บางแสน ชลบุรี

ลั่น‘อยู่มา8ปีลุงไม่ได้โง่เกินไปหรอก’  ‘บิ๊กตู่’เหน็บ3นิ้ว  อีก2นิ้วหายไปไหน-ฝากหมอดูแลสุขภาพ

ลั่น‘อยู่มา8ปีลุงไม่ได้โง่เกินไปหรอก’ ‘บิ๊กตู่’เหน็บ3นิ้ว อีก2นิ้วหายไปไหน-ฝากหมอดูแลสุขภาพ

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ลั่น‘อยู่มา8ปีลุงไม่ได้โง่เกินไปหรอก’

‘บิ๊กตู่’เหน็บ3นิ้ว

อีก2นิ้วหายไปไหน-ฝากหมอดูแลสุขภาพ

ยืนยันสั่งในสิ่งที่ถูกต้อง/ไม่ทุจริต

เยือนราชบุรีปชช.เชียร์นั่งนายกฯต่อ

กกต.เตือนห้ามดึงสถาบันหาเสียง

ฝ่าฝืนมีความผิดโละกก.บห.ยกชุด

‘จุรินทร์’ปราศรัยใหญ่สกลนคร16มี.ค.

เลขาฯกกต.ร่อนหนังสือเวียน แจ้งพรรคการเมือง ควบคุมสมาชิกพรรค ห้ามดึงสถาบันมาหาเสียง พร้อมออกหนังสือเตือนหัวหน้ารทสช.ควบคุม“ไตรรงค์”หลังปราศรัยโคราชประเด็นสุ่มเสี่ยง“บิ๊กตู่”ไหว้หลวงพ่อสมปรารถนา ทักหมา-คุยควาย เหน็บใครคิดทำร้ายนายกฯให้ระวัง ย้ำให้คิดดีทำดีบอกเด็กนักเรียนให้รักสถาบัน ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์เหน็บพวก 3 นิ้วอีก 2 นิ้วหาย ไล่ไปหาหมอป่วยหรือไม่ ฝากผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน ลั่นนายกฯไม่ได้สั่งโง่ๆ อยู่8ปีจะโง่ไม่รู้เรื่องเหรอ ยันมีคณะทำงานสั่งในสิ่งที่ถูกต้อง-ไม่ทุจริต‘บิ๊กป้อม’อารมณ์ดีลงเยือนใต้ เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม ย้ำต้องเร่งดูทั้งระบบ พร้อมแก้เป็นพื้นที่ไปพร้อมกัน

เมื่อวันที่ 13มีนาคม2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ลงนามในหนังสือ เรื่องการควบคุมและกำกับดูแลมีให้สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย แจ้งหัวหน้าทุกพรรคการเมือง โดยระบุว่า ด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.)ว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2560 มาตรา22 กำหนดให้คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) การเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศและคำสั่งของกกต.และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)หรือให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) แล้วแต่กรณี กก.บห.มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมีให้สมาชิกพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการในลักษณะอาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ซึ่งสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

กกต.ห้ามดึงสถาบันมาหาเสียงเลือกตั้ง

นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้พรรคการเมืองปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงขอให้พรรคการเมืองแจ้งให้สมาชิกพรรคปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศและคำสั่งของ กกต.โดยเฉพาะระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งและเมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้รับแจ้งจากนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการอันอาจมีลักษณะเป็นการฝ่าฝืนมาตรา22 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติหรือสั่งการให้สมาชิกพรรคการเมืองยุติการกระทำนั้นโดยพลันและกำหนดมาตรการ หรือวิธีการที่จำเป็นเพื่อมิให้สมาชิกพรรคการเมืองผู้ใดกระทำการ อันอาจมีลักษณะดังกล่าวอีก แล้วแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 7วัน นับแต่วันที่มีมติ

ฝ่าฝืนมีโทษสั่งโล๊ะ’กก.บห.’ยกชุด

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 22 วรรคสาม แห่งพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเสนอให้กกต.พิจารณามีคำสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ คำสั่งดังกล่าวให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุดังกล่าวดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองจนกว่าจะพ้นเวลา 20ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา22 วรรคสี่ แห่งพรป.ฉบับเดียวกัน

เตือนหัวหน้า’รทสช.’คุมเข้ม’ไตรรงค์’

นอกจากนั้น เลขาธิการ กกต.ยังลงนามในหนังสือเรื่องการควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ส่งถึงหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีรายละเอียดว่า ด้วยปรากฎข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 25ก.พ.2566 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้ปราศรัย ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยช่วงหนึ่งของการปราศรัยได้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ นายไตรรงค์ สมาชิกพรรค รทสช.อาจเป็นการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งได้ ดังนั้นจึงขอให้ท่านควบคุมและกำกับดูแลมิให้ นายไตรรงค์ กระทำการอันอาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับรวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศและคำสั่งของ กกต.

‘บิ๊กตู่’ทัวร์ราชบุรี/ย้ำรักษา3สถาบัน

เวลา 09.00น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ.เขตพญาไท กรุงเทพฯไปยังจุดจอด ฮ.สนามกีฬาประจำตำบลเบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อตรวจราชการ จ.ราชบุรี

จากนั้นนายกฯเดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวทะเบียน กค 9ราชบุรี โดยจุดแรกเวลา 10.00น.ไปที่วัดหุบกระทิง ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง ทันทีที่มาถึงนายกฯได้ทักทายนักเรียนโรงเรียนวัดหุบกระทิงที่มารอเจอนายกฯที่บริเวณรั้วโรงเรียน โดยนายกฯกล่าวกับเด็กๆว่า ให้รักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ สำหรับลุงยึดและรักทั้ง 3สถาบันและรักประชาชน ขอให้เด็กทุกคนเป็นคนดีรู้รักสามัคคีและตอนหนึ่งนายกฯหยอกล้อเด็กๆให้รักษาฟันให้ดีๆ ขณะที่เด็กๆบอกว่าเคยเห็นนายกฯแต่ในติ๊กต๊อกเพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ จากนั้นนายกฯเข้าสักการะหลวงพ่อสมปรารถนาพระประธานในอุโบสถ และนมัสการพระมหาสงกรานต์ (สันติ กะ โร) เจ้าอาวาสวัดหุบกระทิง ช่วงหนึ่งก่อนเข้าอุโบสถนายกฯยังทักสุนัขที่เจ้าของอุ้มมาว่าน่ารักนะลูก พร้อมลูบหัวสุนัข ก่อนเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรวิถีพุทธ ภายใต้สโลแกน “คุณลุงทำนา คุณป้าทำสวน”ซึ่งเป็นวิถีความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างวัดกับชุมชน

เหน็บใครคิดทำร้ายนายกฯให้ระวังตัว

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทายกระบือ หรือควายที่คนนำมาถวายวัด รวมทั้งได้สอบถามเจ้าอาวาสถึงการเลี้ยงดู แต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากทำให้”เจ้าโควิด”ควายเผือกซึ่งมีอายุสี่ปี ที่เกิดช่วงโควิดระบาดพอดี เกิดอาการระแวงและทำท่าฮึดฮัด พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวปลอบว่า’อย่าไปทำอะไรเขานะ พวกนักข่าวไม่มีใครทำร้ายนายกฯหรอก แต่ใครที่คิดจะทำร้ายนายกฯก็ขอให้ระวังก็แล้วกัน คิดดีทำดี’ทั้งนี้ มี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เจ้าของพื้นที่และเตรียมจะย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) น.ส.กุลวลี นพอมรบดี อดีตสส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร อดีตส.ส.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์และนายมานิจ นพอมรบดี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ให้การต้อนรับและมีชาวบ้านมารอต้อนรับถือป้ายข้อความระบุว่า ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ,เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ลุงตู่สู้ๆ,หนีเมียมาเชียร์ลุง,ลุงตู่อยู่ยาวๆ,ลุงตู่คนจริง2023 เป็นต้น

รปภ.คุมเข้ม-ห้ามโดยมือนายกฯที่เจ็บ

ขณะเดียวกัน มีการซักซ้อมประชาชนว่าห้ามหอมแก้มและจับมือบีบมือนายกฯ เนื่องจากมือนายกฯยังเจ็บอยู่ ขณะที่นายกฯเองก็พยายามยกมือข้างขวาขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกมือที่เจ็บอยู่ ขณะที่บรรยากาศรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่คัดกรองบุคคลเข้าออกติดสติกเกอร์และค้นสัมภาระอย่างละเอียด ทั้งนี้ วัดหุบกระทิงเดิมเป็นป่าช้าและมีการพัฒนาและประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลวงพ่อทอง หลวงพ่อเสือ และที่พระอุโบสถยังเป็นทองคำและภายในวัดยังมีศักดิ์พญานาคมุจลินซึ่งชาวบ้านในพื้นที่มีความเชื่อว่าขอสิ่งใดจะสมความปรารถนาทุกประการ อีกทั้งภายในวัดยังประดิษฐานองค์ท้าวเวสสุวรรณ และเครื่องบูชาซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ราชบุรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างทางมีการขึ้นป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ เป็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อความระบุว่า ชาวบ้านโป่งยินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาตรวจราชการโครงการขนาดใหญ่8โครงการงบประมาณ1,000กว่าล้านบาท

ชม’บ้านโป่ง’พื้นที่สะอาดเรียบร้อยดี

เวลา 11.40น.พล.อ.ประยุทธ์และคณะ เดินทางถึงศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ตำบลบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง โดยนายกฯพบปะประชาชน 1,500คน พร้อมกล่าวว่า สวัสดีมาตั้งแต่เช้าแล้วไปหลายที่บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดขอพรให้ชาวราชบุรีและมาด้วยความห่วงใย วันนี้ที่มาวัตถุประสงค์เยี่ยมเยือนดูความเรียบร้อยใน จ.ราชบุรี ซึ่งประทับใจความสะอาดเรียบร้อยทั้งทางบก ทางน้ำ วันหน้าในเรื่องของ PM 2.5 การเผาขยะ ต้องหาที่ทิ้งให้ดีและวันข้างหน้าจะหาวิธีการใช้ขยะให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ไม่ทำ ทำแล้ว โดยการนำมาเป็นพลังงานไฟฟ้าพลาสติกก็มีการรีไซเคิล พลาสติกอันตรายหลายร้อยปีไม่สลาย อยู่ในดิน ตนฝากด้วย เรื่องขยะที่เป็นพลาสติกทุกชนิด ฉะนั้นต้องกำจัดให้ได้

ลั่นอยู่มา8ปีไม่โง่เรื่องการเงินการคลัง

‘สถานการณ์เงินเฟ้อสถานการณ์การเงิน การคลังของเรายังมั่นคง ต่างชาติยอมรับ ดังนั้นขอฝากใครพอจะมีความรู้ก็ขอให้ศึกษา เขาบอกว่า ลุงไม่รู้เรื่อง แต่อยู่มาตั้ง 8ปี จะโง่ไม่รู้เรื่องเหรอ ลุงไม่ได้โง่เกินไปนักหรอก คณะรัฐมนตรี(ครม.) มี 36คน 20กว่ากระทรวง ข้าราชการกี่หมื่น กี่แสนคน คณะทำงานร้อยกว่าคณะ แต่ละเรื่องไม่ใช่นายกฯสั่งโง่ๆเขามีคณะทำงาน การแสดงความคิดเห็นอะไรไปก็ต้องฟัง ถ้าพูดไม่เข้าท่า เขาก็ด่าเอา ไม่ใช่เป็นนายกฯแล้วจะสั่งได้หมด แต่ต้องสั่งในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม ไม่ทุจริต เข้าใจคำว่า ทุจริตไหม บางคนไม่เข้าใจหรอก ทุจริตคืออะไรไม่รู้ โกงเวลาราชการถือว่าทุจริตแล้ว ไม่มาทำงาน นอนอยู่บ้าน ไม่ได้ป่วย แต่ขี้เกียจมา นี่ก็เบียดบังเขา ไม่ได้เข้าคิว แซงคิว โกงเวลาคนอื่น’นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ขอมารัฐบาลพยายามดูให้ อยากให้คนไทยมีสุขภาพดี แผนดูแลโรงพยาบาลมีอยู่แล้ว โดยวางงบประมาณในระยะเวลา3 ปี66-68 ตอนนี้อยู่ในระยะเวลาของการจัดทำงบประมาณปี2566 ถ้าใช้ปีเดียวล้มไปไม่ต้องพูดกัน สถานะทางการเงินประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ต่างประเทศธนาคารล้ม เรามีล้มไหม ไม่มีล้ม ของเราแข็งแกร่ง กระทรวงคลังดูแลดี มีอย่างเดียวทำอย่างไร พวกเราจะเข้าถึงแหล่งเงินให้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาประกอบอาชีพและแก้ไขปัญหาหนี้สินหนี้ครัวเรือน

เหน็บพวก3นิ้วอีก2นิ้วหายไปไหน

“ไม่รู้จะพูดอะไร พูดมากเดี๋ยวก็โดนด่าอีก ในนี้รับรองไม่มีใครด่าผมแน่นอน ข้างนอกไม่แน่หรอก เมื่อกี้ยังมีข้างนอก ไม่รู้เป็นอะไรมือมี 3นิ้ว มันหายไปไหน 2นิ้ว ไม่รู้เหมือนกัน นี่ต้องไปดูสุขภาพ ฝากหมอดูด้วยว่า อีก 2นิ้วเป็นอะไร แต่ผมไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอก แต่ขอให้ดูด้วยแล้วกันว่า ต้องมีปัญหาอาการอะไรสักอย่าง ผมโกรธเขาไม่ได้หรอก เขาคือคนไทย แต่เขาคิดอะไร ผมไม่รู้” นายกฯ กล่าว

ขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ดี

ในช่วงท้าย หลังจากพูดถึงเรื่องการทำงานของรัฐบาลในหลายๆเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใครด่ากูไม่ได้ ก็ด่าตัวเองนั่นแหละ มันไม่มีความสุขนักหรอกที่ยืนตรงนี้ แต่ต้องทำ มันเป็นหน้าที่ ฉะนั้นใครจะทำก็เสนอมา ให้ฟังเป็นอย่างไรเป็นไปได้หรือไม่ ต้องพูดให้ได้ อย่างที่เราพูดจะเอาเงินมาจากที่ไหน ถ้าให้ทุกอย่างหมด แต่ถามว่าที่เหลือเจ๊งไหม เข้าใจนะจ๊ะ ยิ่งพูดมาก เดี๋ยวยิ่งเป็นเรื่อง ขอโทษ ถ้าพูดอะไรตรงๆไปหน่อย เราก็เป็นคนแบบนี้ อยู่มาอายุจะ70ปีแล้ว ดูหน้าแก่ขนาดนี้ อยู่ตั้งแต่คนบอกหนุ่มฟ้อ แป๊บเดียวแก่แล้ว เขาบอกมีความสุขเหลือเกินก็ไม่เข้าใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้นายกฯได้ยกมือขยับสามนิ้ว พร้อมกล่าวว่า“ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันเหลืออย่างนี้ ฝากผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน อย่าให้เป็นอย่างนี้ ตอนนี้มีใครไม่สบายไหม แต่น่าจะแข็งแรงกันดี ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้”จากนั้นนายกฯเดินพบปะประชาชนพร้อมกล่าวว่า “เวลาโมโหใคร ไม่ชอบใครให้นึกถึงหน้านายกฯไว้”

ชาวบ้านโป่งเชียร์’ลุงตู่’นั่งนายกฯต่อไป

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรค ปชป.ที่ย้ายไปอยู่พรรค รทสช.เปิดเผยหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ว่า ประชาชนปลื้มใจที่นายกฯแม้ยังมีอาการบาดเจ็บบริเวณมืออยู่ แต่ก็ยังเดินทางมาตรวจราชการเพื่อผลักดันโครงการขนาดใหญ่ 8โครงการ ซึ่งชาวบ้านโป่งต่างเฝ้ารอ โดยโครงการทั้ง 8โครงการ ใช้งบฯกว่า 1,000ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ถนน4เลนจากหนองปลาหมอไปเขาขลุงและเตาปูน 2.อุโมงค์ระบายน้ำยักษ์ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วม 3.อาคารโรงพยาบาลบ้านโป่ง7ชั้น 4.อาคารโรงพยาบาลบ้านโป่ง 8ชั้น 5.อุโมงค์ลอดสี่แยกหัวโป่ง 6.เขื่อนริมตลิ่ง5ตำบล 7.สะพานเชื่อมโรงพยาบาลบ้านโป่งแห่งที่1กับแห่งที่2 8.สถานีสูบน้ำแก้ภัยแล้ง ตำบลเขาขลุงเฟส2 ทั้ง 8โครงการแก้ปัญหาให้ประชาชนและผลักดันให้บ้านโป่งเจริญยิ่งขึ้น จึงพร้อมกันเชียร์และสนับสนุนให้เป็นนายกฯต่อไป ขณะที่นายกฯก็รู้สึกปลื้มใจที่เห็นประชาชนมารอต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเสียงตอบรับที่ประชาชนมีให้

‘สุชาติ’โวกระแสดีหนุนให้’ลุงตู่’อยู่ต่อ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงในพื้นที่ภาคตะวันออกที่ตนเองรับผิดชอบ ว่า ขณะนี้มีความพร้อมอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือประชาชนต่างให้กำลังใจเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่ตลาดหนองมนและชายหาดบางแสนก็ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งอดีตตนเองเป็นลูกแม่ค้าขายของกับคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่ตนเองไปรื้อฟื้นบรรยากาศข้อมูลเก่าๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเพราะมองเป็นเรื่องประจำตัวและประจำวันของตัวเองไปแล้ว

ทั้งนี้ กระแสตอบรับพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกทุกคนรักลุงตู่ เพราะลุงตู่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนมองว่าการทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เพราะการเมืองเป็นระบบของภาคประชาชน และเชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค อยู่ต่อ เพราะนายกฯทำงานมาถึง 8ปีแล้ว ซึ่งระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่เกิดการทุจริตหรือฉ้อโกง ไม่เหมือนกับที่ผ่านมาที่อยู่ไม่ได้เพราะเกิดการฉ้อโกง ยืนยันไม่กดดันที่จะต้องหาเสียงในพื้นที่

‘บิ๊กป้อม’อารมณ์ดีลงเยือนภาคใต้

เวลา 10.00น.ที่ศาลาอเนกประสงค์พรุเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จ.ชุมพร ระนองและจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาพื้นที่และรับฟังความเดือดร้อนประชาชน โดยสถานการณ์ภาพรวมการพัฒนาและโครงการน้ำในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ปี61-65คืบหน้าไป870โครงการ ใช้งบประมาณ 4,469.40ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 45,687ครัวเรือน พื้นที่ได้รับประโยชน์ 92,101 ไร่ ป้องกันความเสียหายได้ 15,975ไร่และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการสำคัญ 6โครงการ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสีสุก คลองลิปะใหญ่ ระบบป้องกันน้ำท่วม ตลาดไชยา ชุมชนเชิงมนต์ ชุมชนเฉวงและชุมชนวัดประดู่

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ ติดตามโครงการก่อสร้าง ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนบางรัก และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมพรุเฉวง จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำขอให้ สทนช.และส่วนราชการจังหวัด ให้ความสำคัญกับพื้นที่เกิดน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายของชุมชนที่ผ่านมา โดยให้เร่งขับเคลื่อนแผนงานโครงการในพื้นที่เสี่ยงที่ประสบปัญหาน้ำท่วม บริเวณ ต.ท่าอุแท ต.ปากแพรก ต.ไชยคราม ต.สมอทอง ต.เขานิพนธ์ ต.พรุพี และ อ.บ้านนาสาร อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม อ.บ้านขุนตาลและอ.ดอนสัก พร้อมขอให้เร่งรัดกำกับโครงการชุมชนบางรัก ระยะที่1 การพัฒนาแหล่งน้ำทุ่งจอ การก่อสร้างสถานนีสูบน้ำสหกรณ์นิคมนครพนม และการขยายระบบประปา ต.เกาะพะงัน ให้เป็นไปตามแผน เพื่อลดผลกระทบความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยของจังหวัดในภาพรวม พร้อมกันนี้ขอให้เตรียมการ10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำ เพื่อมิให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำบริโภคกับประชาชนในฤดูแล้งไปพร้อมกัน จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้พบปะประชาชนเพื่อรับทราบปัญหา พร้อมทักทายประชาชนอย่างอารมณ์ดีและเป็นกันเอง

‘วิษณุ’แจง’บิ๊กตู่’ลงพื้นที่แค่ทำหน้าที่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทยออกมาระบุถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เป็นลงพื้นที่แบบแฝงการหาเสียงว่า ตนอยู่ฝ่ายรัฐบาล จึงไม่รู้จะพูดอย่างไร ซึ่งตนเคยพูดมาแล้วว่าไม่ใช่การหาเสียง เพราะคนที่เป็นรัฐบาล เขาก็ต้องทำงาน ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลเขาก็มีวิธีแสดงออกได้อย่างเดียวคือการพูด แต่ หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องบริหารประเทศ

เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ

“เวลาทำงานอาจจะแยกยากว่าเป็นการทำเพื่อหาเสียงหรือไม่ใช่หาเสียง แต่ถ้ามันโจ่งแจ้งเกินไปก็อาจถูกจับผิดได้ง่าย ดังนั้นทุกคนในรัฐบาลก็ต้องระมัดระวังตัวเอง”เมื่อถามว่าเรื่องแบบนี้นายกฯทราบใช่หรือไม่ว่าต้องระวังอย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทราบดีเหมือนกับทุกพรรคการเมืองก็ทราบดีเช่นกัน การที่นายกฯ ลงพื้นที่บ่อยในช่วงนี้ก็ต้องมองว่าเขาเป็นรัฐบาล เมื่อประชาชนมีปัญหา และอยู่ในโปรแกรมที่นายกฯต้องลงไป ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ ซึ่งสามารถทำแบบนี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมชัย ระบุว่านายกฯ ใช้ทรัพยากรของรัฐบาลทั้งเฮลิคอปเตอร์ รถยนต์ฯลฯ ตนไม่รู้ แต่ถ้าเป็นการใช้เครื่องไม้เครื่องมือเพื่อบริหารประเทศ ก็ไม่เป็นไร

เมื่อถามว่า การใช้เวลาของนายกฯที่คาบเกี่ยวกับเวลาราชการ จะสุ่มเสี่ยงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้จะพูดคลุมเครือไม่ได้ ต้องดูเป็นวันๆ เป็นเวลาๆ และแต่ละเหตุการณ์ไป เวลาคนจะร้องเรียนก็ต้องร้องเรียนเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เพราะฉะนั้นนายกฯหรือคนในรัฐบาลอย่าไปพลาดก็แล้วกัน

ชี้รถไฟฟ้าสีเขียวเป็นเรื่องการเมือง

นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) แจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารกรุงเทพมหานครและนักธุรกิจ รวม 13คน กรณีต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะมีผลต่อรัฐบาลอย่างไรหรือไม่ว่า ไม่มีผลอะไรกับรัฐบาล แต่มีผลกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า เขาจะเดินต่อไปอย่างไร ส่วนที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสว.จะร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ตรวจสอบเรื่องนี้นั้น ปปช.ตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะตรวจสอบอะไรก็ตามก็ต้องไปที่ปปช.อยู่ดี ถามว่านายกฯไม่มีอำนาจพิจารณาใช่หรือ ไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากปปช.ไม่ทำอะไร รัฐบาลจะต้องดู แต่กรณีนี้ ปปช.ดำเนินการแล้วก็เป็นเรื่องของปปช.รัฐบาลจะไปสอบอย่างไรในเมื่อเอกสารหลักฐานอยู่ที่ ปปชหมด เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวยอมรับว่า ใช่

‘จุรินทร์’ขอ’กกต.’แบ่งเขตยุติธรรม

ที่โรงแรมพูลแมน King Power รางน้ำ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมก่อนที่ กกต.จะประกาศเขตเลือกตั้งเพิ่มเติมว่า พรรคได้เตรียมความพร้อมในแง่ตัวบุคคล แต่ก็ยังยากเพราะในบางพื้นที่ยังไม่นิ่งเลยว่า สุดท้ายแล้ว กกต.จะแบ่งเขตอย่างไร จะรวมอำเภอไหน หรือจะสับแบ่งเขตอย่างไร เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งจึงจำเป็นต้องรอผลการพิจารณาของ กกต.ในขั้นสุดท้าย ส่วนการที่หลายพรรคการเมืองมีความกังวลถึงความไม่ชัดเจนของ กกต.ทำให้ผู้สมัคร สส.ลงพื้นที่ลำบาก ในเรื่องนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับประชาธิปัตย์แล้วเราลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และลงพื้นที่ในลักษณะที่ต้องคาดเดา โดยเฉพาะผู้สมัครที่พรรคได้ตัดสินใจส่งไปเป็น ปี 2ปีแล้ว ก็เดินลงพื้นที่ให้ครอบคลุมไว้ก่อน แต่สุดท้ายแล้วจะถูกตัด ถูกแบ่งเขตไปอย่างไรก็จะต้องรอดูผลอีกครั้ง สำหรับในส่วน กกต.ต้องช่วยดูเรื่องการแบ่งเขตให้มีความยุติธรรม ไม่ให้เป็นประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง แต่ควรจะยึดไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะทำให้เป็นที่ยอมรับได้

ลุยปราศรัยใหญ่’สกลนคร’16มี.ค.

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า วานนี้ (12มีนาคม) ตนได้นำคณะลงพื้นที่ จ.พังงาและจ.ภูเก็ต ส่วนวันที่ 16 มีนาคม จะไป จ.สกลนคร ซึ่งได้เปิดตัวผู้สมัครมาแล้วและผู้สมัครยังยืนหยัดอยู่กับพรรค คราวนี้จะมีการปราศรัยใหญ่ เพราะจ.สกลนคร เป็นพื้นที่เป้าหมายอีกพื้นที่หนึ่งที่มั่นใจว่า จะได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ส่วนวันที่ 18มี.ค.ไป จ.นราธิวาส วันที่ 19มี.ค.ไป จ.ยะลาและจะมีอีกหลายกำหนดการที่จะเดินหน้าหาเสียงในทุกภาคต่อไป

พท.เปิดนโยบาย-ผู้สมัคร400เขต17มี.ค.

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและหัวหน้าพรรค พท.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัวผู้ลงสมัคร สส.เหนือ อีสาน กลางและกรุงเทพฯ รวม 11คน โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันที่ 17มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00น.ที่ยิมเนเซียม4 ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต พรรคจะจัดงาน“คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน”ภายในงานจะมีกิจกรรมสำคัญคือ เปิดว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้ง400เขต พร้อมกันเพื่อสื่อสารกับประชาชนทั้งประเทศ เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ตั้งใจว่าผู้สมัครของเรามีความพร้อมตอบสนองความต้องการ เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน ที่สำคัญว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการสรรหาตามกฎหมาย พร้อมประกาศรายชื่อไปยังเขตแต่ละจังหวัด เพื่อให้ประชาชนให้ความเห็นชอบต่อไป ยอมรับว่าการแข่งขันครั้งนี้สูงมาก แต่เรามั่นใจว่า เมื่อเราสื่อสารนโยบายที่ชัดเจนออกไปเพื่อสร้างความหวัง ไม่ว่าจะมีกลไกลอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจจัดการที่มิชอบอย่างไร เชื่อว่าผู้สมัครของเรา รวมถึงนโยบาย จะเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ และทำให้ประชาชนลงคะแนนให้กับผู้สมัคร สส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ

พร้อมเปิดชื่อแคนดิเดตนายกฯ3คน

ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันที่ 17มี.ค.จะได้เห็นนโยบายสำคัญๆ กลไกของพรรคซึ่งเรามีผู้มีความรู้ความสามารถในทุกมิติ ซึ่งที่ผ่านมามวลชนก็ให้การตอบรับพรรคอย่างดี คาดว่าทุกฝ่ายต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะพรรค พท.เป็นพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคหลักที่มีความสามารถและจะต่อสู้กับระบอบประยุทธ์และเผด็จการได้ ซึ่งเราพิสูจน์ผ่านผลงานมาตลอด 20ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องแคนดิเดต นายกฯ เราจะส่งครบทั้ง 3คน เชื่อว่าจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง

เรื่องล่าสุด