ว่าแล้ว ‘SIAMSPORT’ จึงมาขอขยายความในแง่มุมต่างๆ ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] 4 สโมสรบู๊ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24
ด้วยความที่เรื่องของโควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2023-24 มีการสลับปรับเปลี่ยน ส่งผลให้ ไทยลีก ต้องแบ่งเป็น 2 ต่อ 2 คือเอาสิทธิ์ให้กับฤดูกาล 2021-22 และฤดูกาล 2022-23 ไปอย่างละครึ่ง มันจึงเป็นเหตุให้ บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแชมป์ 2 ปี ติด ได้เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ
ส่วนรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติทีมที่ 2 ที่ทีแรกเป็นสิทธิ์ของ ‘แชมป์’ เอฟเอ คัพ 2022-23 ทว่า บุรีรัมย์ ซึ่งได้สิทธิ์ในฐานะแชมป์ ไทยลีก ไปแล้ว ส่งผลให้คู่แข่งของพวกเขาอย่าง แบงค็อก ได้โควตานี้ไปแทน
ขณะที่ ‘อันดับ 2’ ของฤดูกาล 2022-23 จะได้ไปเล่นรอบเพลย์-ออฟ ทว่า แบงค็อก ได้สิทธิ์เข้ารอบแบ่งกลุ่ม ทำให้อันดับ 3 อย่าง การท่าเรือ คว้าโควตาไป
ปิดท้ายที่ ‘อันดับ 2’ ของซีซั่น 2021-22 คือ บีจี ปทุม เป็นอีกทีมที่ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันถ้วยเอเชีย เป็นอันครบ 4 สโมสรของ ไทยลีก
[ 2 ] 3 อันดับสุดท้ายตกชั้นสู่ ไทยลีก 2
ฤดูกาล 2022-23 การลุ้นแชมป์ดูจะไม่สนุกเท่ากับการแย่งพื้นที่หนีตกชั้น เพราะยังต้องลุ้นตัวโก่งไปจนนัดสุดท้ายของซีซั่น
ลำปาง กับ หนองบัว ร่วงสู่ลีกรองไปตั้งแต่แมตช์เดย์ที่ 27 ทำให้เหลือ ลำพูน, ประจวบ, สุโขทัย, ขอนแก่น และ นครราชสีมา ที่ต้องขับเคี่ยวกันสัปดาห์ต่อสัปดาห์
ทว่า ลำพูน คือทีมที่ฟอร์มแรงในช่วงท้าย กับการกวาดชัยชนะได้ 4 จาก 5 เกม จนทำให้อยู่รอดได้สำเร็จ ตรงกันข้ามกับ นครราชสีมา ที่เหมือนจะฟื้นตัวแล้ว แต่ดันแพ้ 4 จาก 5 นัด จนต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ใน ไทยลีก 2
การหล่นไปลีกรอง ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ฤดูกาล ที่ทีมแมวพิฆาตต้องตกชั้น หลังจากเลื่อนสู่ ไทยลีก เป็นครั้งแรกในปี 2015
[ 3 ] ดาวซัลโวสูงสุด – ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์, 19 ประตู)
“ดาวซัลโว” เป็นอีกตำแหน่งที่น่าสนใจ เพราะไม่มี “คนไทย” ที่สอดแทรกมาอยู่อันดับ 1 ยาวนาน 9 ฤดูกาล โดยคนสุดท้ายที่ทำได้คือ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยิงไป 24 ประตู เท่ากับ คเลตัน ซิลวา เมื่อปี 2012
ปีแล้ว-ปีเล่า ก็ยังเป็นนักเตะต่างชาติที่พังตาข่ายได้เป็นกอบเป็นกำ จนคว้ารองเท้าทองคำไปครอง และแทบจะไม่มีแข้งสยามประเทศเฉียดเคียงท็อป 3 เลย
กระทั่งฤดูกาล 2021-22 ที่ ศุภชัย เข้าใกล้มากที่สุด แต่ก็ดันไปเจ็บในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น ทำให้อดคว้าดาวซัลโวไปครอง
ทว่า ไทยลีก 2022-23 หัวหอกชาวปัตตานี ของ บุรีรัมย์ กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ กับการกดไป 19 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุด อยู่เหนือศูนย์หน้าของทุกสโมสรในลีก แถมทั้งหมดที่ยิงได้ ยังไม่มีจุดโทษเลยสักลูก
[ 4 ] แอสซิสต์สูงสุด – ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์, 10 ประตู)
ถือเป็นปีที่ ศุภณัฏฐ์ เติบโตอย่างแท้จริง กับการมีส่วนร่วมกับทีมอย่างสม่ำเสมอ และก็ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ ในบทบาทตัวรุกฝั่งขวาที่ยิงได้ 8 ประตู และทำไปอีก 10 แอสซิสต์ มากที่สุดในฤดูกาล 2022-23
ในวัยเพียง 20 ปี เส้นทางของแนวรุกทีมชาติไทย ยังอีกยาวไกลนัก แต่ด้วยพัฒนาการที่รุดหน้าแบบไวว่อง บางที ไทยลีก คงจะเล็กเกินไปสำหรับเขาเสียแล้ว ซึ่งก็ดูกันต่อว่า บุรีรัมย์ จะปล่อยผู้เล่นสำคัญคนนี้ออกไปผจญภัย ณ ที่แห่งหนใดในอนาคต
[ 5 ] คลีนชีตมากที่สุด – ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด (แบงค็อก, 14 เกม)
จริงๆ แล้ว แบงค็อก ควรจะลุ้นแย่งแชมป์กับ บุรีรัมย์ ไปจนช่วงสุดท้ายของฤดูกาล หากว่าไม่สะดุดในช่วงเดือน ตุลาคม ต่อถึง พฤศจิกายน เสียก่อน บางทีพวกเขาอาจจะสร้างความหวาดหวั่นให้ปราสาทสายฟ้าได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้เพียงพระรอง แต่บียูคือทีมที่มีสถิติ “เสียประตูน้อยที่สุด” ในลีก ด้วยจำนวน 22 ลูก เท่านั้น ซึ่งนั่นต้องยกความดีความชอบให้กับ ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่รักษามาตรฐานไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่เมื่อช่วงปลายปี 2022 เกือบจะไม่ต่อสัญญากับสโมสร
จอมหนึบวัย 32 ปี ลงเฝ้าเสาไป 29 เกม ปรากฏว่าทำได้ถึง 14 คลีนชีต มากที่สุดในลีก แต่ก็มีอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจคือ กิตติพันธ์ แสนสุข มือหนึ่งของ สุโขทัย ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 (10 คลีนชีต) ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญของเขาต่อทัพค้างคาวไฟ ที่อยู่รอดปลอดภัยใน ไทยลีก
[ 6 ] แฮตทริกรวม : 5 ครั้ง
ฤดูกาล 2022-23 ถือว่ามี “แฮตทริก ฮีโร่” น้อยไปนิด เนื่องจากมีแค่ 5 คน เท่านั้นที่ทำได้ แถมทั้งหมดยังเกิดขึ้นในช่วงเลกที่ 2 อีกต่างหาก
งานนี้ เมืองทอง ส่งเข้าประกวด 2 ราย คือ เอริก โจฮาน่า ที่กด 3 ประตู ใส่ บุรีรัมย์ ในเกมแห่งซีซั่นที่เสมอกันไป 4-4 โดยที่เขาคือคนที่สองต่อจาก พิภพ อ่อนโม้ ที่ซัดแฮตทริกใส่ปราสาทสายฟ้าได้ ขณะที่อีกคนของกิเลนผยองคือ วิลเลียน พ็อพพ์
นอกจากดูโอ้ เมืองทอง ก็มี ลอนซาน่า ดูมบูญ่า (บุรีรัมย์), วิลเลน โมต้า (แบงค็อก) และ ชาวิน ธีรวัจน์ศรี (ลำปาง) ชาวไทย เพียงหนึ่งเดียวที่ติดโผเข้ามา
[ 7 ] ยิงประตูมากสุด : บุรีรัมย์ 72 ลูก
แน่นอนว่าทีมที่เป็นแชมป์ ย่อมเป็นทีมที่ “ยิงประตูมากสุด” ในซีซั่นนี้กับ 72 ประตู ของ บุรีรัมย์ โดยมี 12 นักเตะ ที่ช่วยกันใส่สกอร์ให้ปราสาทสายฟ้า
สำหรับนักเตะที่ซัดให้ทีม เรียงลำดับดังนี้
ศุภชัย ใจเด็ด – 19 ประตู
โกรัน เคาซิช – 14 ประตู
ลอนซาน่า ดูมบูญ่า – 12 ประตู
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา – 8 ประตู
โจนาต็อง โบลันญี่ – 5 ประตู
พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี – 4 ประตู
แฟร้งค์ คาสตาเญด้า, ฮาริส วุชคิช, – 3 ประตู
ธีราทร บุญมาทัน – 2 ประตู
พรรษา เหมวิบูลย์, อาทิตย์ บุตรจินดา, ดีเอโก้ บาร์ดันก้า – 1 ประตู
[ 8 ] เสียประตูมากสุด : ลำปาง 60 ลูก
ยิงได้มากที่สุดย่อมเป็นทีมแชมป์ ดังนั้น ‘เสียประตูมากสุด’ ก็ย่อมต้องเป็นทีมที่ตกชั้น ซึ่งทาง ลำปาง น้องใหม่ก็โดนถลุงตาข่ายไปถึง 60 ประตู จาก 30 เกม ที่ลงสนาม เฉลี่ยคือ 2 ลูก ต่อแมตช์นั่นเอง
โดยเกมที่พวกเขาโดนยิง 5 ประตู ในนัดเดียว มีถึง 3 เกม คือแมตช์แพ้ แบงค็อก 0-5, แพ้ เชียงราย 0-5 และแพ้ เมืองทอง 1-5
อย่างไรก็ตาม ด้วยสปิริตทีมที่มี ทุกคนจึงหวังว่า ลำปาง จะคัมแบ็กสู่ ไทยลีก อีกครั้ง ไม่วันใดก็วันหนึ่งในภายภาคหน้า
[ 9 ] ชนะมากสุด : บุรีรัมย์ 23 นัด
แน่นอนว่าทีมที่ ‘ชนะมากสุด’ ย่อมเป็น บุรีรัมย์ แชมเปี้ยนของฤดูกาล 2022-23 กับการเก็บ 3 คะแนน ได้ถึง 23 เกม หรือคิดเป็น 76.67 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ส่วนเกมที่พวกเขาคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดคือการถล่ม สุโขทัย ไป 6-1 แต่ก็ไม่ใช่ว่าปราสาทสายฟ้าจะไล่ถลุงคู่แข่งได้ง่ายๆ เสมอไป เพราะมีถึง 7 แมตช์ ที่ บุรีรัมย์ ชนะฝั่งตรงข้ามด้วยผลต่างเพียงลูกเดียว
[ 10 ] เสมอมากสุด : ขอนแก่น 12 นัด
ในเลกแรก ขอนแก่น คือหนึ่งในสโมสรที่สุ่มเสี่ยงจะกลับสู่ ไทยลีก 2 เนื่องจากชนะเพียงเกมเดียวเท่านั้น แต่ยังมีแต้มตุนไว้พอควร เพราะมีช่วงที่พวกเขาเสมอติดต่อกันถึง 6 นัด
พอถึงเลกที่สอง ทัพจงอางผยองเร่งเครื่องขึ้นมา แต่ก็ยังมีเสมอประปราย ก่อนจะสะสม 1 แต้ม ไป 12 นัด และรอดหล่นชั้นหวุดหวิด
[ 11 ] แพ้มากสุด : หนองบัว, ลำปาง 19 นัด
หนองบัว พิชญ เจอภาวะ เซคั่น ซีซั่น ซินโดรม (Second Season syndrome) หรือโรคของทีมที่ทำผลงานได้สุดเซอร์ไพรส์ในปีแรก แต่พออีกปีกลับกลายเป็นคนละเรื่อง เพราะต้องตกชั้นแบบน่าเจ็บปวด ทั้งๆ ที่ฤดูกาล 2021-22 พวกเขาจบอันดับ 6 ของตาราง
ขณะที่ ลำปาง น้องใหม่ของซีซั่นนี้ ออกสตาร์ตได้น่าดูชม โดยเฉพาะการบุกไปควักแต้มจาก ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ของ เมืองทอง ได้สำเร็จ ทำให้พวกเขาถูกคาดการณ์ว่าน่าจะมีอนาคตที่สดใส
อย่างไรก็ตาม เล่นไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าทั้งสองทีมต่างก็ฟอร์มไม่กระเตื้อง แพ้ติดๆ กัน ก่อนจะสะสมไปที่ตัวเลข 19 เกม กระทั่งกอดคอกันหล่นไปตั้งหลักใหม่ในที่สุด
[ 12 ] ชนะติดต่อกันมากที่สุด : บุรีรัมย์, เมืองทอง 8 นัด
บุรีรัมย์ ยังคงมาตรฐานของตนเองไว้ได้สม่ำเสมอ การชนะติดๆ กันคือสิ่งที่แฟนๆ ได้เห็นอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พวกเขาจะกด 3 แต้ม รวดเดียว 8 เกม
ทว่า เมืองทอง นั้นถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย ด้วยขุมกำลังของพวกเขาที่ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์เหมือนเก่าก่อน อีกทั้งสไตล์ฟุตบอลของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ก็ค่อนข้างเสี่ยงที่จะถูกคู่ต่อสู้จู่โจมจากความผิดพลาด แต่สุดท้ายกิเลนผยองก็มีช่วงเวลาดีๆ กับการชนะ 8 นัด ติดต่อกัน โดยเป็นการคว้าชัยเหนือทีมใหญ่อย่าง ชลบุรี, บีจี ปทุม และ การท่าเรือ ได้อีกต่างหาก
เท่านั้นไม่พอ หากพวกเขาไม่พลาดท่าโดน บุรีรัมย์ ยิงตีเสมอ 4-4 ในช่วงท้ายเกม บางที เมืองทอง อาจจะชนะ 9 นัด ติดต่อกันไปแล้ว
[ 13 ] ไม่แพ้ติดต่อกันนานที่สุด : บุรีรัมย์ 24 นัด
จริงๆ แล้วถ้าพวกเขาไม่สะดุดเสมอ เมืองทอง 4-4 บางทีสถิติชนะติดต่อกันอาจจะนานกว่า 8 เกม ด้วยซ้ำ แถมถ้านับตั้งแต่เปิดฤดูกาล บุรีรัมย์ เกือบจะเข้าป้ายคว้าแชมป์พร้อมกับคำว่า “ไร้พ่าย” อีกครั้ง ก็เป็นได้
โดยปราสาทสายฟ้าที่ไม่แพ้ใคร 24 เกม ไปพลาดท่าต่อ แบงค็อก 3-4 ทำให้หมดโอกาสทำสถิติอย่างน่าเสียดาย
[ 14 ] เปลี่ยนโค้ชทั้งหมด : 20 ครั้ง
ไทยลีก ถือเป็นลีกที่มีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชบ่อยมากๆ โดยฤดูกาล 2022-23 ที่เริ่มต้นในวันที่ 31 สิงหาคม ผ่านไปเพียงเดือนเดียว บีจี ปทุม ก็แยกทางกับ มาโกโตะ เทกูระโมริ ไปแล้ว
พอถึงเดือนพฤศจิกายน ก็มีการปรับตำแหน่งกุนซืออีกถึง 7 ครั้ง และขนาดว่านัดสุดท้ายของซีซั่น ยังมีเซอร์ไพรส์ด้วยการใช้เทรนเนอร์คนใหม่ถึง 2 ทีม อีกต่างหาก
ส่วนทีมที่ไม่มีการเปลี่ยนโค้ชเลยคือ บุรีรัมย์, เมืองทอง, โปลิศ เทโร และ ลำปาง
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ เมืองทอง นั้นเกือบจะมีการปรับเปลี่ยน 2 ครั้ง 2 ครา แต่สุดท้ายยังคงเป็น มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่ทำทีมต่อ และก็พากิเลนผยองจบอันดับ 4 ของตารางได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน