ฝ่ายค้านรุมถล่มรบ.ประยุทธ์ ชี้ทำปชต.เสื่อม-ปท.โทรม-คนสิ้นหวัง “เบญจา” เชื่อ นายกฯ กำลังโดดเดี่ยวหลังเกิดศึกภายใน ขณะที่ “นิคม” ปูดข่าววงใน “บิ๊กตู่” ลาออกไม่เกิน มิ.ย.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่ห้องประชุมแสนสุข โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จ.ชลบุรี โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน จัดเวที “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” ครั้งที่ 3 โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศชาติโทรม ประชาชนสิ้นหวัง ขาดสิทธิ หมดเสียง สิ้นเสรีภาพ รัฐธรรมนูญบิดเบี้ยว เสมือนร่างกายที่หัวใจพิการ” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่คนไทยต้องทวงคืนอำนาจ เพราะเราในฐานะเจ้าของอำนาจถูกปล้นอำนาจไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 มีการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากประชาชน แต่กลับมาทำความเดือดร้อนให้ประชาชนตลอดระยะเวลา 8 ปี วันนี้ถ้าเราไม่ทวงคืนอำนาจกลับมา อนาคตประเทศจะมืดมน
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ประชาธิปไตยเป็นแก่นของระบอบการปกครองสะท้อนถึงสิทธิ เสียง และเสรีภาพ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้พี่น้องประชาชนกำลังขาดสิทธิ หมดเสียง และสิ้นเสรีภาพ เราถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่วินาทีแรกที่เขายึดอำนาจ เขาออกกฎหมายพิเศษ ออกรัฐธรรมนูญชั่วคราว แม้แต่รัฐธรรมนูญถาวรปี 60 ก็ทำให้เราเสียสิทธิหลายด้าน ประชาชนไม่สามารถใช้เสียงของตัวเองได้ พรรคที่มีเสียงข้างมากที่ประชาชนเลือก เขาก็ใช้กลไกบิดเบือนเอาเสียงข้างน้อยมารวมกันเป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เมื่อพรรคฝ่ายค้านจะใช้เสียงในสภาเพื่อเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ก็ถูกต่อต้านคัดค้าน และยังใช้เสียงของส.ว.ช่วยสนับสนุนในการผ่านกฎหมายของตัวเอง นี่คือตัวอย่างที่เราหมดโอกาสใช้เสียง รวมถึงเสรีภาพหลายเรื่องถูกจำกัด โดยเฉพาะความเห็นต่างของประชาชน พรรคการเมืองที่เห็นต่างล้วนถูกกลั่นแกล้งจับกุมคุมขัง นี่คือภาพของสิ่งเราบอกว่าหมดแล้วซึ่งสิทธิ เสียง และเสรีภาพ
ที่สำคัญรัฐธรรมนูญที่บัญญัติขึ้นมาใช้บังคับ เกิดภาวะวิกฤตไม่สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาประชาชน เอื้อแต่ประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจ ถ้าเปรียบเป็นร่างกายมนุษย์รัฐธรรมนูญก็เหมือนหัวใจที่พิการ ที่ถูกล่ามโซ่ให้ขาดโอกาสคิดพัฒนาประเทศ โดยถูกล่ามด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นโซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่ผู้มีอำนาจทำกับเรา เขาอยากอยู่ในอำนาจ แต่ไร้ความสามารถที่จะทำให้บ้านเมือง ประชาชน อยู่ดีมีสุข และเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรงงาน กำลังแรงงาน 39 ล้านคน กระจายอยู่ใน 3 ภาคอุตสาหกรรมหลัก แต่การบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาลสะท้อนไปที่ตัวเลขการว่างงานหรือเสมือนว่างงานเกือบร้อยละ 10 หรือ 3.3 ล้านคน ถือว่ารัฐบาลได้สร้างวิกฤตให้แรงงาน สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าประเทศกำลังเสื่อมโทรม ประชาธิปไตยเสื่อม และประชาชนสิ้นหวัง
ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคพท. กล่าวว่า ประชาธิปไตยเสื่อม หมายถึง ระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้ ซึ่งระบบแบบนี้ทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่สนใจที่จะตอบสนองประชาชน เพราะมีส.ว. 250 คนคอยบสนับสนุน โดยไม่ต้องง้อ ส.ส. หรือฟังเสียงประชาชน ขณะที่รัฐบาลเผด็จการไม่ได้การยอมรับจากคนทั่วโลก ส่งผลให้ไม่มีคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถมาร่วมทำงานกับรัฐบาลนี้ ปัญหาโควิด-19 รัฐบาลก็แก้ไขแบบผิดๆ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจะลงลด แต่ทุกอย่างกลับล่าช้า เสียเวลาเป็นปีๆ บวกกับเจอปัญหาวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบเรื่องน้ำมันแพง และเรื่องการส่งออก ขณะที่รัฐบาลไม่ถนัดเรื่องการเจรจาระหว่างประเทศ การเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจ และเปิดการท่องเที่ยวกลับดำเนินการล่าช้า นี่คือต้นเหตุของบ้านเมืองเสื่อมอยู่ทุกวันนี้
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นนายกฯ สำรองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายกฯปัจจุบันหรือลูกพี่ก็ไม่หวั่นทั้งคู่ เพราะเป็นก็ยิ่งพัง ทำไมเรายังพูดว่าสองคนนี้จะเป็นนายกฯอีก เพราะสองคนนี้ตั้งส.ว.250 คนขึ้นมา รอให้ฝ่ายค้านชนะเยอะๆ ได้เสียงเกินส.ว. รับรองสองคนนี้ไม่ได้เป็นนายกฯ และจะหยุดสร้างความเสียหายให้ประเทศเสียที
ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ประชาธิปไตยของประเทศกำลังเสื่อมถอย เรามองเห็นรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพ แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง บังคับใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรมทั้งระบบ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยถดถอย ในส่วนของภาคตะวันออกถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด มีการจ้างงานถึง 3 ล้านคน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา จ.ชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และบริการ แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เราเห็นพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งที่จริงไม่ใช่แค่สถานการณ์โควิดแต่ในระยะยาวยังมีเรื่องที่เราต้องเจออีกในช่วงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้จัดสรรทรัพยากรให้ประชาชนอย่างเหมาะสม อีกทั้งเรามองไม่เห็นความพยายามของรัฐบาลในการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งมั่นใจว่าเราจะไม่เห็นตลอดชั่วอายุของรัฐบาลชุดนี้ด้วย สถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลก็คงไปต่อลำบาก
“8 ปีที่ผ่านมา เป็นทศวรรษที่สูญหายของคนทั้งประเทศ เราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง โดยที่ไม่เห็นความพยายามประนีประนอมกับประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมามีการต่อสู้ทางการเมือง มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ติดคุก โควิด – 19 ก็ทำให้สูญเสียไปจำนวนมาก แต่การแก้ปัญหาเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น สถานการณ์แบบนี้รัฐบาลจึงไปต่อยากมาก ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนตั้งคำถามอย่างมากเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่สองมาตรฐาน ก่อให้เกิดการสูญสิ้นความศรัทธาจนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ เรากำลังเห็นระเบิดเวลาลูกใหม่ที่รอวันปะทุ คาดว่าในอนาคตจะปะทุอย่างรุนแรง ส่วนปัญหาความขัดแย้งศึกภายในของรัฐบาลทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพเกิดความง่อนแง่น วันนี้คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ที่นั่งกอดเก้าอี้นั่งรากงอกมา 8 ปีแล้ว กำลังโดดเดี่ยว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ไร้ซึ่งความศรัทธาจากประชาชนแล้ว ถึงเวลาคืนอำนาจให้ประชาชนได้แล้ว” น.ส.เบญจา กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 4 เรื่อง ที่เป็นกลไกของความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญ คือ 1.การมีส.ว. 250 คน เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เป็นการออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง 2.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีทหารเป็นหลัก 3.ให้องค์กรอิสระเป็นที่อยู่ของข้าราชการเกษียณ อำนาจล้น ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล และ 4.แก้ยากเพราะเต็มไปด้วยเงื่อนปม และกับดัก ส่วนประชาธิปไตยเสื่อม คือแก้ไขในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองเท่านั้น สิ่งใดที่เสียประโยชน์ เช่น บัตร 1 ใบ ที่ต้องการทำลายพรรคเพื่อไทย เมื่อถึงเวลาตัวเองเป็นพรรคใหญ่ก็ขอแก้เป็นบัตร 2 ใบ เพราะเกรงว่าจะตกที่นั่งเดียวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการแก้ที่ถือดี นึกว่าเก่งนึกว่ารู้เรื่อง แก้เพราะเห็นแก่พวกเดียวกัน ทั้งที่เป็นการแก้ที่ไม่ครอบคลุมซึ่งจะเกิดปัญหา ส่วนประเทศโทรมนั้น คำขวัญคือ “เจ๊งทั้งแผ่นดิน” เกิดหนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 18 ปี รายงานการลงทุนของอาเซียนปี 63-64 ประเทศไทยติดลบอยู่ประเทศเดียว วันนี้ค่าจ้างแรงงานไทยสูงที่สุดคือ 336 บาท ซึ่งมีบางพรรคการเมืองระบุว่า ประชาชนชนต้องมีค่าแรงขั้นต่ำ 400 – 425 บาท แต่วันนี้เป็นรัฐบาลมานานก็ยังไม่ทำ ขอให้พิจารณาว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าจะเลือกเขาอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหมดพวกเราไม่ต้องเดือดร้อนใจ รัฐบาลชุดนี้เกือบจะหมดอายุ เกือบจะไปแล้ว ดังนั้น พวกเราที่อยู่บนเวทีจะทำหน้าที่เป็นรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ถ้าจะทำให้ประเทศมีสันติสุข ต้องประกอบด้วย ประชาชนดีมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆที่ดี และต้องมีผู้นำที่ดี คือคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง หรืออ้างว่ามาตามรัฐธรรมนูญ นายกฯหรือคนเป็นผู้นำพูดแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่พูด คือมีสัจจะ ถ้าผู้นำไร้สัจจะถึงจะมีความสามารถมากแต่ก็ไร้ประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่มีสัจจะในคำพูด รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายมหาชนที่คุ้มครองประชาชน แต่วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 5 รัฐ คือ 1.รัฐธรรมนูญ 2.รัฐอิสระ คือ องค์กรอิสระที่มีอำนาจมากกว่าส.ส. 3.รัฐประหารเงียบ คือ ส.ว. 250 คน สิ่งที่ทุกคนมีคือมีความหวัง แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้มีส.ว. 250 คน มีอำนาจเลือกนายกฯ เท่านั้นยังไม่พอยังมียุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งอยู่ในอุ้งมือของส.ว. ซึ่งเขาไม่มีพื้นที่ให้ประชาชนคนรุ่นใหม่ และไม่มีพื้นที่ให้พรรคการเมืองใดทั้งนั้น ส.ว.ครั้งนี้เดินพาเหรดกันเข้ามาเลย เพราะเขาไม่ไว้ใจประชาชน ในความหมายของพล.อ.ประยุทธ์ มองเสียงประชาชนว่าไม่มีเสียงเป็นเสียงที่ไร้ค้า เขาจึงตั้งส.ว.ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่เราบอกว่าประชาธิปไตยเสื่อมนั้นเป็นเรื่องนี้ แต่ประเทศไทยไม่โทรม เพราะเรามีความอุดมสมบูรณ์ และแรงงานยังมีความหวัง แต่สิ่งที่โทรมสิ่งที่เสื่อม คือเรามีผู้นำโทรม เสื่อม และไร้สัจจะ
ด้าน นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไม่เคยทำตามนโยบายที่ตนเองได้หาเสียงไว้ พอมิลลิมีชื่อเสียงก็รีบโหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยจะเอาผิดเขาต่างๆนานา ทั้งนี้ ท่านเคยรู้หรือไม่ว่าซอฟต์เพาเวอร์คืออะไร ไม่ใช่แค่จะมาเกาะโหนกระแส นี่คือบุคลิกของผู้นำเราที่ไม่เน้นทำ แต่เน้นเกาะกระแส ตนยังยืนยันว่า ทหารมาเป็นรัฐบาลไม่ได้ ต้องให้คนที่เป็นนักบริหารเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจประเทศจึงจะไปได้ ไม่ใช่เอาแต่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ประเทศไทยมีทรัพยากรจำนวนมากที่สามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ แต่หากรัฐบาลนี้ยังเป็นรัฐบาล และฝ่ายค้านที่นั่งตรงนี้ยังต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีกสัก 2 ปี ประเทศไทยพังแน่นอน ตนจึงพูดเผื่อไว้ว่าหากมีการเลือกตั้งเมื่อใด ขอให้พวกท่านเลือกพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า การเมืองจะเปลี่ยนแปลงในอีกไม่นาน พี่น้องนักประชาธิปไตยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หากมีความคิดล้าหลังเราไม่สามารถอยู่ได้ จากสถานการณ์โควิดหากธุรกิจไม่ปรับตัว ธูรกิจนั้นต้องปิดกิจการ ดังนั้นรัฐบาลและประชาชนต้องปรับตัว ประชาธิปไตยเราเสื่อมมานานแล้ว มีรัฐประหารบ่อยครั้ง จนเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทำให้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศกำลังพัฒนา พอได้คนดีคนเก่งมีสิทัยทัศน์จนสามารถใช้หนี้ IMF หมดก่อนกำหนด จนเป็นประเทศให้กู้ ประชาชนลืมตาอ้าปาก และนโยบายกินได้ แม้อยู่กับพวกเราไม่นานแต่ประชาชนยังจำอยู่ แปลกใจที่คนมีอำนาจไม่เห็นตรงนี้ ผู้นำเผด็จการไม่เห็นหัวประชาชน เพราะไม่ได้มาจากฉันทามติประชาชน เขียนกติกาให้มีอำนาจอยู่ต่อ และไม่ทำตามสัญญาที่จะปราบโกง แก้ปัญหาความขัดแย้งสร้างความปรองดอง และปฏิรูปการเมือง นี่เรียกว่าตระบัดสัตย์ และยังสร้างรัฐสภากึ่งเผด็จการด้วย
“เรามีผู้นำขาดวิสัยทัศน์ความรู้ความสามารถ เราต้องมีผู้นำที่มีความสามารถพิเศษ เพราะยุคนี้วิกฤตทุกอย่างจริงๆ ประชาชนทราบว่าควรเป็นผู้นำแบบใด และพรรคการเมืองไหน เชื่อว่าไม่เกินเดือนมิ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะลาออก นี่คือข่าววงใน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ข่มขืนใจพวกเรามานาน เรายังจะอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อหรือออกไป” นายนิคม กล่าว