ข้อมูลเบื้องต้น
เพราะยังไม่ตัดเนื้อหาทำเล่มสอง กะรัตจึงติดเหรียญช่วงแรกของเล่มหนึ่งไม่กี่ตอน
อยากให้คุณได้มีโอกาสเข้ามาทำความรู้จักกับนิยายเรื่องนี้ก่อน
แต่ถ้าส่งเล่มสองขายอีบุ๊กเมื่อไหร่ กะรัตจะติดเหรียญส่วนเล่มหนึ่งเพิ่มนะคะ __
หนึ่งโอกาสที่ได้รับคือเส้นทางพลิกชีวิตของรินนี่กะเทยตัวแม่ให้มีความสุขยิ่งกว่าเดิม อดีตเคยขมขื่นปากกัดตีนถีบทำทุกอย่างเพื่อทุกคน แต่ใช่ว่าจะได้รับความสุขสมหวังทางใจกลับคืน
เมื่อได้รับพรประเสริฐสามารถเกิดใหม่ได้อีกหน รินนี่ในร่างกมลาจึงมุ่งมั่นสร้างชีวิตพุ่งตรงสู่ความร่ำรวย อีกทั้งคอยเป็นแสงส่องนำทางในวันมืดมนให้คน สัตว์หรือสรรพสิ่งไร้ชีวิต หากพบพานเรื่องยุ่งยากลำบากใด บ้านเสกสราญยินดีต้อนรับและโอบอุ้มคุณไว้ให้พึ่งพิง
ความปรารถนาดีมีจิตเป็นกุศลคอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอคือสารตั้งต้นนำพาชีวิตของกมลาให้สำเร็จสมดั่งใจ เจ้าของแบรนด์น้ำพริกชื่อดัง เจ้าของสูตรอาหารเลื่องชื่อ เจ้าของตลาดนัดสุดคณาที่พ่อค้าแม่ขายทั่วทุกสารทิศอยากมาตั้งแผง จนถึงเจ้าของวงดนตรีคณะคาบาเร่ต์สุดปัง
‘กมลาเสกศิลป์’ ความบันเทิงกลั่นจากใจ โชว์สุดพิเศษเพื่อมอบแด่คุณที่คู่ควรถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
ขออนุญาตบอกกล่าวว่า กลับมาเกิดวันวาน เป็นแนวชีิวิตประจำวันกับผู้คนรอบข้าง เน้นสุขนิยม
กะรัตเขียนไป อัปไป ติดเหรียญในบางช่วงบางตอน เพื่อหารายได้เข้ามาในแต่ละเดือนนะคะ
หลังจบเรื่องจะกลับมาปรับราคาขึ้น วางแผนจะให้มีความยาวมากกว่าเรื่องหญิงหม้ายบ้านสือ
อีบุ๊กจะตัดแบ่งเล่มย่อยเพื่อขายราคาโปรฯสำหรับคุณๆ ที่อยากเก็บไว้อ่านรวดเดียว
ฝากเอ็นดูต้าวซาเปากุมารน้อยกับพี่ควายธนูของเขาด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ _
วันวาน 1 คุณไซมี่
“อืม…ตัวเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดู”
สราญยืนหันตัวซ้ายขวาอยู่หน้าบานกระจกของตู้เสื้อผ้าได้ราวสิบนาทีแล้ว หญิงสาวคนนี้ชื่อกมลาหรือน้องแก้ว แก้วที่กร่อนจากคำว่าแก้วตาดวงใจของคนเป็นแม่
กมลาเรียนจบชั้นมัธยมปลาย สูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย ใบหน้ารูปหัวใจ ไว้ผมซอยสั้นเลยติ่งหูช่างแตกต่างจากเขาเมื่อชาติที่แล้ว
กมลาคนใหม่เดินกลับมานอนแผ่บนเตียงไม้สี่เสา พัดลมตั้งพื้นส่ายไหวกระจายลมเย็นรอบตัว จมูกเธอได้กลิ่นดอกแก้วลอยมาตามลมเพราะหน้าต่างหลายบานเปิดอยู่ มีกิ่งมะม่วงระใกล้ขอบหน้าต่าง ข้อมูลจากความทรงจำเจ้าของร่างฉายชัดและซึมซาบสู่การรับรู้ของคนมาอยู่ใหม่
สราญคิดถึงเหตุการณ์ในห้วงฝันก่อนจะลืมตาตื่น บนเส้นทางเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน กลางกลุ่มควันสีรุ้งที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่
อืม…เปิดตัวอย่างกับงานฉลองไพรด์มันท์
ชายหนุ่มหน้าตาดีมาก ผิวขาวผ่องมีออร่าแลดูสะอาดสะอ้าน จมูกโด่ง ปากอิ่ม รูปร่างผอมสูง ผมซอยสั้นด้านหน้าหยักศก ดวงตารียาวแบบเม็ดอัลมอนด์กำลังสบตาเขา
‘ใคร’
‘ก็เพิ่งเจอกัน’
ก่อนหน้านี้เขาเดินออกจากบ้านสภาพใจสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งท่ามกลางอากาศร้อนแผดเผาอุณหภูมิราวสี่สิบองศา กระทั่งมาหยุดอยู่ข้างต้นไทรก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลฯ
‘ก็ไม่เจอใครนะนอกจากหมาดำ อย่าบอกนะว่า…’
‘ต้นไทรโว้ยไม่ใช่หมา’
ยังไม่ต้องโดนตบ เจอสายตาพร้อมจิกก็อาจตายได้
‘อ้อๆ เจ้าพ่อต้นไทร’
‘ฟังดูแก่’ เจ้าตัวที่ไม่ยอมแก่ยืนกอดอก พอยต์ขา เอียงตัวนิดๆ ราวกับว่าพิงสิ่งหนึ่งที่เขามองไม่เห็น
‘งั้นเรียกเทวดาต้นไทร รุกขเทวดา’ อืม…หรือต้องเรียกเจ้าแม่
สายตาเขาคล้ายเห็นแผงขนตาบนใบหน้าขาวนวลกระพือสั่น นึกอยากขอดูเล็บเจลทั้งสิบนิ้วของอีกฝ่ายเลยเชียว
‘ท่านมีชื่อไหมคะ’
‘เรียกคุณได้ไม่ถือ’
คุณต้นไทรตรงหน้ามองแล้วอายุคงไม่เกินสามสิบ ผิวพรรณผ่องวิ้งสวมสูทขาว เชิ้ตตัวในตรงปกและสาบกระดุมติดระบายลูกไม้ รองเท้าหนังฉลุลายมีส้น
‘ถ้างั้นให้เรียกคุณ…’
‘ไซ สะกดซอโซ่’
อดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาอาจจะได้เรียก‘คุณไซมี่’ ในไม่ช้า
‘รินนี่คุยกับคุณต้นไทรได้ นี่โลกหลังความตายเหรอคะ’
‘ก็ไม่เชิง’
‘งั้นรินนี่ก็ยังไม่ตายสิ’
‘ตายแล้ว’
ได้ยินชัดเต็มสองหูก็อดใจแกว่งไม่ได้ หน้าเขาตอนนั้นคงถอดสีพิลึก
‘แล้วอยากมีชีวิตต่อไหมล่ะ แบบชีวิตใหม่ คนใหม่แต่ดวงวิญญาณเก่า’
หวนคิดถึงชีวิตตั้งแต่จำความจนสี่สิบสี่ปีแล้วท้อมากเลย จากกะเทยหัวโปกที่พ่อกับแม่ไม่ได้ภูมิใจต่อสู้ดิ้นรนส่งตัวเองจนเรียนจบชั้นปวส. เข้าสู่วงการหางเครื่องจนไปเป็นนางโชว์รถตู้ ล้มลุกคลุกคลานกระทั่งมีคณะคาบาเร่ต์ของตัวเอง ปลดหนี้สินช่วยพ่อกับแม่ ส่งน้องชายเรียนจบมหา’ลัยได้สองคน ส่งเสียเลี้ยงดูหลานสาวกำพร้าพ่ออีกหนึ่ง
ก่อนทุกอย่างจะล่มสลายเพราะโรคอุบัติใหม่ที่แพร่เชื้อการติดต่อลามไปทั่วโลก ไวรัสอู่ฮั่นหรือโควิด19
การจัดการแบบลูบหน้าปะจมูกของรัฐบาลรวมถึงคนใหญ่นายโตของรัฐเองที่เป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใหญ่ก็พาทุกอย่างพังราบราวกับโดมิโน
งานกลางคืนต้องหยุดชะงัก ร้านเพิ่งเปิดเองแทบไม่มีลูกค้าแต่เสียค่าเช่ารายปีไปแล้ว ต้องแบกรับค่าเลี้ยงดูลูกน้องในคณะ ทุนรอนมีพอพยุงตัวได้ราวครึ่งปี หนำซ้ำติดโควิดสายพันธุ์แอดวานซ์ คิดโลกสวยหอบสังขารพกพาความสิ้นไร้กลับไปพักเลียแผลตั้งหลักที่บ้านเกิด
ผลตอบแทนของความเป็นลูกกตัญญูคือถูกแม่พ่อพี่น้องและเพื่อนบ้านรุมรังเกียจ ไม่ยอมให้เขาอยู่ร่วมบ้านซะอย่างนั้น
อากาศร้อนจัดจ้าเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ หยุดพักใต้ต้นไทรที่คิดแล้วคิดอีกแต่ก็จำไม่ได้ว่ามันยืนต้นสูงอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร นอกจากเขาที่หลบร้อนพักขาก็มีหมาตัวหนึ่งนอนลิ้นห้อยหลบแดดไม่ต่างกัน
ขนมปังไส้หมูหย็องถูกโยนให้หมาดำขนแหว่งตัวผอมกระหร่อง
‘กินกันตายนะมึง เผื่อจะมีชีวิตรอดได้อีกวัน ส่วนกูถ้าไม่รอด เกิดชาติหน้าขอให้มีแต่คนใจดีกับกูเถอะ สาธุ’
เพราะไข้ขึ้นสูง ไอจนหอบเหนื่อย ผ้าผืนหนึ่งถูกดึงจากกระเป๋ามาปูเพื่อรองนอน นอนพักสักงีบเผื่อมีใครสักคนผ่านทางมาและมีน้ำใจให้เขาติดรถออกไปที่ศาลารอรถริมถนนใหญ่
ใครเลยจะคิดแค่พักหนึ่งงีบนั่นคือวันสุดท้ายของชีวิต
ถ้าตายแล้วมีเรื่องให้อาลัยอาวรณ์ หัวใจไม่ได้ถูกคนในครอบครัวตีซ้ำจนแตกสลายเขาก็คงตีโพยตีพายกับเหตุการณ์สุดประหลาดกว่านี้แน่
‘ขอชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์หรือต้องเรียนกอไข่ขอไข่ใหม่ได้ไหมคะ’
‘ชีวิตแบบที่จะได้ทำตามฝัน อิสระเสรีระดับเจ็ดดีไหม’
‘ทำไมไม่สิบ’
‘ชีวิตสำเร็จรูปมันจะสนุกตรงไหน มันต้องมีผ่านด่านท้าทายบ้างสิ’
‘เหมือนเล่นเกมเหรอคะ ตายแล้วย้อนเวลาไปแก้ไขชีวิตสิบยี่สิบปีก่อน ไม่ก็ชาติก่อน บางทีก็สิงร่างคนอื่นเหมือนละครเหมือนหนัง รินนี่เคยดูนะ’
‘มีแต่โลกใหม่และไม่ต้องสิงร่างคนอื่น’
‘เอ่อ…ก็แปลกดี แล้วรินนี่ต้องตอบแทนอะไรคุณไซมี่หรือเปล่า’
‘ไซมี่…’
‘อุ้ย…’ เขายิ้มแต่ขอไม่แก้ไขชื่อเรียกได้ไหม ‘รินนี่ต้องทำสัญญาซื้อขายวิญญาณอะไรด้วยไหมคะ’
‘ฉันจะซื้อวิญญาณเธอไปทำอะไรไม่ทราบ’
นั่น! ตาจิกเสียงจิก ตัวแม่ตัวมัมสินะ
‘งั้นจะให้ทำอะไรยังไงบ้าง อธิบายหน่อยก็ดีนะคะ’ เขายิ้มแหยๆ
มีชีวิตอยู่ต่อน่ะดีแล้ว โดยเฉพาะชีวิตอิสระเสรีระดับเจ็ดแบบที่ว่า เพราะเขายังมีเรื่องอยากจะทำอีกเยอะเลย
‘ชอบชีวิตสามสิบสี่สิบปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเริ่มจากเบบี๋ อยากเป็นผู้หญิงก็จะให้เป็น’
‘แล้วรวยไหมคะ’ เขาไม่อยากจนอีกแล้วแหละ
‘เอาเป็นว่าเงินทองพอมีไม่ขัดสน’
บอกแล้วคุณไซมี่ก็ยื่นกระดาษให้เขาหนึ่งแผ่น แค่ลงชื่อท้ายสัญญาฉบับนี้ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่าง ‘กมลา’ ได้เลย
‘จงเป็นคนดีเท่าที่จะดีได้’ กวาดตาอ่านไม่ถึงครึ่งนาทีเขาก็พอเข้าใจว่าตัวเองควรทำอะไร ‘…เหมือนภารกิจสะสมแต้มบุญเลยเนอะ’
‘ถ้าตกลงก็เซ็นสัญญา เธอเป็นผู้เล่นที่ฉันเลือก อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ เดี๋ยวจะส่งคู่มือกับไอเทมจำเป็นให้ถึงที่ รอรับแล้วกัน’
ฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เขียนไปอัปไปอาจจะมีบกพร่องบ้าง ขออภัยล่วงหน้า
หวังว่าจะดึงความสนใจของคุณคนอ่านได้จนสุดทาง ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
วันวาน 2 ครอบครัวใหม่
และสิ่งแรกที่กมลาเห็นตอนลืมตาก็คือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลทรงกล่องแบบกระเป๋าเอกสารโบราณวางอยู่ข้างตัว มีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กเขียนด้วยลายมือหางตวัด ‘สำหรับกมลา’ วางอยู่บนนั้น เป็นสิ่งยืนยันว่าการพบกับคุณไซมี่คือเรื่องจริง
เจ้าของชีวิตใหม่ในร่างหญิงสาวลุกขึ้นนั่ง รูดซิปกระเป๋าจากกึ่งกลางไปด้านข้างให้ฝากระเป๋าตั้งขึ้นคล้ายกับจอโน้ตบุ๊ก
‘สารพันพาณิชย์’ ปรากฏอยู่กลางจอ เมื่อใช้นิ้วแตะบนจอก็สามารถพลิกเปิดทีละหน้า หนึ่งหน้าคือหนึ่งร้านค้าที่เต็มแน่นด้วยสินค้าพร้อมนำเสนอหลากหลายหมวดแยกย่อยได้อีกหลายหน้า ตรงฐานกระเป๋าแบ่งครึ่งเป็นแป้นพิมพ์ อีกด้านเป็นกล่องมีฝาเลื่อนเปิดปิด ในนั้นมีแผ่นพับสี่ตอนอยู่หนึ่งฉบับ
กมลาหยิบคู่มือที่คุณไซมี่บอกขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ มันบอกวิธีสั่งซื้อสินค้าจากห้างสารพันพาณิชย์ วิธีไม่ยากแค่เลือกของใส่ตะกร้า รอสรุปยอดจากนั้นวางเงินลงในกล่องประตูมิติคล้ายกับระบบฝากเงินสดที่ตู้ของธนาคาร รอรับข้อความว่าจะมีพนักงานมาส่งของวันไหน บรรทัดสุดท้ายของคู่มือระบุว่าการใช้งานห้างสรรพสินค้าเคลื่อนที่ขอให้เป็นความลับ
กมลาเลื่อนหนาจอดูบรรดาร้านรวงที่มีสินค้าตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นเด็กจนถึงสินค้าในยุคปีพ.ศ.2564ที่จากมา
มีเสียงเคาะประตูห้อง หญิงสาวปิดกระเป๋าหนังลง วางหมอนทับแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมไว้อีกชั้น
“ป้าเข็มนะ”
“แก้วตื่นแล้วจ้ะ”
หลังเสียงขานรับหญิงสาวคนหนึ่งก็ผลักประตูเดินเข้ามาในห้อง
ข้อมูลชีวิตความทรงจำต่างๆ ของกมลาเข้ามาแทรกซึมในสมองของคนมาอยู่ใหม่ไม่มีขาดตก ผู้หญิงอายุสี่สิบปีคนนี้คือป้าเข็ม เป็นลูกพี่ลูกน้องของน้ำนวล คุณแม่ที่ตายจากลูกสาวลูกชายไปเมื่อห้าปีก่อน
“เป็นไงบ้างลูก ป้าเข็มได้ยินเสียงเดินก็เลยมาถามว่าค่ำนี้อยากกินอะไรอ่อนๆ แทนแกงส้มมะละกอไหม”
“แกงส้มสิป้าเข็ม ปลาช่อนแดดเดียวทอดของแก้ว กุนเชียงทอดของกุลอย่าเปลี่ยนเชียวนะ”
ชีวิตแสนสุขในโลกใหม่เริ่มต้นด้วยได้กินของโปรดนี่แหละคือนิมิตหมายอันดี ไว้คราวหน้าเธอจะทำแกงส้มมะละกอดอกแคสูตรใส่น้ำปลาร้าอย่างที่เคยทำกินในโลกโน้นให้ป้าเข็มลองชิม
สีหน้าป้าเข็มแสดงความห่วงใยชัดเจน กมลาเลยเข้าไปกอดเธอด้วยนิสัยอ้อนแบบชอบทำเวลารู้สึกไว้วางใจหรือเห็นใครสักคนคือคนสำคัญ
อืม…พื้นเพนิสัยของกมลาตามระบบไม่ต่างจากตัวตนเดิมเมื่อตอนเป็นสราญสักนิด
“แก้วก็แค่เมาแดดนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยตรงไหน นอนเป็นลมใต้ต้นชมพู่โน่น”
ก็ง่ายดีเหมือนกัน ตายแล้ววาร์ปเข้าร่างคนนอนเป็นลมเนี่ย หลังแยกจากคุณไซมี่ ก่อนจะฟื้นเธอได้ข้อมูลเพิ่มว่านี่ไม่ใช่การตายแล้วมาแทนที่ชีวิตของกมลา แต่กมลาถูกสร้างไว้รอคนที่มีลักษณะคล้ายกันเกินกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แนวๆ ว่ากมลาคือร่างสำรองของสราญในโลกคู่ขนาน ส่วนชีวิตคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเธอก็มีความรู้สึกนึกคิดเจ็บได้ตายเป็นเหมือนคนในโลกปรกติ
“ก็เห็นมันแดงหลายพวงแล้ว อยากเก็บมาแช่เย็นรอกุลกลับบ้าน แดดร้อนก้มๆ เงยๆ มันเลยหน้ามืดนิดเดียวเองป้าเข็ม”
ณกุลคือน้องชายอายุสิบหก กมลาเกิดและเติบโตที่ประเทศไท บ้านหลังนี้อยู่ในจังหวัดศรีพนาห่างจากเมืองหลวงที่ชื่อกรุงไชยราวเจ็ดสิบกิโลเมตร บ้านและที่ดินสิบไร่เป็นมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้ตามพินัยกรรม
พ่อของกมลากับณกุลยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาอยู่บ้านกลางกรุงของเมียหลวงซึ่งยึดครองเป็นของตัวเอง แล้วผลักไสอดีตเมียกับลูกมาอยู่ที่ศรีพนา
น้ำนวลเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อผู้ชราและกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก ตัวพ่อมีเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทที่รักนับถือกัน จึงไว้วางใจจัดแจงให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเขา โดยไม่รู้เจตนาชัดว่าแท้จริงแล้วกอบศักดิ์แต่งงานกับน้ำนวลก็เพื่อหวังสมบัติของเศรษฐีแก่
เมื่อผู้เป็นพ่อสิ้นบุญ จากคุณหนูใช้ชีวิตกลางเมืองก็ถูกหย่าแล้วขับไล่มาอยู่บ้านต่างจังหวัดเพราะอดีตสามีไร้รักหันไปเชิดชูเมียน้อยออกนอกหน้า หนำซ้ำยังรักใคร่เอ็นดูแต่ลูกชายสองคนจากเมียรัก
อีกหนึ่งเรื่องเลวร้ายที่กมลาในตอนนี้นึกรังเกียจนายกอบศักดิ์ก็คือเขาบังคับใจป้าเข็มให้สมยอมเป็นเมียอีกคน เพื่อที่ป้าเข็มจะได้อยู่ดูแลพวกเธอ ไม่อย่างนั้นเขาขู่จะให้ลูกสองคนอยู่กับลุงมิ่งและป้าเลื่อนที่เป็นคนรับใช้เก่าแก่ของคุณแม่
ป้าเข็มรักหลานและไร้ทางไปจึงยอมเป็นเมียเก็บ แต่เธอไม่ยอมมีลูกกับกอบศักดิ์ สถานะเมียเก็บของป้าเข็มจะสิ้นสุดลงช่วงปลายปีนี้ตามสัญญาบัดซบ เมื่อถึงวันเกิดที่กมลาอายุสิบเก้าปีเต็ม
“แล้วชมพู่ของแก้วช้ำหรือเปล่า”
“ที่ช้ำลุงมิ่งโยนเข้าไปในเล้าไก่แล้ว”
“ปะ…เข้าครัวกัน จะบ่ายสามแล้วเผื่อมีเวลาแก้วอยากกินบัวลอย หัวเผือกที่ลุงมิ่งขุดเมื่อเช้า ฟักทองนึ่งเหลือในตู้เย็นเอามาทำด้วยก็ดีนะป้าเข็ม”
ภาพตู้เย็นรุ่นโบราณแบบที่เคยเห็นในบ้านของครูใหญ่โรงเรียนประถมตอนอยู่โลกเก่าเด่นชัดในหัว เมื่อย้อนมาอยู่สถานที่แห่งอดีตคล้ายประเทศไทยยุคปีพ.ศ.2530 เธอต้องไปดูให้เห็นกับตาอีกครั้ง
เป็นอย่างคุณไซมี่บอก ชีวิตของกมลากับน้องชายไม่ได้ขัดสนนัก เพราะยังได้รับเงินเลี้ยงดูน้อยนิดจากผู้เป็นพ่อ ยังมีป้าเข็มและคนเก่าแก่ในบ้านคอยดูแล เธออยู่บ้านไม้ใต้ถุนสูง มีที่ดินสิบไร่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ ด้านหลังคือแม่น้ำที่ยังใช้สัญจรทางเรือ
รอเธออายุเต็มสิบเก้าปีก็จะเป็นอิสระ เพราะราตรีเมียรักของกอบศักดิ์เคยมายื่นคำขาดแล้วว่าให้คนเป็นพ่อหยุดส่งเสียลูกหญิงชายบ้านนี้ เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้คนเป็นผัวแวะเวียนมาที่นี่อีก
“ทำไมวันนี้ดูห่วงแต่เรื่องกินนัก” ถามไปอย่างนั้นเอง คนเป็นป้าเดินนำหลานสาวออกจากห้อง
“ของอร่อยทำให้ชีวิตมีความสุขไงจ๊ะ โดยเฉพาะของกินฝีมือป้าเข็ม ไม่งั้นตอนเราทำขนมไปขายตลาดหรืองานบุญ คนไม่แย่งกันซื้อแย่งกันโกยหรอกจ้ะ”
“ปากหวาน”
“แก้วพูดเรื่องจริง” ฝีมือทำกับข้าวทำขนมของป้าเข็มเรียกว่าแบบผู้ดีเก่า ไม่ด้อยกว่าฝีมือแม่น้ำนวลที่จบจากโรงเรียนสอนกุลสตรี แต่ความเป็นผู้ดีของแม่กับป้าก็ดึงใจผู้ชายอย่างกอบศักดิ์ไว้ไม่ได้ เพราะรายนั้นชอบเกลือกกลั้วกับผู้หญิงอย่างราตรี
อาชีพผู้หญิงกลางคืนทำงานในเลานจ์ในบ่อนพนันนั้นไม่ผิด เพราะสราญกับเพื่อนหญิงชายตุ๊ดทอมก็เคยทำอาชีพคนกลางคืนเต้นกินรำกินมาแล้ว ผิดที่ราตรีรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีครอบครัว แต่เธอก็พาตัวเข้ามาพัวพันและเกาะหนึบเพื่อแย่งชิงทุกอย่างจนได้ลูกชายมาถึงสองคน
กมลาลงไปที่ห้องครัวใต้ถุนบ้านพร้อมป้าเข้ม ป้าเลื่อนกำลังปอกมะละกอห่ามกับเตรียมผักที่เพิ่งเก็บมาทำมื้อค่ำสำหรับห้าชีวิต ส่วนลุงมิ่งคงดูแลสวนผักและให้อาหารเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้ฝูงใหญ่ อีกไม่นานบ้านเราจะมีสมาชิกเพิ่มอีกสามคน
‘นังบัวมันชิงสุกก่อนห่ามจนท้อง คลอดลูกแล้วตายายก็ไม่อยากให้อยู่เพราะอายคน จะบากหน้าไปอยู่บ้านผัว ไอ้พลก็คนหมอนหมิ่นโตในวัด ให้หลานป้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไหมคะคุณแก้ว ให้ผัวมันกั้นห้องอยู่กันด้านล่างนี่แหละ แม่เข็มใช้งานมันได้ทุกอย่างเลยนะ รอลูกมันคลานได้สักหน่อยค่อยให้ผัวมันออกไปทำงานหาเงินนอกบ้าน อย่างน้อยจะได้ช่วยเรื่องค่าไฟ’
จากเดิมที่มีแรงงานผู้ชายแค่ลุงมิ่ง กมลากับป้าเข็มเห็นดีด้วยที่จะมีผู้ชายอีกสักคนในบ้าน ป้าเลื่อนเป็นคนเก่าแก่เคยดูแลแม่ของเธอตั้งแต่ยังเล็ก ได้ตอบแทนน้ำใจนางถือเป็นเรื่องเหมาะสม
สรุปแล้วค่ำนี้บ้านเราจะทำกับข้าวสามอย่าง กมลานึ่งเผือกไว้ทำบัวลอยเสริมกับฟักทองที่มี ป้าเลื่อนช่วยเลือกมะพร้าวแก่สำหรับคั้นกะทิ
เวลาเกือบสี่โมงเย็น ณกุลก็ปั่นจักรยานนำหน้าปกป้องที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเข้ามาจอดใต้ชายคาบ้าน
“สวัสดีครับป้าเข็ม ป้าเลื่อน” สองหนุ่มน้อยนักเรียนชั้นมอสี่ยกมือไหว้ทั้งคู่ตามมารยาทที่อบรมกันมา “ป้องค้างบ้านเรานะป้าเข็ม พี่แก้ว พอดีมีรายงานคู่”
“งั้นไปอาบน้ำก่อนเลย อาบแล้วโยกน้ำไว้คนละถัง กับข้าวเสร็จพี่จะเรียก ชมพู่กับมะละกออยู่ในตู้เย็นเผื่ออยากกินรองท้องก่อน”
สองหนุ่มรับคำแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน
พาสมาชิกใหม่ที่จะอยู่กับพวกเราไปจนจบเรื่องมาแนะนำตัวกันค่ะ __
วันวาน 3 บ้านเสกสราญ
เช้าแรกของการตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงไก่ขัน กมลาลุกลงจากเตียงเพื่อเปิดหน้าต่างรับลมเย็น จากนั้นรวบเก็บมุ้งกลมที่แขวนบนเพดาน ผ้านวมใยฝ้ายถูกนำมาพาดบนราวไม้ข้างหน้าต่างให้แดดเช้าไล่ความชื้นบนผ้ารวมไปถึงที่นอนซึ่งถูกดึงผ้าปูจนเรียบตึง
‘อิเจ้เจ้าระเบียบ เรียบตึงอย่างกับเตียงโรงแรมไม่สมกับหน้ายับๆ ของเจ้เลยอะ’
ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันเคยพูดแบบนี้ มันเป็นความเคยชินที่ทำตั้งแต่วันแรกๆ ของการเช่าห้องอยู่ ถึงตอนนั้นมีแค่ฟูกนอนพับสามตอน การจัดเก็บที่นอนรวมถึงผ้าห่มหมอนมุ้งให้เป็นระเบียบเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องพักเล็กๆ จึงกลายเป็นนิสัยติดตัวไปด้วย
สราญมีบ้านในฝัน แต่เขามีปัญญาแค่อยู่ห้องเช่าหรือบ้านเช่าแบ่งกันอยู่หลายคนกับเพื่อนหรือลูกน้องในร้าน ก็เลยพยายามทำให้ห้องนอนของตัวเองดูดีเท่าที่จะดีได้ตามสภาพเงินในกระเป๋า
มันเป็นความเชื่อส่วนตัวด้วยแหละว่าถ้าห้องไม่รก เทพเจ้าแห่งโชคลาภจะเดินเข้ามาหาเขาสะดวกขึ้น
แต่ทางสะดวกที่ว่าต้องใช้เวลามากแค่ไหน ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องรู้หรือรอแล้ว
เพราะวันนี้ฝันของเขาในร่างกมลาได้เกิดขึ้นจริง กมลามีบ้านมีห้องนอนในแบบเคยเห็นในละครย้อนยุค ฉะนั้นความสมปรารถนานี้จะต้องรักษาให้คงอยู่นานที่สุด
กมลาจัดเสื้อผ้าชุดใหม่กับผ้าเช็ดตัวใส่ตะกร้าใบย่อมหิ้วเดินลงมาเข้าห้องอาบน้ำชั้นล่าง ทุกเช้าลุงมิ่งจะโยกน้ำบาดาลมาเติมจนเต็มตุ่ม ส้วมยังเป็นแบบนั่งยอง แต่อีกไม่นานเธอจะเปลี่ยนมันเป็นชักโครก และจะต่อเติมห้องน้ำชั้นบนในสักวันด้วยเหมือนกัน
กมลาไม่ใช่คนแรกที่ตื่น ป้าเข็มกับป้าเลื่อนง่วนอยู่ในครัว ไม่ต่างจากลุงมิ่งที่ออกไปดูเป็ดไก่ในเล้าตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น เช้าวันเสาร์กุลกับป้องไม่ต้องรีบตื่น เธอจึงปล่อยให้สองหนุ่มนอนขี้เกียจไปถึงแปดโมงโน่น
หลังกินข้าวเช้าหญิงสาวที่อีกไม่กี่เดือนก็จะอายุสิบเก้าก็เริ่มเดินสำรวจที่ดินของตัวเอง บ้านหนึ่งหลัง พืชสวนครัวอย่างละสองสามต้น รวมถึงแปลงผักหมุนเวียนพอได้เก็บกิน เป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้ ขนมนางเล็ดที่ป้าเข็มกับป้าเลื่อนช่วยกันทำไปฝากขาย รายได้แค่นี้มองอย่างไรก็ไม่พอที่จะส่งณกุลเรียนต่อและมีชีวิตช่วงมหา’ลัยแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่าคนทางบ้านจะส่งเสียไหวหรือเปล่า
การมีชีวิตพออยู่พอกินไม่มีหนี้สินเป็นเรื่องดี แต่กมลาอยากมีมากกว่านี้ เริ่มจากลงทุนกับมรดกสิบไร่ที่มีอยู่นี่แหละ
กมลาเดินทอดน่องมาหยุดยืนอยู่ตรงรั้วไม้ไผ่หน้าบ้าน มีถนนดินลูกรังกว้างประมาณสองเมตรนำสายตาไปจนสุดตรงเนินขึ้นถนนใหญ่ จากถนนเส้นนี้เดินทางราวสิบกิโลเมตรก็ถึงย่านตัวเมืองที่มีความเจริญและผู้คนพลุกพล่าน
ฝั่งขวาของถนนหน้าบ้านกมลาเป็นที่ดินของยายฉัตร ตรงข้ามเป็นที่ดินรกร้างเจ้าของย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น แว่วว่าฝากยายฉัตรบอกขาย หากมีใครสนใจก็ให้ติดต่อนัดแนะกันอีกที
อักษรซีดจางสีขาว ‘บ้านกรณ์สกุล’ ปรากฎบนแผ่นไม้ที่แขวนบนรั้ว
กมลาเบ้ปาก ตัวก็ไม่ได้อยู่ ที่ดินก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ ไหงคำบนแผ่นไม้ยังหลงเหลือความเกี่ยวข้องกับผู้ชายซังกะบ๊วยคนนั้นอีก
เจ้าของดวงตากลมโตไล่มองไปตามแนวรั้วที่มีเครือใบตำลึงและวัชพืชขึ้นหนาเป็นบางจุด จนสะดุดเข้ากับต้นไทรใหญ่สูงราวสิบเมตรที่ขึ้นชิดกับรั้วห่างจากประตูทางเข้าเขตบ้านประมาณยี่สิบเมตร
มันเหมือนกับต้นที่เธอเคยเห็นตรงทางเข้าหมู่บ้านที่โลกเดิมเปี๊ยบ!
กมลาสาวเท้าเร็วๆ ไปยืนอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ รากไทรห้อยระย้าให้ความรู้สึกอ่อนหวานและเย็นชื่นมากกว่าความน่ากลัว
“คุณไซ…คุณไซ ใช่คุณไซมี่หรือเปล่า”
สิ้นคำเรียกสุดท้ายเจ้าของชื่อก็ปรากฏตัวขึ้นทันใด หนนี้คุณไซมี่มากับชุดเสื้อยืดดำกางเกงยาวขากว้างสีครีมแบบลำลองคลุมทับด้วยเบลเซอร์สีเลือดหมู
“ว้าว…สายแฟชั่นสุดๆ” กมลาทักทาย ยิ้มแฉ่งดีใจเมื่อเจอคนคุ้นเคย
“รู้ด้วยว่าอยู่ตรงนี้”
“ต้นไทรใบงามสวยเด่นขนาดนี้แก้วจำได้ ดีเลยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาแก้วจะได้วิ่งปรู๊ดมาหาคุณไซมี่”
“แล้วเรียกนี่อยากทักทายกันเฉยๆ เหรอ เวลามีจำกัดนะ พอดีมีนัด”
“กับแฟนเหรอคะ” กมลาถามด้วยความตื่นเต้นอยากรู้จริงจัง
“เดี๋ยวโดน” เทพไทรงามที่สมยอมกับชื่อไซมี่ไปแล้วค้อนตาคว่ำ
รอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนเถอะเขากับยัยใบโพถึงจะเป็นแฟนกันน่ะ!
“แก้วเห็นคู่มือกับกระเป๋าห้างสารพันพาณิชย์แล้ว ขอบคุณนะคะ”
“ให้” คุณไซมี่ยื่นห่อผ้ากำมะหยี่สีทองที่จู่ๆ ก็ปรากฏกลางฝ่ามือมาตรงหน้าเธอ “โบนัสพิเศษที่หากันเจอ เผื่ออยากซื้อของ แล้วอย่าลืมบริหารให้มันงอกเงยด้วยละ อยากรวยเร็วๆ ไม่ใช่เหรอ”
กมลารับห่อผ้ามาเปิดดู ข้างในเป็นธนบัตรใบสีแดงหนึ่งปึก
ค่าเงินในโลกนี้นับเป็นบาทไม่ต่างจากโลกเดิม ค่ามากสุดก็คือธนบัตรใบสีม่วงมูลค่าห้าร้อย
“เงินตั้งหมื่น คุณไซมี่ใจดีที่สุดเลย ขอบคุณค่ะ” ผู้ใหญ่ให้ของต้องรับไว้อย่าอิดออด หญิงสาวยิ้มเต็มแก้ม
“มันแน่อยู่แล้ว ถ้าไม่มีธุระฉันไปนะ” จบประโยคเจ้าของร่างสูงที่ฉายออร่าอย่างซูเปอร์สตาร์ก็แวบหายหลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมเย็นจางๆ
ถูกรับขวัญชีวิตใหม่ด้วยเงินเต็มกระเป๋า กมลาฮัมเพลงอารมณ์ดีเดินเข้าบ้าน สักเดี๋ยวจะเริ่มช่วยป้าเข็มกับป้าเลื่อนทำขนมนางเล็ด นอกจากฝากขายร้านในตัวเมือง พรุ่งนี้พวกเธอจะเอาขนมอีกหลายอย่างพร้อมผักกับของในสวนไปขายที่ตลาดใหญ่ด้วย ถึงมีแค่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันเก่า แต่มันก็ขนของได้มากพอควร เธอขับพาน้องชายไปช่วยขาย ได้เงินแล้วค่อยซื้อของจำเป็นกลับมาบ้าน
ลางสังหรณ์บอกว่าอีกไม่นานเธอจะรวย ต้องมีรถกระบะสักคันได้แน่นอน ฟันธง!
