำเป็น โดยเฉพาะผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ให้น้องนุ่นใส่ จะได้ไม่ขับถ่ายเรี่ยราด และยังทำกรงอลูมิเนียมที่มีความสะอาดและกว้างกว่ากรงไม้เดิมมาให้นอนพักผ่อนเล่นใต้ถุนบ้านในช่วงกลางวัน เพราะกลางคืนครอบครัวนำน้องนุ่น ขึ้นไปอยู่บนบ้านไม่ให้คาดสายตา เนื่องจากระยะหลังนี้ บุตรสาวมักมีอาการเกร็งจากความพิการบ่อยครั้ง
จึงอยากวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือบุตรสาวบริจาคสิ่งของหรือเงินสดใช้ซื้อของจำเป็นให้แก่น้องด้วย โดยสิ่งของที่ต้องการคือ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ นมสด โอวันติน หรืออาหารเหลว เพราะบุตรสาวกินอาหารแข็งไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการย่อยของลำไส้
หากต้องการบริจาคเป็นเงินสดได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เลขบัญชี 020-157-51964-2 ชื่อบัญชี ด.ญ.วรญา เหล่าลี บัญชีเดียวกันที่ใช้รับโอนเงินช่วยเหลือผู้พิการจากรัฐบาล ส่วนเบอร์โทรศัพท์ของตนติดต่อได้ที่ 084-416-4494 ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยขอรับบริจาคมาก่อน แต่หลังเกิดโรคระบาดทำให้ครอบครัวของตนลำบากมาก นายชัยราช กล่าวด้วยความทุกข์ในที่สุด