เจาะประเด็นข่าว 7HD – เหตุคนร้ายเข้าไปเจาะตู้เซฟในบ้านหลังหนึ่งย่านห้วยขวาง เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ กวาดทรัพย์สินไปได้นับสิบล้านบาท ตำรวจก็ตามจับคนร้ายได้แล้ว พบว่าเพิ่งจะพ้นโทษคดียกตู้เซฟในบ้านย่านสุทธิสาร เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และยังพบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ และข่มขืน อีกหลายคดี
จากเหตุคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินในบ้านหลังหนึ่ง ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ยกตู้เซฟที่เจ้าของบ้านติดตั้งอำพรางสายตาไว้ภายในตู้เสื้อผ้า นำออกมาเจาะเอาทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ในตู้เซฟไปกว่า 10 ล้านบาท โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าของบ้านสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของช่างที่มาติดตั้งตู้เซฟ หรือช่างที่มาทำเฟอร์นิเจอร์บิวอินใช้ซ่อนตู้เซฟนั้น
หลังเกิดเหตุตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง และตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายพักอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ ย่านรัตนา-ธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี จึงนำหมายค้นเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 เมษายน แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุในห้องพัก พบเพียงของกลางจำนวน 39 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 2.1 ล้านบาท จากนั้น ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบต่อเนื่อง จนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมอีกแห่ง ในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี
จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็สามารถจับกุมตัว นายบรรจง ลิ้นจี่ ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ ก่อนจะนำตัวไปตรวจยึดทรัพย์สินได้เพิ่มอีก 53 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3.8 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่เป็นทองคำ นายบรรจง อ้างว่าได้นำไปขายตามร้านในย่านห้วยขวาง บางแสน และห้างสรรพสินค้าย่านงามวงศ์วาน เงินที่ได้ก็ใช้ซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงนำไปใช้เล่นการพนันออนไลน์จนหมด เพราะเป็นคนติดการพนันอย่างมาก ส่วนการก่อเหตุ นายบรรจง รับว่าลงมือทำเพียงคนเดียว โดยใช้ประสบการณ์จากที่เคยก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนมาแล้วหลายครั้ง เลือกบ้านที่คาดว่าจะมีทรัพย์สินเก็บเอาไว้ รวมถึงมีความรู้เกี่ยวกับตู้เซฟรูปแบบต่าง ๆ ว่าจะเปิดได้ด้วยวิธีไหน
ด้าน พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ พบว่าหลังจากที่ผู้ต้องหาเลือกบ้านที่จะก่อเหตุได้แล้ว ก็จะใช้วิธีไปเคาะประตู หรือกดกริ่งเรียกตามช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อเช็คว่าเวลาไหนที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน ซึ่งจากการตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหา ยังพบแผนที่บ้าน ที่เตรียมจะเข้าไปก่อเหตุอีก 5-10 หลัง โดยแต่ละหลัง มีการทำข้อมูลเอาไว้อย่างชัดเจน ส่วนเรื่องที่คนร้ายรู้ที่ซ่อนตู้เซฟ จากการสอบสวนพบว่า คนร้ายเข้าไปใช้เวลาก่อเหตุอยู่กว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งนานพอที่จะค้นหา และเจาะตู้เซฟจนสำเร็จ ทั้งนี้ จากการสอบประวัติพบว่าเพิ่งพ้นโทษคดียกตู้เซฟในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อเดือนตุลาคม 2564 และยังมีประวัติการก่อเหตุลักทรัพย์ใน พื้นที่ สภ.พุทธมณฑล เมื่อปี 2551, และ สน.สุทธิสาร เมื่อปี 2562 คดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อปี 2553 นอกจากนี้ ยังมีประวัติคดีข่มขืนในพื้นที่ สน.ดินแดง อีก 2 คดี เมื่อปี 2553 ด้วย