การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. บิ๊กแมตช์ ที่สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด อันดับ 9 ที่มี 22 แต้ม เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงของตาราง ที่มี 46 คะแนน
เริ่มเกมได้เพียง 3 นาที เมืองทอง ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจาก เอริก โจฮานา ที่สับไกลกว่า 30 หลาเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวยให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0
จากนั้นนาที 12 เมืองทอง หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะ วิลเลียน พอพพ์ ตัดบอลได้จาก นพพล ละครพล ผู้รักาาประตูทีมเยือน ที่เปิดบอลออกมาไม่ดี ก่อนจะพาบอลขึ้นไปแล้วแทงทะลุช่องให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษไม่เหลือ
เมืองทอง ยิ่งเล่นยิ่งดี นาที 31 เมืองทอง ได้ประตูนำห่าง 3-0 จากลูกยิงไกลของ เอริก โจฮานา คนเดิม อย่างไรก็ตาม นาที 37 บุรีรัมย์ ไม่ยอมแพ้มายิงตีไข่แตกไล่เป็น 1-3 จากลูกยิงเสยใต้คานของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเริ่มได้เพียง 2 นาที โจฮานา ทำชิ่งกับ ปรเมศย์ อาจวิไล หลุดเข้าไปซัดแฮตทริกของตัวเองในเกมนี้ให้ เมืองทอง ทิ้งห่าง 4-1
นาที 79 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่พยายามเปิดเกมรุกมาโดยตลอดไล่มาเป็น 2-4 ได้สำเร็จจากลูกโหม่งของ ลอนซานา ดูมบูยา เท่านั้นไม่พอนาที 83 ธีราทร บุญมาทัน ปั่นฟรีคิกสุดสวยให้บุรีรัมย์ไล่มาเป็น 3-4
เกมทำท่าจะจบลงด้วยสกอร์นี้ แต่จากความพยายามของบุรีรัมย์ ที่ไม่ลดละนาที 90+3 ลอนซานา ดูมบูยา มาได้ซัดในกรอบเหน่งๆให้บุรีรัมย์ตามตีเสมอเหลือเชื่อ ทำให้จบ 90 นาที เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สุดมัน 4-4 โดยเมืองทอง เก้บเพิ่มเป็น 23 คะแนน รั้งอันดับ 9 ส่วน บุรีรัมย์ เก็บเพิ่มเป็น 49 คะแนน รั้งจ่าฝูง ทั้งยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายในฤดูกาลนี้ต่อไป
ส่วน ที่สนามบุณยะจินดา “มังกรโล่ห์เงิน” โปลิศ เทโร เอฟซี ทีมอันดับ 8 ของตาราง มี 24 คะแนน เปิดบ้านรับการมาเยือน “ราชันมังกร” ราชบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 4 มี 33 คะแนน
เกมนี้ทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสูสี โดย โปลิศ เทโร มาได้ประตูชัยในนาที 72 จากลูกยิงสุดสวยของ นัฐวุฒิ มูลสุวรรณ ช่วยให้ทีมเฉือนชนะ ราชบุรี 1-0 ถือเป็นการกลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ 3 นัดในไทยลีกไม่ชนะใคร เสมอ 2 แพ้ 1 นัด
ส่วนอีกคู่ ที่สนามทรู สเตเดี้ยม “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงที่มี 37 แต้ม เปิดบ้านพบกับ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ทีมอันดับ 11 ที่มี 21 แต้ม
เกมนี้เจ้าถิ่นแข้งเทพ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วนาที 7 จากจังหวะที่ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส เปิดบอลจากด้านข้างเข้ามาในเขตโทษ วิลเล่น โมต้า โฉบโหม่งเช็ดบอลไปถูก กิตติพันธ์ แสนสุข ชกบอลออกมา แต่ดันมาโดนตัว สราวุธ กัลยาณบัณฑิต ทำให้บอลกระเด้งกลับเข้าประตูตัวเอง
จากนั้นยังเป็น แบงค็อก ที่เล่นได้ดีกว่านาที 19 มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะ วิลเลน โมต้า ตัดบอลได้ก่อนปาดไปฝั่งขวาในเขตโทษให้กับ มาห์มูด ดาฮัดฮา ได้ยิงด้วยซ้ายจ่อๆไม่เหลือ ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาที 56 ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มาได้ลูกจุดโทษ เมื่อ สราวุธ กัลยาณบัณฑิต กองหลังสุโขทัย เอฟซี ไปใช้มือเหนี่ยว ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ที่เป็นตัวสุดท้ายล้มลงในกรอบเขตโทษ พร้อมกับที่ผู้ตัดสินควักใบแดงให้ สราวุธ ทำให้ทีมเยือนเหลือผู้เล่น 10 คน และเป็น เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ แต่ดันยิงไปติดเซฟ กิตติพันธ์ แสนสุข พลาดโอกาสได้ประตูที่ 3 อย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม นาที 68 แบงค็อก ยูไนเต็ด มาได้ประตูหนี 3-0 จนได้ จากการยิงของ วิลเลน โมต้า
ช่วงเวลาที่เหลือเกมตกเป็นของแบงค็อก ยูไนเต็ด แทบจะทั้งหมด แต่สุดท้ายไม่มีสกอร์เพิ่ม จบ 90 นาที แบงค็อก ยูไนเต็ด ชนะ สุโขทัย 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 40 คะแนน รั้งอันดับ 3 เหนียวแน่น ทั้งยังทำสถิติ ชนะ 7 นัดรวด และไม่แพ้ใคร 10 นัดติด รวมทุกรายการ
ส่วน ลำปาง เอฟซี เสมอ เชียงราย ยูไนต็ด 0-0