อิ่มข้าวเที่ยงก็ถึงเวลาลงมือทอดขนมนางเล็ด ข้าวเหนียวนึ่งคลุกน้ำใบเตยปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อยแล้วตากจนแห้งเมื่อสามวันก่อนค่อยๆ ถูกหย่อนลงกระทะน้ำมันร้อนได้ที่ งานส่วนนี้เป็นหน้าที่ของป้าเลื่อน กมลาช่วยเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวแล้วโรยหน้าวนเป็นขด หลังกินมื้อค่ำพวกเธอจะทำครองแครงกรอบและนึ่งขนมกล้วยเพิ่มอีกสองถาดไว้ตัดขาย
ช่วงแดดร่มลมเย็น สองหนุ่มทำรายงานและการบ้านเสร็จเรียบร้อยจึงลงมาช่วยลุงมิ่งในสวนผัก และเลือกเก็บของที่จะเอาไปขาย กมลาใช้จังหวะนี้เดินสำรวจรอบที่ดินของตัวเองอย่างละเอียด
แปลงผักกับพืชสวนครัวใกล้บ้านคงต้องสั่งเมล็ดพันธุ์อื่นๆ มาปลูกเพิ่ม อากาศเย็นดีไม่ร้อนเลย เธอคิดว่าน่าจะปลูกผักกินหัวหรือผักเมืองหนาวอื่นๆ ลดความจำเจจากผักบุ้ง คะน้า ผักกาดพื้นเมืองที่เก็บกินแทบจะทุกวัน อาจเพิ่มแปลงผักแนวตั้งเพื่อเพิ่มผลผลิตไว้เผื่อขายในอนาคตด้วย
ไกลออกไปเป็นร่องสวนที่ปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าวไว้คั้นกะทิบ้างประปราย เดี๋ยวเธอจะเข้าห้างสารพันพาณิชย์หาพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมหรือไม้ยืนต้นไว้กินผลอื่นๆ มาลง อย่างเช่นส้ม ฝรั่ง พุทรา เงาะ ลำไย แก้วมังกร กล้วยหอมกล้วยไข่ก็น่าปลูก ชมพู่พันธุ์ดี น้อยหน่า มะม่วงซึ่งหากินไม่ได้ที่จังหวัดศรีพนา ปลูกอย่างละสี่ห้าต้น ดูแลดีๆ คงได้ผลไว้ขายหมุนเวียนไม่พักมือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องลงทุนกับเรื่องแรงงานที่จะมาช่วยนอกจากพึ่งลุงมิ่งกับหลานเขยป้าเลื่อน
มีผลไม้ยืนต้นแล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือพืชไร่อย่างแตงโม สับปะรด พริกแปลงใหญ่ก็น่าสน ดาวเรืองร้อยมาลัยก็น่าลอง ที่ดินตรงนี้แต่ก่อนคุณตาของเธอปล่อยให้คนต่างด้าวเช่าปลูกผักขาย
บ้านเธอเลี้ยงไก่เป็ดเอามาทำอาหาร ซื้อเฉพาะหมูหรือของทะเลบ้างนานที ส่วนปลา หอย กุ้งมีให้จับที่แม่น้ำท้ายบ้าน ทุกวันพุธจะมีเรือขายของแห้งของสดรวมถึงสารพัดของใช้จิปาถะราวกับร้านชำลอยน้ำแวะมาจอดตรงท่าน้ำแต่ละบ้านตามเวลาที่นัดไว้ ทำให้หลายบ้านริมน้ำไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อของถึงตลาดใหญ่
คิดแล้วก็อยากกินบาบีคิว แต่ราคาเนื้อวัวค่อนข้างแพง ถ้าจู่ๆ เอาเงินจากคุณไซมี่ซื้อเลยคงจะผิดสังเกต เงินก้อนนี้คงต้องกระมิดกระเมี้ยนใช้จ่าย หรือต้องหาเหตุผลของการมีขึ้นมาเสียก่อน ถ้าบอกเงินมันหล่นจากฟ้าหรือได้จากคุณต้นไทรหน้าบ้าน ใครจะเชื่อคำพูดเธอ
กมลาไม่ได้อยู่ดูละครหลังข่าวกับสองป้า เธอแยกตัวเข้าห้อง ปิดประตูลงกลอนอย่างดีเพื่อเปิดดูของในห้างสารพันพาณิชย์ ของอย่างแรกที่เธอจ่ายด้วยเงินจากคุณไซมี่ก็คือการสั่งทำป้ายแขวนหน้าบ้านอันใหม่
รอสามวันป้ายไม้แบบเซาะร่องลงสีขาวคำว่า ‘บ้านเสกสราญ’ ตกแต่งด้วยปีกนกท้ายชื่อก็ถูกคุณพนักงานข้ามมิติของห้างสารพันพาณิชย์นำมาส่ง
“แก้วใช้เงินเก็บสั่งทำ หลายวันก่อนตอนไปส่งขนมร้านหน้าโรงเรียนเจอร้านทำป้ายเปิดใหม่เขาขับรถโฆษณาผ่านพอดี ได้ราคาพิเศษด้วยแหละ สราญก็คือสำราญ ต่อไปบ้านเราจะมีแต่ความสุขสำราญราวกับเสกได้ ป้าเข็มว่าดีไหม”
ก่อนจะเป็นนังรินนี่ เขาก็เคยชื่อเล่นว่าไอ้เสกมาก่อนละนะ
“ดีสิดี ตามใจน้องแก้วเถอะ”
ขอบคุณสวรรค์ที่บอกเล่าอะไรสมาชิกในบ้านก็ไม่สงสัยซักความเพิ่มเลย ชีวิตแบบนี้มันช่างดี๊ดี
*****
นิยายแบบค่อยเป็นค่อยไป ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนะคะ